การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน พ.ศ. 2532
From Wikipedia, the free encyclopedia
การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน (อังกฤษ: Tiananmen Square protests) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในจีนแผ่นดินใหญ่ว่า เหตุการณ์ 4 มิถุนายน (อังกฤษ: June Fourth Incident; จีน: 六四事件; พินอิน: liùsì shìjiàn) เป็นการเดินขบวนที่มีนักศึกษาเป็นหัวหน้า จัดในจัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่งระหว่างปี 2532 ขบวนการประชาชนระดับชาติได้รับบันดาลใจจากผู้ประท้วงกรุงปักกิ่ง บ้างเรียก ขบวนการประชาธิปไตยปี 89 (จีน: 八九民运; พินอิน: bājiǔ mínyùn) หรือหากเรียกว่า การสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน (อังกฤษ: Tiananmen Square Massacre; จีน: 天安门大屠杀; พินอิน: Tiān'ānmén dà túshā) จะหมายถึงเหตุที่ทหารจีนที่ใช้ปืนเล็กยาวและรถถังยิงผู้ประท้วงและผู้พยายามกีดขวางการยาตราเข้าพื้นที่จัตุรัส การประท้วงเริ่มต้นในวันที่ 15 เมษายนและถูกปราบปรามด้วยกำลังในวันที่ 4 มิถุนายนเมื่อรัฐบาลประกาศกฎอัยการศึกและส่งกองทัพเข้ายึดครองส่วนกลางของกรุงปักกิ่ง มีเหตุการณ์ที่ทหารถือปืนเล็กยาวจู่โจมและรถถังยิงใส่ผู้ประท้วงและผู้พยายามขัดขวางการรุกของกองทัพเข้าสู่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งเรียก การสังหารหมู่จัตุรัสเทียนอันเหมิน มีประมาณยอดผู้เสียชีวิตตั้งแต่หลายร้อยถึงหลายพันคน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายพันคน[2][3][4][5][6][7]
การประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน พ.ศ. 2532 | |||
---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ ขบวนการประชาธิปไตยจีนในปี 1989, การปฏิวัติ ค.ศ. 1989 และสงครามเย็น | |||
วันที่ | 15 เมษายน – 4 มิถุนายน 2532 | ||
สถานที่ | กรุงปักกิ่งและอีก 400 นครทั่วประเทศ จัตุรัสเทียนอันเหมิน 39°54′12″N 116°23′30″E | ||
สาเหตุ |
| ||
เป้าหมาย | ยุติการฉ้อราษฎร์บังหลวงในพรรคคอมมิวนิสต์ การปฏิรูปประชาธิปไตย เสรีภาพสื่อ เสรีภาพในการพูด เสรีภาพในการสมาคม | ||
วิธีการ | การประท้วงอดอาหาร ปักหลักชุมนุม การยึดพื้นที่จัตุรัสสาธารณะ | ||
ผล |
| ||
คู่ขัดแย้ง | |||
| |||
ผู้นำ | |||
| |||
ความเสียหาย | |||
เสียชีวิต | ไม่มีตัวเลขแน่นอน มีประมาณตั้งแต่หลักร้อยถึงแสนคน[1] |
การประท้วงดัวกล่าวเกิดจากผู้นำคอมมิวนิสต์สายปฏิรูป หู ย่าวปัง เสียชีวิตในเดือนเมษายน 2532 ท่ามกลางฉากหลังที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างรวดเร็วในประเทศจีนหลังยุคเหมา ผู้ประท้วงสะท้อนความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของประเทศในความสำนึกของประชาชนและในหมู่อภิชนทางการเมือง การปฏิรูปในคริสต์ทศวรรษ 1980 นำไปสู่เศรษฐกิจแบบตลาดเพิ่งเริ่มใหม่ที่เอื้อประโยชน์แก่คนบางกลุ่ม แต่ทำให้คนที่เหลือเอาใจออกห่างอย่างรุนแรง และระบบพรรคการเมืองเดียวยังเผชิญกับการท้าทายความชอบธรรม ความเดือดร้อนทั่วไปในเวลานั้นได้แก่เงินเฟ้อ การฉ้อราษฎร์บังหลวง การเตรียมพร้อมบัณฑิตสำหรับเศรษฐกิจใหม่ที่มีจำกัด[8] และการจำกัดการมีส่วนร่วมทางการเมือง นักศึกษายังเรียกร้องให้รัฐบาลมีภาระความรับผิดเพิ่มขึ้น กระบวนการทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตย เสรีภาพสื่อ และเสรีภาพในการพูด แม้นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่มีการจัดตั้งและมีเป้าหมายหลากหลาย ในช่วงที่การประท้วงสูงสุด มีประชาชนประมาณ 1 ล้านคนชุมนุมในจัตุรัส[9]
ขณะที่การประท้วงพัฒนา ทางการตอบโต้ทั้งด้วยยุทธวิธีประนอมและสายแข็ง ซึ่งเปิดเผยความแตกแยกร้าวลึกในหมู่หัวหน้าพรรค[10] เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม การประท้วงอดอาหารที่นักศึกษานำทำให้เกิดการสนับสนุนการเดินขบวนท่วประเทศ และการประท้วงแพร่ไปยังนคร 400 แห่ง[11] สุดท้ายผู้นำสูงสุดของจีน เติ้ง เสี่ยวผิง และผู้อาวุโสในพรรคคอมมิวนิสต์คนอื่นเชื่อว่าการประท้วงเป็นภัยคุกคามทางการเมืองและตัดสินใจใช้กำลัง[12][13] สภารัฐประกาศกฎอัยการศึกในวันที่ 20 พฤษภาคมและระดมทหารประมาณ 300,000 นายมายังกรุงปักกิ่ง[11] ทหารบุกเข้าสู่ส่วนกลางของกรุงปักกิ่งผ่านถนนสำคัญของนครในเช้ามืดวันที่ 4 มิถุนายน และฆ่าผู้เดินขบวนและคนมุงไปพร้อมกัน
ชุมชนนานาชาติ องค์การสิทธิมนุษยชนและนักวิเคราะห์การเมืองประณามรัฐบาลจีนจากการสังหารหมู่ ประเทศตะวันตกกำหนดการคว่ำบาตรอาวุธต่อประเทศจีน[14] รัฐบาลจีนจับกุมผู้ประท้วงและผู้สนับสนุนอย่างกว้างขวาง ปราบปรามการประท้วงอื่นทั่วประเทศ ควบคุมการรายงานเหตุการณ์ของสื่อในประเทศอย่างเข้มงวด เสริมกำลังตำรวจกำลังความมั่นคงภายใน และลดระดับหรือขับไล่เจ้าหน้าที่ที่ดูฝักใฝ่การประท้วง[15] กล่าวให้กว้างขึ้น การปราบปรามชะลอนโยบายการเปิดเสรีในคริสต์ทศรรษ 1980 การประท้วงดังกล่าวถือเป็นเหตุการณ์พลิกผัน และกำหนดข้อจำกัดการแสดงออกทางการเมืองในประทศจีนจวบจนปัจจุบัน[16] ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์สัมพันธ์กับการตั้งคำถามถึงความชอบธรรมขอการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์อย่างกว้างขวาง และเป็นหัวข้อที่มีการตรวจพิจารณามากที่สุดในประเทศจีน[17][18]