ผู้ใช้:Applezapotis/กระบะทราย
From Wikipedia, the free encyclopedia
ทางรถไฟสายลิเวอร์พูล–แมนเชสเตอร์ (แอลแอนด์เอ็ม) เปิดเดินรถเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1830 โดยเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1820 มีเป้าหมายเพื่อเชื่อมการเดินทางระหว่างเมืองอุตสาหกรรมสำคัญอย่างแมนเชสเตอร์ไปยังท่าเรือน้ำลึกที่ใกล้ที่สุดคือท่าเรือลิเวอร์พูล ซึ่งมีระยะทางรวมประมาณ 35 ไมล์ (56 กิโลเมตร) ในช่วงเวลาดังกล่าว แม้มีการใช้ระบบรถไฟที่ใช้ม้าลากจูงอยู่บ้างแล้ว และโรงงานอุตสหกรรมบางแห่งใช้รถจักรไอน้ำยุคเริ่มแรกในการลากจูงสินค้าปริมาณมาก แต่แอลแอนด์เอ็มเป็นทางรถไฟสายแรกซึ่งใช้รถจักรลากจูงเพื่อเชื่อมเมืองสำคัญสองแห่งเข้าด้วยกัน ทั้งยังเป็นสายแรกที่มีบริการเดินรถโดยสารตามตารางเวลาอีกด้วย การเปิดเดินรถถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ซึ่งนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร อาร์เธอร์ เวลสลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งเวลลิงตัน ร่วมโดยสารหนึ่งในขบวนรถไฟปฐมฤกษ์จากทั้งหมด 8 ขบวน เช่นเดียวกับแขกผู้มีเกียรติและบุคคลมีชื่อเสียงรายอื่น ๆ ในวันนั้น ฝูงชนจำนวนมากต่างมาชมการปล่อยขบวนรถไฟไปยังเมืองแมนเชสเตอร์ ยืนเรียงรายอยู่สองข้างทางรถไฟในเมืองลิเวอร์พูล
นี่คือหน้าทดลองเขียนของ Applezapotis หน้าทดลองเขียนเป็นหน้าย่อยของหน้าผู้ใช้ ซึ่งผู้ใช้มีไว้ทดลองเขียนหรือไว้พัฒนาหน้าต่าง ๆ แต่นี่ไม่ใช่หน้าบทความสารานุกรม ทดลองเขียนได้ที่นี่ หน้าทดลองเขียนอื่น ๆ: หน้าทดลองเขียนหลัก |
ทั้งหมดเริ่มเดินทางออกจากลิเวอร์พูลตรงเวลาและไม่พบปัญหาทางเทคนิคแต่อย่างใด ขบวนรถไฟของดยุกแห่งเวลลิงตันแล่นอยู่บนทางรถไฟทางหนึ่ง ในขณะที่รถขบวนอื่น ๆ อีก 7 ขบวนแล่นอยู่บนทางคู่ขนานบริเวณใกล้เคียง ผลัดกันแล่นนำบ้างแล่นตามบ้างในบางช่วงเวลา เมื่อเดินทางออกจากลิเวอร์พูลได้เป็นระยะทางประมาณ 13 ไมล์ (21 กิโลเมตร) ก็เริ่มประสบกับปัญหาแรก (จากหลาย ๆ ปัญหาที่จะตามมา) เมื่อรถขบวนหนึ่งเกิดตกรางและมีรถอีกขบวนหนึ่งซึ่งแล่นตามหลังมาพุ่งชนซ้ำ อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหาย จากนั้นขบวนรถที่ตกรางถูกยกกลับขึ้นไปบนรางและออกเดินทางต่อตามปกติ ต่อมาขบวนรถไฟจึงได้หยุดแวะเติมน้ำตามตารางการเดินรถที่สถานีรถไฟพาร์กไซด์ซึ่งใกล้กับจุดกึ่งกลางของทางรถไฟสายดังกล่าว แม้เจ้าหน้าที่รถไฟจะแนะนำให้ผู้โดยสารยังคงนั่งอยู่บนขบวนรถ แต่มีแขกผู้มีเกียรติประมาณ 50 คน ฝ่าฝืนคำแนะนำและลงจากตู้โดยสารเมื่อขบวนรถพิเศษของดยุกแห่งเวลลิงตันหยุดเทียบสถานี หนึ่งในนั้นคือวิลเลียม ฮัสคิสสัน อดีตรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภาจากเมืองลิเวอร์พูล ก่อนหน้านี้ฮัสคิสสันเป็นบุคคลผู้มีอิทธิพลอย่างมากต่อการสถาปนาจักรวรรดิบริติชและเป็นผู้ออกแบบหลักการการค้าเสรี แต่ในปี ค.ศ. 1828 เกิดไม่ลงรอยกับดยุกแห่งเวลลิงตันในประเด็นการปฏิรูปรัฐสภาและได้ลาออกจากตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ในวันดังกล่าวฮัสคิสสันหวังจะคืนดีกับนายกรัฐมนตรี จึงได้ลงจากขบวนรถไฟของตนและเดินไปยังขบวนรถพิเศษเพื่อจับมือกับดยุกแห่งเวลลิงตัน จนไม่ทันได้ระวังว่ามีรถไฟอีกขบวนกำลังแล่นเทียบสู่สถานีในบริเวณใกล้เคียง เมื่อตระหนักได้แล้วจึงเกิดตื่นตระหนกและพยายามจะขึ้นไปบนขบวนรถของดยุก ฯ แต่ประตูตู้รถไฟเปิดกว้างออกทำให้เขาห้อยอยู่บนทางรถไฟพอดิบพอดี จากนั้นจึงหล่นลงบนทางรถไฟด้านหน้ารถจักร ร็อกเก็ต ที่กำลังแล่นเข้ามาทับร่างของเขา ทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรงที่ขาและเสียชีวิตในเวลาต่อมาในคืนวันเดียวกัน
จากอุบัติเหตุที่สถานีรถไฟพาร์กไซด์ ดยุกแห่งเวลลิงตันรู้สึกว่าควรจะยกเลิกกำหนดการณ์ที่เหลือของวันและเสนอให้เดินทางกลับลิเวอร์พูล อย่างไรก็ตาม ฝูงชนจำนวนมากได้มารวมตัวกันรอรับการมาถึงของขบวนรถไฟเป็นที่เรียบร้อยและเริ่มรู้สึกไม่พอใจบ้างแล้ว จึงได้โน้มน้าวให้นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อตามเดิม เมื่อขบวนรถแล่นมาถึงบริเวณชานเมืองแมนเชสเตอร์ ฝูงชนผู้โกรธเคืองเริ่มทะลักลงมายืนเกะกะอยู่บนทางรถไฟ แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกลับไม่สามารถควบคุมให้ฝูงชนออกจากทางรถไฟได้ ขบวนรถเที่ยวปฐมฤกษ์จึงต้องแล่นอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ ใช้แรงขับของตนผลักดันฝูงชนออกจากทาง จนในที่สุดก็ได้แล่นมาถึงสถานีรถไฟลิเวอร์พูลโรดในเมืองแมนเชสเตอร์ ต้อนรับโดยฝูงชนผู้โกรธเคืองซึ่งโบกป้ายผ้าและธงอย่างไม่เป็นมิตรไปที่นายกรัฐมนตรี ในขณะที่บางส่วนได้ปาผักไปที่รถไฟโดยตรง ดยุกแห่งเวลลิงตันไม่ยอมลงจากขบวนรถของตนและสั่งการให้เดินทางกลับลิเวอร์พูลโดยเร็ว แต่กลับเกิดปัญหาทางเทคนิคกับขบวนรถและไม่สามารถกลับหัวรถจักรได้ ส่งผลให้รถไฟหลายขบวนไม่สามารถเดินทางออกจากแมนเชสเตอร์ได้ทันที มีเพียงขบวนของดยุกแห่งเวลลิตันเท่านั้นที่เดินทางกลับได้สำเร็จ และมีรถจักรที่ใช้งานได้เพียง 3 คัน จากทั้งหมด 7 คันที่เหลืออยู่ โดยที่รถจักร 3 คันนี้ค่อย ๆ ลากขบวนรถไฟจำนวน 24 ตู้ กลับไปยังลิเวอร์พูลจนถึงปลายทางในเวลาต่อมา ช้าจากกำหนดการณ์เดิมไป 6 ชั่วโมงครึ่งเนื่องจากถูกประชาชนผู้เมามายอยู่สองข้างทางรถไฟปาสิ่งของใส่ขบวนรถจากบนสะพาน
การถึงแก่กรรมและงานศพของฮัสคิสสันส่งผลให้มีรายงานข่าวการเปิดเดินรถไฟสายดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ช่วยให้ผู้คนทั่วโลกได้รับรู้ว่าการเดินทางระยะไกลที่รวดเร็วและประหยัดได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วเป็นครั้งแรก ต่อมาทางรถไฟสายลิเวอร์พูล–แมนเชสเตอร์ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลาเพียงหนึ่งเดือนนับแต่การเปิดเดินรถก็ได้มีแผนขยายเส้นทางจากลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ไปเชื่อมเมืองสำคัญอื่น ๆ ของอังกฤษตามมา และภายในช่วงเวลาสิบปี ได้มีการสร้างทางรถไฟเพิ่มเติมเป็นระยะทางทั้งสิ้น 1,775 ไมล์ (2,857 กิโลเมตร) ทั่วบริเตน ก่อนที่จะขยายเป็น 6,200 ไมล์ (10,000 กิโลเมตร) ในอีกยี่สิบปีถัดมา ทุกวันนี้ทางรถไฟสายลิเวอร์พูล–แมนเชสเตอร์ยังคงเปิดดำเนินการตามปกติ และการเปิดเดินรถในครั้งนั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นของการขนส่งด้วยเครื่องจักรกล ซึ่งปีเตอร์ พาร์กเกอร์ นักอุตสาหกรรมและอดีตประธานบริษัทบริติชแรล ได้กล่าวว่า "โลกคือทางรถไฟสายรองซึ่งแตกแขนงมากจากการเริ่มเดินรถไฟสายลิเวอร์พูล–แมนเชสเตอร์"