สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
สมาชิกราชวงศ์สยาม / From Wikipedia, the free encyclopedia
พลเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ (21 มิถุนายน พ.ศ. 2405 – 1 ธันวาคม พ.ศ. 2486) เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาชุ่ม ท.จ.ว. และเป็นองค์ต้นราชสกุลดิศกุล[12] ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดระบบการศึกษาไทยและการปกครองส่วนท้องถิ่นสมัยใหม่ พระองค์ทรงเป็นนักประวัติศาสตร์ผู้เรียนรู้ด้วยพระองค์เอง และเป็นปัญญาชนชาวไทยที่ทรงอิทธิพลที่สุดพระองค์หนึ่ง[13]
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น 4 พระองค์เจ้าชั้นเอก | |||||||||
ทรงฉายใน พ.ศ. 2485 | |||||||||
เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย | |||||||||
ดำรงตำแหน่ง 1 เมษายน พ.ศ. 2435[1] – 8 สิงหาคม พ.ศ. 2458[2] | |||||||||
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||||||
ก่อนหน้า | เจ้าพระยารัตนบดินทร์ (ในฐานะสมุหนายก) | ||||||||
ถัดไป | เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ | ||||||||
เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร | |||||||||
ดำรงตำแหน่ง 29 มิถุนายน พ.ศ. 2466[3] – 23 มีนาคม พ.ศ. 2468[4] | |||||||||
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||||||
ก่อนหน้า | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ | ||||||||
ถัดไป | ยุบกระทรวง | ||||||||
อภิรัฐมนตรี[5] | |||||||||
ดำรงตำแหน่ง 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 – 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2475[6] | |||||||||
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||||||
องคมนตรี[7][8][9][10] | |||||||||
ดำรงตำแหน่ง 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2430 – 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2475[11] | |||||||||
กษัตริย์ | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||||||
เจ้าพนักงานใหญ่ ผู้ช่วยบัญชาการทหารบก | |||||||||
ดำรงตำแหน่ง เมษายน พ.ศ. 2430 – เมษายน พ.ศ. 2433 | |||||||||
สมุหพระกลาโหม | เจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ เจ้าพระยาพลเทพ | ||||||||
ถัดไป | พระยาสุรศักดิ์มนตรี (ในฐานะเจ้ากรมทหารบก) | ||||||||
ประสูติ | 21 มิถุนายน พ.ศ. 2405 กรุงเทพพระมหานคร ประเทศสยาม (ปัจจุบัน กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย) | ||||||||
สิ้นพระชนม์ | 1 ธันวาคม พ.ศ. 2486 (81 ปี) วังวรดิศ จังหวัดพระนคร ประเทศไทย (ปัจจุบัน กรุงเทพมหานคร) | ||||||||
หม่อม (สะใภ้หลวง) | เฉื่อย ยมาภัย | ||||||||
หม่อม | 10 ท่าน | ||||||||
| |||||||||
พระบุตร | 37 องค์ | ||||||||
ราชวงศ์ | จักรี | ||||||||
ราชสกุล | ดิศกุล | ||||||||
พระบิดา | พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | ||||||||
พระมารดา | เจ้าจอมมารดาชุ่ม | ||||||||
ศาสนา | เถรวาท | ||||||||
อาชีพ | ทหาร นักการเมือง นักประวัติศาสตร์ นักวิชาการ | ||||||||
ลายพระอภิไธย | |||||||||
การศึกษา | |||||||||
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง | |||||||||
รับใช้ | สยาม | ||||||||
แผนก/ | กองทัพบกสยาม กองเสือป่า | ||||||||
ชั้นยศ | พลเอก นายกองเอก | ||||||||
บังคับบัญชา | เจ้าพนักงานใหญ่ ผู้ช่วยบัญชาการทหารบก | ||||||||
นอกจากนี้ ยังทรงพระปรีชาสามารถในด้านการศึกษา การปกครอง การต่างประเทศ การสาธารณสุข หลักรัฐประศาสนศาสตร์เปรียบเทียบ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปวัฒนธรรม ทรงได้รับพระสมัญญานามเป็น "พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์และโบราณคดีไทย" และ "พระบิดาแห่งมัคคุเทศก์ไทย" ทรงเป็นองค์ผู้อำนวยการก่อตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ที่ประชุมใหญ่ขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศถวายสดุดีให้พระองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลกคนแรกของประเทศไทย[14] และวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เป็นวันดำรงราชานุภาพ กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการถวายความรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณเป็นอเนกอนันต์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย และบุคคลสำคัญของโลกคนแรกของประเทศไทย[15]
ประสูติ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร (อ่านว่า ดิด-สะ-วอ-ระ-กุ-มาร) เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 57 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระองค์เดียวที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาชุ่ม ท.จ.ว. ณ พระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2405 ชาววังออกพระนามโดยลำลองว่า "พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร หรือ เสด็จพระองค์ดิศ" พระองค์ได้รับพระราชทานพระนามจากพระบิดาในวันสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ โดยมีรายละเอียดว่า[16]
"สมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าแผ่นดินสยามผู้พระบิดา ขอตั้งนามกุมารบุตรที่เกิดแต่ชุ่มเล็กเป็นมารดานั้น และซึ่งคลอดในวันเสาร์ แรม 9 ค่ำ เดือน 7 ปีจอจัตวาศกนั้น ว่าดังนี้ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร นาคนาม ขอจงเจริญชนมายุ วรรณ สุข พล ปฏิภาณ สรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคลทุกประการ สิ้นกาลนานต่อไปเทอญ"
โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำเอานามของพระยาอัพภันตริกามาตย์ (ดิศ โรจนดิศ) ซึ่งเป็นบิดาของเจ้าจอมมารดาชุ่มมาตั้งพระราชทาน เนื่องจากทรงพระราชดำริว่าท่านเป็นคนซื่อตรง[17]
ทรงศึกษา
พระองค์ทรงเริ่มเรียนหนังสือไทยชั้นต้นจากสำนักคุณแสงและคุณปาน ราชนิกุล ในพระบรมมหาราชวัง ทรงศึกษาภาษาอังกฤษในโรงเรียนหลวง ซึ่งมีมิสเตอร์ ฟรานซิส ยอร์ช แพตเตอร์สัน เป็นพระอาจารย์
- พ.ศ. 2418 ขณะพระชันษา 13 ปี ผนวชเป็นสามเณรที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และประทับจำพรรษาที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร
- พ.ศ. 2420 ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก ได้รับพระราชทานยศเป็นนายร้อยตรีทหารมหาดเล็ก บังคับกองแตรวง ขณะพระชันษา 15 ปี
รับราชการ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงประกอบพระกรณียกิจด้านต่าง ๆ และทรงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระเชษฐา ถึงขนาดตรัสชมว่า ทรงเป็นเสมือน "เพชรประดับพระมหาพิชัยมงกุฎ"
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดให้เปลี่ยนคำนำพระนามเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ[18] และในวันต่อมาพระองค์ท่านได้เข้าถือน้ำพิพัฒน์สัตยาและรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม[19] สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ได้สนองพระเดชพระคุณตลอดมา ตราบจนทรงพระชราภาพ ไม่สามารถทำราชการหนักในตำแหน่งต่อไปอีก จึงกราบถวายบังคมลาออกจากตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงเป็นเสนาบดีที่ปรึกษา[20][21]
สิ้นพระชนม์
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เริ่มประชวรด้วยโรคพระหทัยมาตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2484 จึงเสด็จกลับมารักษาพระอาการประชวรในประเทศไทย (ก่อนหน้านั้นทรงประทับอยู่ ณ เกาะปีนังบริติชมลายู ภายหลังเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475) พระอาการทรงและทรุดเรื่อยมาจนสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2486 ที่วังวรดิศ ถนนหลานหลวง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร สิริรวมพระชันษา 81 ปี[20][21] อนึ่ง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงมีพระโอรสสืบราชสกุล คือ หม่อมเจ้าจุลดิศ ดิศกุล นายทหารม้าราชองครักษ์และองคมนตรีในรัชกาลที่ 7, พระนัดดา (หลาน) คือ หม่อมราชวงศ์สังขดิศ ดิศกุล อดีตเอกอัครราชทูต ณ ประเทศมาเลเซีย สมาพันธรัฐสวิส และนครรัฐวาติกัน, พระปนัดดา (เหลน) ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าสืบตระกูล (ต.อ.จ.) และดำรงรักษาวังวรดิศ คือ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม จังหวัดเชียงใหม่ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสมาชิกสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งหม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล มีบุตรชายสืบตระกูลคนเดียว คือ นายวรดิศ ดิศกุล ณ อยุธยา ปัจจุบันเป็นนักศึกษาหลักสูตรปริญญาเอกทาง "Innovation Management" ผู้มีศักดิ์ลำดับเป็นทายาทชั้นลื่อของพระองค์ท่าน
- พ.ศ. 2422 ได้รับพระราชทานพระยศเป็นนายร้อยโท ผู้บังคับการทหารม้า ในกรมทหารมหาดเล็กและในปีเดียวกันนี้ได้รับพระราชทานพระยศเป็น นายร้อยเอก ราชองค์รักษ์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะพระชันษา 17 ปี
- พ.ศ. 2423 ได้รับพระราชทานเลื่อนพระยศเป็นนายพันตรี ผู้สนองพระบรมราชโองการ ว่าการกรมทหารมหาดเล็ก
- พ.ศ. 2424 โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปสังกัดกรมทหารปืนใหญ่ ซึ่งเรียกกันในสมัยนั้นว่า "กรมกองแก้วจินดา" ทรงจัดตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ
- พ.ศ. 2425 ผนวชเป็นพระภิกษุ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และประทับจำพรรษาที่วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- พ.ศ. 2428 โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปเป็นผู้บังคับการทหารมหาดเล็ก และได้รับพระราชทานพระยศเป็นนายพันโท[22]
- พ.ศ. 2430 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้บัญชาการทหารบก
- พ.ศ. 2430 เป็นองคมนตรี[23][24]
- พ.ศ. 2431 ได้รับพระราชทานพระยศนายพลตรี[25]
- 5 เมษายน พ.ศ. 2432 โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากงานฝ่ายทหารไปปฏิบัติงานทางพลเรือน ทรงเป็นผู้กำกับการ กรมธรรมการ[26]
- พ.ศ. 2433 โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนขึ้นเป็นอธิบดีกรมศึกษาธิการ[27]
- พ.ศ. 2435 - 2458 โปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
- พ.ศ. 2437 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสภา[28]
- 29 สิงหาคม พ.ศ. 2444 ได้รับพระราชทานพระยศนายพลโท[29]
- พ.ศ. 2448 ตั้งการสุขาภิบาลหัวเมือง
- พ.ศ. 2458 ดำรงตำแหน่งนายกหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร
- พ.ศ. 2466 ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมุรธาธร และเป็นนายพลเอก
- พ.ศ. 2468 ดำรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรี
- พ.ศ. 2469 ดำรงตำแหน่งนายกราชบัณฑิตยสภา
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นองค์ต้นราชสกุลดิศกุล มีหม่อม 11 คน ได้แก่
- หม่อมเฉื่อย (สกุลเดิม ยมาภัย)
- หม่อมนวม (สกุลเดิม โรจนดิศ)
- หม่อมลำดวน (สกุลเดิม วสันตสิงห์) ธิดาหลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ (สิงโต วสันตสิงห์)
- หม่อมแสง (สกุลเดิม ศตะรัตน์) ธิดาพระดำรงราชานุภาพ
- หม่อมเจิม (สกุลเดิม สนธิรัตน์) ธิดาพระยาอุไทยมนตรี (ทิม สนธิรัตน์)
- หม่อมอบ (สกุลเดิม สุขไพบูลย์)
- หม่อมหลวงใหญ่ (เดิม หม่อมหลวงลำดวน อิศรเสนา) ธิดาหม่อมเทวาธิราช (หม่อมราชวงศ์แดง อิศรเสนา)
- หม่อมหยาด (สกุลเดิม กลัมพากร) ธิดาพระจำนงค์อักษร (เปลี่ยน กลัมพากร)
- หม่อมเป๋า
- หม่อมเยื้อน
- หม่อมเพิ่ม (สกุลเดิม สุขไพบูลย์)
โดยมีพระโอรสและพระธิดารวมทั้งหมด 37 องค์ เป็นชาย 14 องค์ เป็นหญิง 23 องค์
พระรูป | พระนาม | หม่อมมารดา | ประสูติ | สิ้นชีพิตักษัย | คู่สมรส |
---|---|---|---|---|---|
1. พันโท หม่อมเจ้าจุลดิศ (ท่านชายใหญ่) ท.จ. (องคมนตรี) | ที่ 1 ในหม่อมเฉื่อย | 27 ธันวาคม พ.ศ. 2424 | 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2490 | หม่อมแช่ม (เปาโรหิตย์) | |
2. หม่อมเจ้าอิทธิดำรง (ท่านชายกลาง) | ที่ 2 ในหม่อมเฉื่อย | 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428 | 12 เมษายน พ.ศ. 2436 | ||
3. หม่อมเจ้าหญิงจงจิตรถนอม (ท่านหญิงใหญ่) | ที่ 1 ในหม่อมนวม | 3 สิงหาคม พ.ศ. 2429 | 23 กันยายน พ.ศ. 2521 | ||
4. หม่อมเจ้าหญิงพร้อมเพราพรรณ (ท่านหญิงกลาง) | ที่ 2 ในหม่อมนวม | 9 ธันวาคม พ.ศ. 2431 | 4 กันยายน พ.ศ. 2467 | พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร | |
5. อำมาตย์ตรี หม่อมเจ้าทรงวุฒิภาพ (ท่านชายเล็ก) | ที่ 3 ในหม่อมเฉื่อย | 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2432 | 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2469 | หม่อมราชวงศ์หญิงสอิ้ง (สนิทวงศ์) หม่อมราชวงศ์หญิงสุทธิสอาด (สนิทวงศ์) | |
6. หม่อมเจ้าหญิง (แฝด) | ที่ 4 ในหม่อมเฉื่อย | ไม่ทราบปี | ราว 3 ชั่วโมงหลังประสูติ[30] | ||
7. หม่อมเจ้าหญิง (แฝด) | ที่ 5 ในหม่อมเฉื่อย | ไม่ทราบปี | ราว 3 ชั่วโมงหลังประสูติ | ||
8. หม่อมเจ้ารัชลาภจิรธิษฐ (ท่านชายอี๊ด) | ที่ 6 ในหม่อมเฉื่อย | มิถุนายน พ.ศ. 2436 | 21 สิงหาคม พ.ศ. 2443 | ||
9. หม่อมเจ้าหญิงสรรพสมบูรณ์ (ท่านหญิงกลัด) | ที่ 3 ในหม่อมนวม | 4 ตุลาคม พ.ศ. 2436 | 15 มกราคม พ.ศ. 2463 | ||
10. หม่อมเจ้าหญิง (ไม่ปรากฏพระนาม) | 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2437 | ในวันประสูติ | |||
11. หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย (ท่านหญิงพูน) | ที่ 7 ในหม่อมเฉื่อย | 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2438 | 11 สิงหาคม พ.ศ. 2533 | ||
12. หม่อมเจ้าหญิงพิไลยเลขา (ท่านหญิงพิไลย) | ที่ 8 ในหม่อมเฉื่อย | 8 สิงหาคม พ.ศ. 2440 | 11 ธันวาคม พ.ศ. 2528 | ||
13. หม่อมเจ้าหญิง (แฝด) | ที่ 1 ในหม่อมลำดวน | 8 มกราคม พ.ศ. 2440 | 22 เมษายน พ.ศ. 2455 | ||
ไฟล์:หม่อมเจ้าพัฒนายุ.JPG | 14. หม่อมเจ้าหญิงพัฒนายุ หรือ หม่อมเจ้าหญิงพัฒนายุคุณวรรณ (แฝด) (ท่านหญิงเหลือ) | ที่ 2 ในหม่อมลำดวน | 8 มกราคม พ.ศ. 2440 | 3 ธันวาคม พ.ศ. 2516 | |
15. หม่อมเจ้าหญิงบันลุศิริศานต์ (ท่านหญิงเภา) | ที่ 1 ในหม่อมเจิม | กันยายน พ.ศ. 2441 | 22 เมษายน พ.ศ. 2455 | ||
16. หม่อมเจ้าหญิงบันดาลสวัสดี (ท่านหญิงน้อย) | ที่ 9 ในหม่อมเฉื่อย | 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2442 | 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 | หม่อมเจ้าไตรทิพเทพสุต เทวกุล | |
17. หม่อมเจ้าหญิงสิวลีวิลาศ (ท่านหญิงแดง) | ที่ 3 ในหม่อมลำดวน | 11 มกราคม พ.ศ. 2443 | 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 | ||
18. หม่อมเจ้าหญิงมารยาตรกัญญา (ท่านหญิงแย้ม) | ที่ 1 ในหม่อมแสง | 8 เมษายน พ.ศ. 2445 | 11 ธันวาคม พ.ศ. 2549 | ||
19. หม่อมเจ้าดิศศานุวัติ (ท่านชายน้อย) | ที่ 10 ในหม่อมเฉื่อย | 4 สิงหาคม พ.ศ. 2445 | 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 | หม่อมเจ้าหญิงลุอิสาณ์ (จักรพันธุ์) | |
20. หม่อมเจ้าหญิงอัปภัศราภา (ท่านหญิงแก้ว) | ที่ 2 ในหม่อมเจิม | 4 มิถุนายน พ.ศ. 2447 | 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 | หม่อมเจ้าอนันตนรชัย เทวกุล | |
21. หม่อมเจ้าหญิงทักษิณาธร (ท่านหญิงโหล) | ที่ 4 ในหม่อมลำดวน | 10 สิงหาคม พ.ศ. 2446 | 17 เมษายน พ.ศ. 2515 | ||
22. หม่อมเจ้าหญิงพรพิลาศ (ลาออกจากฐานันดรศักดิ์) (ท่านหญิงพร) | ที่ 2 ในหม่อมแสง | 10 ธันวาคม พ.ศ. 2447 | 10 ธันวาคม พ.ศ. 2519 | ชวน บุนนาค | |
ไฟล์:หม่อมเจ้านิพัทธ์พันธุดิศ.JPG | 23. หม่อมเจ้านิพัทธ์พันธุ์ดิศ (ท่านชายนิพัทธ์หรือท่านชายเจ็ด) | ที่ 3 ในหม่อมเจิม | 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2448 | 4 เมษายน พ.ศ. 2514 | หม่อมรำไพ (กันตามระ) |
24. หม่อมเจ้าพิสิษฐ์ดิศพงศ์ (ท่านชายแอ๊ว) | ที่ 5 ในหม่อมลำดวน | 9 สิงหาคม พ.ศ. 2448 | 31 มีนาคม พ.ศ. 2509 | หม่อมสวาสดิ์ (เกตุทัต) | |
25. หม่อมเจ้าหญิงพวงมาศผกา | ที่ 3 ในหม่อมแสง | 3 กันยายน พ.ศ. 2450 | 12 มิถุนายน พ.ศ. 2526 | ||
26. หม่อมเจ้าหญิงรัชมาลินี (ท่านหญิงนิด) | ที่ 4 ในหม่อมเจิม | 11 ตุลาคม พ.ศ. 2451 | 30 มกราคม พ.ศ. 2528 | หม่อมเจ้าธัญญลักษณ์ ศุขสวัสดิ์ | |
27. หม่อมเจ้าหญิงสุมณีนงเยาว์ (ลาออกจากฐานันดรศักดิ์) (ท่านหญิงโสฬส) | ที่ 6 ในหม่อมลำดวน | 16 มีนาคม พ.ศ. 2451 | ประมาณ พ.ศ. 2546 | พันเอกสุวัฒน์ วินิจฉัยกุล | |
28. หม่อมเจ้าศุกรวรรณดิศ (ท่านชายขาว) | ที่ 4 ในหม่อมแสง | 14 มกราคม พ.ศ. 2452 | 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 | หม่อมลดา (อินทรกำแหง) | |
ไฟล์:หม่อมเจ้ากาฬวรรณดิศ.JPG | 29. หม่อมเจ้ากาฬวรรณดิศ ดิศกุล (ท่านชายดำ) | หม่อมอบ | 5 มีนาคม พ.ศ. 2453 | 25 มกราคม พ.ศ. 2527 | หม่อมฉวีทิพย์ (หงสนันท์) |
30. หม่อมเจ้าวีรดิศ
(ท่านชายหนู) |
ที่ 1 ในหม่อมหลวงใหญ่ | 23 มีนาคม พ.ศ. 2454 | 1 ตุลาคม พ.ศ. 2489 | ||
31. หม่อมเจ้าหญิงเราหิณาวดี (ลาออกจากฐานันดรศักดิ์) (ท่านหญิงเป้า) | ที่ 5 ในหม่อมแสง | 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 | 1 มีนาคม พ.ศ. 2527 | หม่อมหลวงฉายชื่น กำภู | |
32. หม่อมเจ้าอาชวดิศ (ท่านชายใหม่) | ที่ 5 ในหม่อมเจิม | 23 มีนาคม พ.ศ. 2456 | 4 ธันวาคม พ.ศ. 2518 | พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงศิริรัตนบุษบง | |
33. หม่อมเจ้าหญิงกุมารีเฉลิมลักษณ์ | ที่ 6 ในหม่อมเจิม | 3 มกราคม พ.ศ. 2458 | 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 | หม่อมเจ้าเพลารถ จิตรพงศ์ | |
34. หม่อมเจ้าหญิงกฤษณาพักตรพิมล
(ท่านหญิงเพียน) |
ที่ 6 ในหม่อมแสง | 24 ธันวาคม พ.ศ. 2460 | 2 ตุลาคม พ.ศ. 2561 | หม่อมเจ้าประสพสุข ศุขสวัสดิ์ | |
35. หม่อมเจ้าพิริยดิศ (ท่านชายนิด) | ที่ 2 ในหม่อมหลวงใหญ่ | 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2464 | 14 สิงหาคม พ.ศ. 2543 | หม่อมเจ้าหญิงภัทรลดา (ฉัตรชัย) | |
36. หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ (ท่านชายปาน) | ที่ 7 ในหม่อมเจิม | 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 | 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 | หม่อมอรพินทร์ (อินทรทูต) | |
37. หม่อมเจ้ากุมารดิศ (ท่านชายหยด) | หม่อมหยาด | 15 เมษายน พ.ศ. 2471 | 20 มิถุนายน พ.ศ. 2532 | หม่อมอุบลวรรณ (เก่งธัญการ) | |
ธรรมเนียมพระยศของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | |
---|---|
ธงประจำพระอิสริยยศ | |
ตราประจำพระองค์ | |
การทูล | ใต้ฝ่าพระบาท |
การแทนตน | ข้าพระพุทธเจ้า |
การขานรับ | พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ |
- พ.ศ. 2405 พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร
- พ.ศ. 2411 พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร
- พ.ศ. 2429 พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ (ทรงศักดินา 15000)[31]
- เจ้ากรม-หมื่นดำรงราชานุภาพ (ศักดินา 600)
- ปลัดกรม-หมื่นปราบบรพล (ศักดินา 400)
- สมุห์บาญชี-หมื่นสกลคณารักษ์ (ศักดินา 300)
- พ.ศ. 2442 พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ (ทรงศักดินา 15000)[32]
- เจ้ากรม-หลวงดำรงราชานุภาพ (ศักดินา 600)
- ปลัดกรม-ขุนปราบบรพล (ศักดินา 400)
- สมุห์บาญชี-หมื่นสกลคณารักษ์ (ศักดินา 300)
- พ.ศ. 2454 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระดำรงราชานุภาพ อิสสริยลาภบดินทร์ สยามพิชิตินทรวโรปการ มโหฬารราชกฤตยานุสร อาทรประพาสการสวัสดิ์ วรรัตนปัญญาศึกษาพิเศษ นรินทราธิเบศบรมวงศ์อดิศัย ศรีรัตนตรัยคุณธาดา อุดมเดชานุภาพบพิตร (ทรงศักดินา 15000)[33]
- เจ้ากรม-พระดำรงราชานุภาพ (ศักดินา 800)
- ปลัดกรม-หลวงปราบบรพล (ศักดินา 600)
- สมุห์บาญชี-ขุนสกลคณารักษ์ (ศักดินา 400)
- พ.ศ. 2472 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ อิสสริยลาภบดินทร สยามวิชิตินทรวโรปการ มโหฬารรัฐประศาสน์ ปิยมหาราชนรานุศิษย์ ไพศาลราชกฤตยการี โบราณคดีปวัติศาสตรโกศล คัมภีรพนธ์นิรุกติปฏิภาน ราชบัณฑิตวิธานนิติธรรมสมรรถ ศึกษาภิวัธปิยวาที ขันติสัตยตรีสุจริตธาดา วิมลรัตนปัญญาอาชวาศรัย พุทธาทิไตรสรณาทร พิเศษคุณาภรณ์ธรรมิกนาถบพิตร (ทรงศักดินา 35000)[34]
- เจ้ากรม-พระยาดำรงราชานุภาพ (ศักดินา 1000)
- ปลัดกรม-พระปราบบรพล (ศักดินา 800)
- สมุห์บาญชี-หลวงสกลคณารักษ์ (ศักดินา 500)
พลเอก นายกองเอก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ | |
---|---|
รับใช้ | กองทัพบกสยาม กองเสือป่า |
ชั้นยศ | พลเอก นายกองเอก |