สาธารณรัฐโซเวียตฮังการี
รัฐสังคมนิยมในทวีปยุโรป (ค.ศ. 1919) / From Wikipedia, the free encyclopedia
สหพันธ์สาธารณรัฐสภาสังคมนิยมฮังการี (ฮังการี: Magyarországi Szocialista Szövetséges Tanácsköztársaság)[note 2] หรือ สาธารณรัฐสภาฮังการี (ฮังการี: Magyarországi Tanácsköztársaság) เป็นสาธารณรัฐที่มีอยู่เป็นเวลาสั้น ๆ ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก มีอาณาเขตครอบคลุมดินแดนประมาณ 23% ของดินแดนฮังการีในอดีต ดำรงอยู่ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม 1919 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 1919 รวมระยะเวลาทั้งหมดเป็น 133 วัน สาธารณรัฐก่อตั้งขึ้นภายหลังจากการเสื่อมถอยของสาธารณรัฐฮังการีที่หนึ่งในช่วงต้นปี 1919[2] สาธารณรัฐโซเวียตฮังการีมีสถานะเป็นรัฐตกค้างสังคมนิยมขนาดเล็ก[3] มีหัวหน้ารัฐบาลคือซานโดร์ กอร์บอยี แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเบ-ลอ กุน กลับมีอำนาจและอิทธิพลในสาธารณรัฐและพรรคคอมมิวนิสต์ฮังการีมากกว่า การที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับไตรภาคี ซึ่งยังคงปิดล้อมทางเศรษฐกิจในฮังการี อีกทั้งความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านในด้านดินแดน และความเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมอย่างถึงแก่น ทำให้สาธารณรัฐโซเวียตล้มเหลวในเป้าหมายที่วางไว้ และถูกล้มล้างในเวลาเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ก่อตั้ง บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในสาธารณรัฐโซเวียตคือ ผู้นำคอมมิวนิสต์เบ-ลอ กุน[2] ถึงแม้ว่าในช่วงแรกโครงสร้างรัฐบาลใหม่ส่วนใหญ่จะมาจากพรรคประชาธิปไตยสังคมนิยมก็ตาม[4] ระบอบใหม่นี้รวบรวมอำนาจอย่างมีประสิทธิผลในสภาปกครอง ซึ่งใช้อำนาจนี้ในนามของชนชั้นกรรมาชีพ[5][note 3]
สหพันธ์สาธารณรัฐสภาสังคมนิยมฮังการี | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือนมีนาคม - เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1919 | |||||||||
แผนที่แสดงอาณาเขตของราชอาณาจักรฮังการี ในเดือนพฤษภาคม - เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1919
อาณาเขตที่ควบคุมโดยโรมาเนียในเดือนเมษายน 1919
อาณาเขตที่ควบคุมโดยโซเวียตฮังการี
อาณาเขตที่ควบคุมโดยยูโกสลาเวียและกองทัพฝรั่งเศส
พรมแดนของฮังการีในปี 1918
พรมแดนของฮังการีในปี 1920
| |||||||||
เมืองหลวง | บูดาเปสต์ 47.4833°N 19.0333°E / 47.4833; 19.0333 | ||||||||
ภาษาทั่วไป | ฮังการี | ||||||||
เดมะนิม | ชาวฮังการี | ||||||||
การปกครอง | สาธารณรัฐสังคมนิยม | ||||||||
ผู้นำโดยพฤตินัย | |||||||||
• 1919 | เบ-ลอ กุน[note 1] | ||||||||
ประธานสภาปกครองกลาง | |||||||||
• 1919 | ซานโดร์ กอร์บอยี | ||||||||
สภานิติบัญญัติ | สมัชชาแห่งชาติโซเวียต | ||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สมัยระหว่างสงคราม | ||||||||
• ก่อตั้ง | 21 มีนาคม 1919 | ||||||||
• การทัพด้านเหนือ | 9 พฤษภาคม – 7 มิถุนายน 1919 | ||||||||
• สิ้นสุด | 1 สิงหาคม 1919 | ||||||||
สกุลเงิน | โกโรนอฮังการี | ||||||||
| |||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | ฮังการี ออสเตรีย สโลวาเกีย โครเอเชีย สโลวีเนีย |
ระบอบการปกครองใหม่ล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงกับไตรภาคี นำไปสู่การถูกปิดล้อมทางเศรษฐกิจ การปรับปรุงพรมแดนใหม่ และการยอมรับรัฐบาลใหม่โดยมหาอำนาจที่ชนะในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง[6] สาธารณรัฐโซเวียตฮังการีมีกองกำลังอาสาสมัครกลุ่มเล็ก ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากกรรมกรโรงงานในกรุงบูดาเปสต์ มีความพยายามฟื้นฟูดินแดนที่เคยสูญเสียไปให้แก่บรรดาประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อกระตุ้นแรงสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากทุกชนชั้นทางสังคมในฮังการี ไม่เพียงเฉพาะกลุ่มที่เอื้อประโยชน์จากระบอบนี้เท่านั้น[7] ในขั้นต้นสาธารณรัฐได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนักอนุรักษนิยมที่มีแนวคิดชาตินิยม กองกำลังนิยมสาธารณรัฐได้รุกเข้าเชโกสโลวาเกียในพื้นที่สโลวาเกีย[8] แต่หลังจากความพ่ายแพ้ทางฝั่งตะวันออกต่อกองทัพโรมาเนียในปลายเดือนเมษายน ทำให้กองทัพต้องล่าถอยออกจากแม่น้ำทิสซอ[9] ต่อมาเมื่อกลางเดือนมิถุนายน ได้มีการประกาศจัดตั้ง “สาธารณรัฐโซเวียตสโลวัก” โดยดำรงอยู่เพียงสองสัปดาห์ จนกระทั่งฮังการีถอนกำลังออกจากสโลวาเกียตามคำร้องขอจากไตรภาคี[8] เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม สาธารณรัฐโซเวียตเริ่มเปิดการโจมตีแนวรบของโรมาเนีย[10] แต่หลังจากนั้นโรมาเนียสามารถต้านทานการโจมตีของฮังการีได้[11] และสามารถฝ่าแนวรบของกองทัพฮังการีจนถึงบูดาเปสต์ ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียงไม่กี่วันหลังการล่มสลายของสาธารณรัฐโซเวียตฮังการีเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม[12]
การที่รัฐบาลโซเวียตฮังการีประกาศใช้มาตรการทั้งในส่วนของนโยบายต่างประเทศและภายในประเทศ ทำให้สาธารณรัฐสูญเสียความนิยมจากประชาชนไปอย่างรวดเร็ว[13] ความพยายามของฝ่ายบริหารชุดใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและค่านิยมของประชาชนอย่างลึกซึ้งได้ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง[14] ความพยายามที่จะเปลี่ยนฮังการีซึ่งยังคงสืบเนื่องมรดกจากสมัยราชาธิปไตยเข้าสู่สังคมแบบสังคมนิยมไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากองค์ประกอบหลายประการ กล่าวคือ สาธารณรัฐขาดเจ้าหน้าที่และข้าราชการที่มีประสบการณ์ทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ตลอดจนการวางแผนกลยุทธ์ในการบริหาร[14] ความพยายามที่จะโน้มน้าวใจชาวนากลับพบแต่ความว่างเปล่า เนื่องจากการส่งเสริมการผลิตทางการเกษตรและการบริหารเมืองในเวลาเดียวกันนั้นไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จในระยะเวลาอันสั้น[15] หลังจากการถอนกำลังออกจากสโลวาเกีย รัฐบาลได้บังคับใช้มาตรการเพื่อเรียกร้องการสนับสนุนของประชาชนอีกครั้งแต่ก็พบกับความล้มเหลวเช่นเคย[16] โดยเฉพาะมาตรการอนุญาตขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การส่งมอบที่ดินบางส่วนให้แก่ชาวนาโดยไม่มีการวางแผนและที่ดิน และความพยายามที่จะปรับปรุงสถานการณ์ทางการเงินและการจัดหาเสบียงอาหาร[16] ทำให้สาธารณรัฐโซเวียตฮังการีสูญเสียการสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ไประหว่างเดือนมิถุนายนจนถึงกรกฎาคม ส่งผลให้เกิดความพินาศของสาธารณรัฐพร้อมกับความพ่ายแพ้ทางการทหาร[16] ความล้มเหลวของนโยบายต่างประเทศ ทั้งสถานการณ์การเมืองและการถูกโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจจากไตรภาคี ความล้มเหลวทางการทหารในการเผชิญหน้ากับประเทศเพื่อนบ้าน และความเป็นไปไม่ได้ในการเข้าร่วมกองกำลังกับหน่วยกองทัพแดง มีส่วนทำให้สาธารณรัฐโซเวียตล่มสลาย[17] รัฐบาลประชาธิปไตยสังคมนิยม–คอมมิวนิสต์ได้รับการสืบต่อโดยฝ่ายสังคมนิยมสายกลางเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม[4] กลุ่มคอมมิวนิสต์ลี้ภัยออกจากบูดาเปสต์หรือเดินทางออกนอกประเทศ[11]