เขตผู้บัญชาการทหารแห่งเซอร์เบีย
ดินแดนของราชอาณาจักรยูโกสลาเวียที่ถูกยึดครองโดยรัฐบาลทหารเยอรมนีและแวร์มัคท์ (ค.ศ. 1941-1944) / From Wikipedia, the free encyclopedia
เขตผู้บัญชาการทหารแห่งเซอร์เบีย Gebiet des Militärbefehlshabers in Serbien | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1941–1944 | |||||||||
เขตผู้บัญชาการทหารแห่งเซอร์เบียในทวีปยุโรป ประมาณ ค.ศ. 1942 | |||||||||
สถานะ | ดินแดนภายใต้ฝ่ายปกครองทหารของเยอรมนี | ||||||||
เมืองหลวง | เบลเกรด | ||||||||
ภาษาทั่วไป | เยอรมัน เซอร์เบีย | ||||||||
การปกครอง | รัฐบาลทหารa | ||||||||
ผู้บัญชาการทหาร | |||||||||
• เมษายน–มิถุนายน 1941 | เฮิลมุท เฟอร์สเตอร์ | ||||||||
• มิถุนายน–กรกฎาคม 1941 | ลูทวิช ฟ็อน ชเรอเดอร์ | ||||||||
• กรกฎาคม–กันยายน 1941 | ไฮน์ริช ดันเคิลมัน | ||||||||
• กันยายน–ธันวาคม 1941 | ฟรันทซ์ เบอเมอ | ||||||||
• 1941–1943 | พอล บาเดอร์ | ||||||||
• 1943–1944 | ฮันส์ เฟิลเบอร์ | ||||||||
นายกรัฐมนตรี (รัฐบาลหุ่นเชิด) | |||||||||
• 1941 | มีลัน อาชีมอวิช | ||||||||
• 1941–1944 | มีลัน เนดิช | ||||||||
ยุคประวัติศาสตร์ | สงครามโลกครั้งที่สอง | ||||||||
• ก่อตั้ง | 22 เมษายน 1941 | ||||||||
20 ตุลาคม 1944 | |||||||||
ประชากร | |||||||||
• 1941[1] | 4,500,000 | ||||||||
สกุลเงิน | ดีนาร์เซอร์เบีย ไรชส์มาร์ค | ||||||||
| |||||||||
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ | เซอร์เบีย คอซอวอ[lower-alpha 1] | ||||||||
|
เขตผู้บัญชาการทหารแห่งเซอร์เบีย (เยอรมัน: Gebiet des Militärbefehlshabers in Serbien; เซอร์เบีย: Подручје Војног заповедника у Србији, อักษรโรมัน: Područje vojnog zapovednika u Srbiji) เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรยูโกสลาเวียที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัฐบาลทหารแวร์มัคท์ ภายหลังการบุกครองและการแบ่งยูโกสลาเวียในเดือนเมษายน ค.ศ. 1941 โดยมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเซอร์เบียกลาง บางส่วนของคอซอวอเหนือ (บริเวณใกล้เคียงกับคอซอฟสกามิทรอวิตซา) และบานัต ดินแดนนี้เป็นพื้นที่เดียวจากการแบ่งยูโกสลาเวียที่เยอรมนียึดครองเพื่อจัดตั้งรัฐบาลทหาร เนื่องจากเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางรางและเป็นเส้นทางการขนส่งในแม่น้ำดานูบที่สำคัญ อีกทั้งยังมีทรัพยากรที่ทรงคุณค่า โดยเฉพาะโลหะที่ไม่ใช่เหล็ก[3] เมื่อวันที่ 22 เมษายน ค.ศ. 1941 ดินแดนเซอร์เบียอยู่ภายใต้การปกครองสูงสุดของผู้บัญชาการทหารเยอรมันประจำเซอร์เบีย โดยมีเสนาธิการฝ่ายปกครองทหารคอยควบคุมการบริหารดินแดนแบบรายวัน อย่างไรก็ตาม สายบัญชาการและควบคุมดินแดนที่ถูกยึดครองนี้ไม่เคยเป็นหนึ่งเดียวกัน และเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นจากการแต่งตั้งผู้แทนโดยตรงของบุคคลสำคัญของพรรคนาซี เช่น ไรชส์ฟือเรอร์-เอ็สเอ็สไฮน์ริช ฮิมเลอร์ (ฝ่ายตำรวจและความมั่นคง) จอมพลไรช์แฮร์มัน เกอริง (ฝ่ายเศรษฐกิจ) และรัฐมนตรีไรช์โยอาคิม ฟ็อน ริบเบินทร็อพ (ฝ่ายกิจการต่างประเทศ) ทางเยอรมนีใช้ประโยชน์จากกองทัพบัลแกเรียที่ถูกเยอรมนีควบคุมเพื่อใช้ช่วยเหลือในการยึดครอง ตามแหล่งข้อมูลต่าง ๆ จำนวนมากได้อธิบายถึงสถานะของดินแดนที่ถูกยึดครองว่าเป็นรัฐหุ่นเชิด รัฐในอารักขา เขตปกครองพิเศษ หรือมีสถานะเป็นรัฐบาลหุ่นเชิด
มีการจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนหุ่นเชิดขึ้นมาสองชุดเพื่อดำเนินงานด้านการบริหารตามทิศทางและการกำกับดูแลของเยอรมนี รัฐบาลชุดแรกคือ "รัฐบาลข้าหลวงแห่งเซอร์เบีย" ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1941 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการสร้างระบอบการปกครอง แต่กลับไม่มีอำนาจใด ๆ ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1941 เกิดเหตุการณ์ก่อการกำเริบขึ้นในอาณาเขตยึดครอง ซึ่งทำให้กองทหารเซอร์เบียและกรมตำรวจรักษาความสงบเรียบร้อยเยอรมันได้รับการเสริมกำลังอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยในการปราบปรามการก่อจราจลที่เกิดขึ้นจากทั้งพลพรรคยูโกสลาเวียและกลุ่มราชาธิปไตยเชทนิกส์ ในเวลาต่อมารัฐบาลหุ่นเชิดชุดที่สองได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 1941 ในชื่อ "รัฐบาลแห่งการไถ่ชาติ" ภายใต้การนำของมีลาน เนดิช ซึ่งเข้ามาแทนที่รัฐบาลข้าหลวง โดยรัฐบาลชุดนี้แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอยู่บ้าง[4] แต่กลับไม่เป็นที่นิยมชมชอบของประชากรเซิร์บส่วนใหญ่[5] การเปลี่ยนรัฐบาลในครั้งนี้ไม่ได้ช่วยให้เยอรมนีได้รับการสนับสนุนมากขึ้น แต่กลับกันเยอรมนียังต้องส่งกองทหารจากแนวรบหน้าฝรั่งเศส กรีซ และแนวรบด้านตะวันออกเพื่อมาระงับการจราจล โดยเริ่มจากปฏิบัติการอูฌิตเซในปลายเดือนกันยายน ค.ศ. 1941 เพื่อขับไล่พลพรรคยูโกสลาเวีย และตามมาด้วยปฏิบัติการมีไฮลอวิชในเดือนธันวาคมเพื่อสลายกลุ่มเชทนิกส์ อย่างไรก็ตาม การจราจลต่อต้านขนาดย่อมยังคงดำเนินต่อไปจนถึง ค.ศ. 1944 พร้อมกับการสังหารตอบโต้ของเยอรมนีอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในบางครั้งจะมีการประหารชีวิตตัวประกันทั้งหมด 100 คนจากชาวเยอรมันทุกคนที่ถูกสังหาร
ระบอบเนดิชไม่มีสถานะภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ไม่มีอำนาจใด ๆ นอกเหนือไปจากอำนาจที่ได้รับจากเยอรมนี และเป็นเพียงเครื่องมือในการปกครองของเยอรมนีเท่านั้น แม้ว่ากองทัพเยอรมันจะเป็นผู้สั่งการและผู้ชี้ขาดสุดท้ายในดินแดนเซอร์เบีย อีกทั้งยังเป็นผู้ผูกขาดคำสั่งสังหารยิว แต่รัฐบาลเนดิชก็ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างแข็งขันในฐานะรัฐบาลไส้ศึก[6] ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือค่ายกักกันบันจีกาในเบลเกรด ที่อยู่ภายใต้การควบคุมร่วมกันของระบอบเนดิชและกองทัพเยอรมัน ในขณะที่รัฐบาลข้าหลวงถูกจำกัดการมีกำลังทหาร รัฐบาลเนดิชได้รับอนุญาตให้จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธหรือกองกำลังพิทักษ์ชาติเซอร์เบีย (Serbian State Guard) เพื่อบังคับใช้คำสั่ง แต่กองกำลังนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้บัญชาการหน่วยเอ็สเอ็สและตำรวจระดับสูง และมีหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเยอรมนีจนกระทั่งกองทัพเยอรมันถอนกำลังในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1944 รัฐบาลแห่งการไถ่ชาติดำรงอยู่จนกระทั่งการถอนกำลังของเยอรมนี เมื่อเผชิญกับการรุกเบลเกรดของกองกำลังผสมระหว่างกองทัพแดง กองทัพประชาชนบัลแกเรีย และขบวนการพลพรรค ในระหว่างการยึดครอง ทางการเยอรมนีได้สังหารชาวยิวเกือบทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ยึดครอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสังหารตอบโต้ใน ค.ศ. 1941 และมีการรมควันผู้หญิงและเด็กในช่วงต้น ค.ศ. 1942[ต้องการอ้างอิง] ภายหลังสงครามยุติลง ผู้นำคนสำคัญของเยอรมนีและเซอร์เบียหลายคนในพื้นที่ยึดครองถูกพิจารณาคดีและประหารชีวิตในข้อหาอาชญากรสงคราม