การเลือกตั้งแบบถ่ายโอนคะแนนเสียง
From Wikipedia, the free encyclopedia
การเลือกตั้งแบบถ่ายโอนคะแนนเสียง (อังกฤษ: single transferable vote, STV) เป็นระบบการเลือกตั้งที่ออกแบบมาให้มีความคล้ายคลึงกับระบบสัดส่วนโดยใช้ในการเลือกผู้แทนแบบหลายคนต่อหนึ่งเขตเลือกตั้ง และผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งใช้สิทธิเลือกผู้สมัครตามลำดับที่ชอบ โดยลำดับที่เลือกนี้ในภายหลังจะถูกนำไปนับคะแนนตามสัดส่วนโดยที่คะแนนจะไม่สูญไปหากผู้สมัครในลำดับนั้นได้รับเลือกไปแล้ว[1] โดยคะแนนเสียงจะถูกโอนไปให้ผู้สมัครลำดับถัดไป การเลือกตั้งแบบนี้เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า การเลือกตั้งแบบมีผู้ชนะหลายคนตามลำดับการเลือก[2] (multi-winner ranked-choice voting)
ในการเลือกตั้งระบบนี้ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนเป็นลำดับความชอบโดยสามารถเลือกได้มากกว่าหนึ่งคนในแต่ละเขต โดยเลือกคนที่ชอบมากที่สุดเป็นลำดับที่หนึ่ง และลำดับอื่น ๆ เป็นรายการสำรอง (ตามลำดับความนิยม) โดยการนับคะแนนจะเริ่มนับจากลำดับที่หนึ่งก่อน แต่หากผู้สมัครลำดับที่หนึ่งได้รับเลือกไปแล้ว หรือถูกตัดไปแล้ว (เนื่องจากคะแนนเสียงรวมของผู้สมัครคนนั้นมีไม่มากพอต่อค่าเฉลี่ย) คะแนนเสียงจะไม่สูญไป แต่จะถูกถ่ายโอนไปยังผู้สมัครลำดับถัดไปตามลำดับก่อนหลัง
ในเขตเลือกตั้งที่มีจำนวนผู้สมัครมากกว่าจำนวนที่นั่ง ผู้สมัครที่ได้รับคะแนนน้อยที่สุดจะถูกตัดออก และคะแนนของผู้สมัครคนนี้จะถูกถ่ายโอนไปยังผู้สมัครคนอื่นตามการเลือกของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ในบางระบบ คะแนนส่วนที่มากกว่าโควตา (surplus votes) ของผู้ที่ชนะการเลือกตั้งในการคำนวณครั้งแรกจะถูกกระจายให้แก่ผู้สมัครในอันดับถัดไป โดยใช้ขั้นตอนนี้จนกว่าจะได้ผู้ชนะครบที่นั่งในแต่ละเขตเลือกตั้ง ในกรณีที่ยังไม่มีผู้สมัครคนใดที่มีคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับคะแนนโควตา ขั้นตอนต่อไปให้ตัดผู้สมัครที่ได้คะแนนน้อยที่สุดออก และเอาคะแนนนั้นมาเฉลี่ยให้แก่ผู้สมัครคนอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผู้สมัครที่มีคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับคะแนนโควตา ทำเช่นนี้จนกว่าจะได้ผู้ชนะครบตามจำนวนผู้แทนที่พึงมีในเขตนั้น[3]
การเลือกตั้งระบบนี้เน้นความสำคัญของตัวผู้สมัครมากกว่าพรรคการเมือง (บัญชีรายชื่อ) ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุดแล้ว การเลือกตั้งแบบนี้จะทำให้คะแนนเสียงของผู้ใช้สิทธิไม่สูญเปล่า ในกรณีที่ผู้สมัครไม่ได้รับการคัดเลือก หรือได้รับการคัดเลือกไปแล้ว คะแนนเสียงที่เกินนั้นยังมีประโยชน์ต่อผู้สมัครรายอื่น ๆ ที่ผู้ใช้สิทธิเลือกเป็นลำดับถัดไป
นอกจากนี้ยังมีผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกับระบบสัดส่วน โดยทำให้พรรคการเมืองเสียงข้างน้อยมีที่นั่งในสภา โดยหลักการคือไม่ทำให้พรรคการเมืองใดสามารถครองทุกที่นั่งในแต่ละเขตเลือกตั้งได้ โดยวัตถุประสงค์หลักของระบบนี้คือผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งใช้สิทธิเลือกหนึ่งสิทธิในการเลือกผู้สมัครหลายคน