การประท้วงในประเทศนิการากัว พ.ศ. 2561–2565
From Wikipedia, the free encyclopedia
การประท้วงในประเทศนิการากัว พ.ศ. 2561 เริ่มขึ้นในวันที่ 18 เมษายน เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมในหลายเมืองของนิการากัวเริ่มประท้วงต่อต้านแผนการปฏิรูประบบหลักประกันสังคมของประธานาธิบดีดานิเอล ออร์เตกา ซึ่งจะเพิ่มอัตราภาษีเงินได้และภาษีค่าจ้าง แต่จะลดอัตราการจ่ายบำนาญลง หลังจากการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกับตำรวจและผู้สนับสนุนรัฐบาลผ่านไป 5 วัน และมีผู้เสียชีวิตเกือบ 30 คน ออร์เตกาก็ประกาศยกเลิกการปฏิรูปดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ระหว่างการประท้วงใน พ.ศ. 2556–2561 ฝ่ายต่อต้านได้เริ่มหันมากล่าวโทษออร์เตกาและเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่งด้วย กลายเป็นหนึ่งในการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐบาลออร์เตกา[10] และเป็นความขัดแย้งกลางเมืองที่ร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดการปฏิวัตินิการากัว[11]
การประท้วงในประเทศนิการากัว พ.ศ. 2561 | |||
---|---|---|---|
ส่วนหนึ่งของ การประท้วงในประเทศนิการากัว พ.ศ. 2556–2561 | |||
จากบนลงล่าง: หญิงชาวนิการากัวกำลังโบกธงชาติใกล้ที่กำบังที่มีไฟไหม้, ฝูงชนขนานใหญ่กำลังประท้วงในกรุงมานากัว, การจุดเทียนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากการประท้วง | |||
วันที่ | 18 เมษายน 2561 – ยังคงดำเนินอยู่ (6 ปี 1 เดือน 4 สัปดาห์ 1 วัน) | ||
สถานที่ | นิการากัว | ||
สาเหตุ | การปฏิรูปหลักประกันสังคมและการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ | ||
เป้าหมาย |
| ||
การยอมผ่อนปรน |
| ||
คู่ขัดแย้ง | |||
| |||
ผู้นำ | |||
| |||
จำนวน | |||
| |||
ความเสียหาย | |||
เสียชีวิต | 325–568 คน[6] | ||
บาดเจ็บ | มากกว่า 2,800 คน[7][8] | ||
ถูกจับกุม | มากกว่า 600–1,500 คน[9] |
ด้วยเหตุจากความไม่สงบดังกล่าว กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงรวมถึงภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศจึงเรียกร้องให้ออร์เตกาเลื่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไปให้เร็วขึ้น โดยมีสหภาพยุโรปเป็นผู้สนับสนุนข้อเรียกร้องนี้[12]