Loading AI tools
หน้าหมวดหมู่วิกิมีเดีย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การเลือกตั้งในประเทศญี่ปุ่น กำกับดูแลโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งในแต่ละส่วนการปกครองท้องถิ่นภายใต้สภาการจัดการการเลือกตั้งกลาง ซึ่งเป็นองค์กรพิเศษขึ้นตรงต่อกระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสาร ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2016 มีการลดอายุผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจาก 20 ปี ลงไปที่ 18 ปี[1][2] ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต้องพำนักอาศัยอยู่อย่างน้อย 3 เดือนก่อนการออกเสียง[3] ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกราชมนตรีสภาต้องมีอายุอย่างน้อย 25 ปี และ 35 ปีตามลำดับ[4]
การเลือกตั้งในประเทศญี่ปุ่น แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ:
สภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่น (衆議院, Shūgi-in) ประกอบด้วยสมาชิก 465 คน วาระเต็ม 4 ปี โดยมีสมาชิกจากเขตเลือกตั้งที่นั่งเดียว 289 คน และสมาชิกจากการเลือกตั้งระบบสัดส่วน 176 คน ใน 11 เขตเลือกตั้งส่วนภูมิภาค[6] เขตเลือกตั้งที่นั่งเดียวกำหนดโดยอิงคะแนนเสียงที่เหนือกว่า (plurality) และการเลือกตั้งระบบสัดส่วนกำหนดโดยวิธีโดนต์[7] ราชมนตรีสภา ประกอบด้วยสมาชิก 245 คน (ตั้งแต่ ค.ศ. 2022 เป็น 248 คน)[8]
จากการสำรวจโดยโยมิอูริชิมบุง ใน ค.ศ. 2010 เปิดเผยว่าชาวญี่ปุ่นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครึ่งหนึ่งไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลยเนื่องด้วยความขาดประสิทธิภาพทางการเมือง[9]
การลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่นส่วนใหญ่จะทำโดยการเขียนชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือชื่อพรรคการเมืองลงบนกระดาษลงคะแนนเสียง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งจะลงคะแนนเสียงลงบนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ: ใบหนึ่งสำหรับชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต อีกใบหนึ่งสำหรับชื่อพรรคการเมืองใน "บล็อก" เลือกตั้งระบบสัดส่วน (proportional representation block) ในการเลือกตั้งสมาชิกราชมนตรีสภา การลงคะแนนเสียงแบบแบ่งเขตมีความคล้ายคลึงกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ในเขตมีหลายสมาชิกที่ใช้ระบบเสียงเดียวโอนไม่ได้ อาจมีผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ได้รับเลือกหลายคน แต่ผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งสามารถใช้ได้เพียง 1 สิทธิ์เท่านั้น) แต่ในการเลือกตั้งระบบสัดส่วนสำหรับราชมนตรีสภา จะเป็นการลงคะแนนเสียงให้แก่พรรคการเมืองแบบบัญชีรายชื่อ (เพื่อพิจารณาที่นั่งแบบสัดส่วนพึงมีของพรรค) หรือให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง (ซึ่งมักมีอิทธิพลว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดจะได้รับเลือกจากบัญชีรายชื่อ)[10]
บัตรเลือกตั้งที่ไม่สามารถใช้ลงคะแนนเสียงให้ผู้รับสมัครใดได้เลยจะไม่ถือว่าเป็นบัตรเสีย แต่จะนำไปลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนอย่างได้สัดส่วน มักเรียกระบบนี้ว่า "การออกเสียงลงคะแนนเศษส่วนอย่างได้สัดส่วน" (按分票,, Anbun-hyō; proportional fractional votes) โดยปัดขึ้นไปที่เลขทศนิยมลำดับที่ 3[11][12] ใน ค.ศ. 2002 กฎหมายการออกเสียงลงคะแนนทางอิเล็กทรอนิกส์[13] อนุญาตให้ใช้เครื่องนับและบันทึกคะแนนเสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่น[14] การเลือกตั้งโดยใช้เครื่องบันทึกคะแนนเสียงเกิดขึ้นที่นครนีมิ จังหวัดโอกายามะ ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2002[15] ใน ค.ศ. 2018 จังหวัดอาโอโมริ ได้ยกเลิกการใช้เครื่องนับและลงคะแนนเสียงอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นจังหวัดเดียวที่ใช้วิธีดังกล่าวในประเทศญี่ปุ่น เนื่องด้วยงบประมาณที่ต้องใช้เช่าเครื่องที่สูงและปัญหาปลีกย่อยอื่น ๆ[16]
มีการเริ่มใช้ระบบการเลือกตั้งล่วงหน้า (期日前投票制度) ใน ค.ศ. 2003[17] การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปญี่ปุ่น ค.ศ. 2017 มีชาวญี่ปุ่นผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้ากว่า 21 ล้านคน[18]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.