Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กาเตรีนา กอร์นาโร (อิตาลี: Caterina Cornaro, กรีก: Αικατερίνη Κορνάρο; 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1454 – 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1510) หรือ กาตารีนา กอร์แนร์ (เวนิส: Catarina Corner) เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรไซปรัส พระองค์เป็นพระอัครมเหสีในพระเจ้าฌักที่ 2 แห่งไซปรัส และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลพระเจ้าฌักที่ 3 แห่งไซปรัส ช่วง ค.ศ. 1473–1474 ก่อนเสวยราชสมบัติขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งไซปรัส ตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1474 ถึง 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1489
กาเตรีนา กอร์นาโร | |
---|---|
ซิญญอราแห่งอาโซโล | |
โดยโลเรนโซ ลอตโต ค.ศ. 1508 | |
สมเด็จพระราชินีนาถแห่งไซปรัส | |
ครองราชย์ | 26 สิงหาคม ค.ศ. 1474 – 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1489 |
ก่อนหน้า | พระเจ้าฌักที่ 3 แห่งไซปรัส |
สมเด็จพระราชินีแห่งไซปรัส | |
ดำรงพระยศ | พฤศจิกายน ค.ศ. 1472 – 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1473 |
ก่อนหน้า | เอเลนี ปาเลียวโลยีนา |
พระราชสมภพ | 25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1454 เวนิส สาธารณรัฐเวนิส |
สวรรคต | 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1510 ปี) เวนิส สาธารณรัฐเวนิส | (55
ฝังพระศพ | โบสถ์ซันซัลวาดอร์ เวนิส |
พระราชสวามี | พระเจ้าฌักที่ 2 แห่งไซปรัส (ค.ศ. 1468–1473) |
พระราชบุตร | พระเจ้าฌักที่ 3 แห่งไซปรัส |
ราชวงศ์ | ปัวตีแยร์-ลูซีญ็อง (อภิเษกสมรส) |
พระราชบิดา | มาร์โก กอร์นาโร |
พระราชมารดา | ฟีโอเรนซา กริสโป |
ศาสนา | โรมันคาทอลิก |
พระองค์ถูกประกาศเป็น "ธิดาของนักบุญมาระโก" จากการที่สาธารณรัฐเวนิสเข้ายึดครอบครองราชอาณาจักรไซปรัสหลังการสวรรคตของพระเจ้าฌักที่ 2 พระราชสวามี[1]
กาเตรีนาเป็นธิดาของมาร์โก กอร์นาโร (Marco Cornaro; ธันวาคม 1406 – 1 สิงหาคม 1479) เป็นอัศวินแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์และอภิชนชาวเวนิส กับฟีโอเรนซา กริสโป (Fiorenza Crispo) พระองค์มีพระเชษฐาคนหนึ่งชื่อจอร์โจ กอร์นาโร (Giorgio Cornaro; 1452 – 31 กรกฎาคม 1527) ซึ่งเป็นอัศวินและอภิชนเช่นบิดา[2]
มาร์โกพระราชชนกเป็นเหลนของมาร์โก กอร์นาโร (Marco Cornaro; 1286 – 13 มกราคม 1368) ดอเจแห่งเวนิสช่วงปี ค.ศ. 1365 ถึง 1368[3] มีบุคคลจากตระกูลกอร์นาโรเป็นดอเจถึงสี่คน พวกเขามีความสัมพันธ์เชิงพาณิชย์กับไซปรัสมายาวนาน รวมทั้งมีกิจการโรงงานน้ำตาลในแถบเมืองเอพิสโคพีของเขตลีมาซอล และส่งออกผลิตภัณฑ์จากไซปรัสส่งขายยังเมืองเวนิส[4][5][6]
ส่วนฟีโอเรนซาพระราชชนนีเป็นธิดาของนีโกลัส กริสโป ลอร์ดแห่งไซรอส (Nicholas Crispo; 1392–1450) กับภรรยาคนหนึ่งซึ่งคาดว่าเป็นบุตรสาวของจาโกโป กัตตีลูซีโอ (Jacopo Gattilusio) เพราะสอดคล้องกับเอกสารที่ระบุตรงกันว่านิกโกเลาะ (Niccolò) เป็นลูกเขยของจาโกโปแห่งเลสบอส[7] ส่วนบันทึกของกาเตรีโน เซโนซึ่งบันทึกไว้ใน ค.ศ. 1474 บันทึกชื่อของภรรยาคนที่สองของกริสโปไว้ว่า ยูโดกีอา-วาเลนซาแห่งเทรบีซอนด์ (Eudokia-Valenza of Trebizond) พระราชธิดาในจักรพรรดิจอห์นที่ 4 แห่งเทรบีซอนด์ซึ่งประสูติแต่พระราชธิดาไม่ปรากฏพระนามของพระเจ้าอเล็กซันเดอร์ที่ 1 แห่งจอร์เจีย จากการศึกษาของมีแชล คูร์ซันสกิส (Michel Kuršanskis) พบว่า สตรีผู้นี้ไม่มีตัวตนจริง[8]
พระเจ้าฌักที่ 2 แห่งไซปรัส หรือเป็นที่รู้จักในพระนาม "ฌักพระราชบุตรนอกสมรส" (le bâtard) ชิงบัลลังก์จากพระราชินีนาถชาร์ล็อต พระขนิษฐาต่างพระชนนี แล้วสถาปนาตนเองเสวยราชสมบัติขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งไซปรัสแทนที่เมื่อ ค.ศ. 1468 และในปีนั้นพระองค์ทรงเลือกกาเตรีนามาเป็นพระราชินีแห่งไซปรัส อันสร้างความพอใจแก่สาธารณรัฐเวนิสอย่างยิ่ง เพราะจะส่งผลดีเชิงพาณิชยกรรมและสิทธิพิเศษต่อกิจการของเวนิสในไซปรัส ทั้งสองพระองค์อภิเษกสมรสกันเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ. 1468 ณ เมืองเวนิส ซึ่งขณะนั้นกาเตรีนามีพระชนมายุเพียง 14 พรรษา หลังพระราชพิธีอภิเษกสมรส กาเตรีนาจึงเสด็จไปประทับ ณ ไซปรัสและจัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสอีกครั้งช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ค.ศ. 1472 ที่เมืองฟามากุสตา[9]
หลังการอภิเษกสมรสหนที่สองได้ไม่นานนัก พระเจ้าฌักที่ 2 ก็ทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตในวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1473 ในช่วงเวลานั้นพระราชินีกาเตรีนากำลังทรงพระครรภ์ ไม่ช้าจึงประสูติกาลพระราชโอรสคือพระเจ้าฌักที่ 3 เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1473 ด้วยเหตุนี้พระราชินีกาเตรีนาจึงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระเจ้าฌักที่ 3 ทว่าวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1474 พระเจ้าฌักที่ 3 เสด็จสวรรคตหลังการประชวร พระราชินีกาเตรีนาจึงเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์สืบต่อมา มีข่าวลือว่าพระราชาพระองค์น้อยนี้น่าจะถูกพวกเวนิสหรือพรรคพวกของอดีตพระราชินีนาถชาร์ล็อตลอบปลงพระชนม์ด้วยยาพิษ[10]
อาณาจักรเสื่อมโทรมมายาวนานเพราะตกเป็นรัฐบรรณาการของมัมลูกตั้งแต่ ค.ศ. 1426 เป็นต้นมา ในรัชกาลของพระราชินีนาถกาเตรีนา เกาะไซปรัสถูกควบคุมโดยพ่อค้าชาวเวนิส และในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1489 พระองค์ทรงถูกบีบบังคับให้สละราชสมบัติและขายระบบบริหารประเทศทั้งหมดแก่สาธารณรัฐเวนิส[11]
ในเอกสารของจอร์จ บูสโตรนีโอส (George Boustronios) บันทึกไว้ว่า "วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1489 สมเด็จพระราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคออกจากนิโคเซียไปเมืองฟามากุสตาเพื่อเสด็จออก [จากไซปรัส] และเมื่อพระองค์ขึ้นประทับบนหลังม้า ทรงฉลองพระองค์ผ้าไหมสีดำ รายล้อมไปด้วยเหล่านางในและอัศวินของพระองค์ [...] ในขบวนเสด็จ พระราชินีกันแสง ดวงพระเนตรปริ่มไปด้วยชลนาตลอดระยะเวลาเสด็จ ผู้คนที่เฝ้าแหนรับเสด็จล้วนเทวษร่ำไห้เช่นกัน"[12]
เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1489 รัฐบาลเวนิสโน้มน้าวให้พระราชินีกาเตรีนายกสิทธิเหนือบัลลังก์ไซปรัสแก่ดอเจแห่งเวนิสเพื่อขยายอำนาจ[13]
ราชอาณาจักรไซปรัสซึ่งเป็นรัฐนักรบครูเสดแห่งสุดท้ายได้ตกเป็นอาณานิคมของสาธารณรัฐเวนิส และเพื่อเป็นการชดเชย พระองค์ได้รับการสงวนพระอิสริยยศเป็นพระราชินีดังเดิม และได้รับการแต่งตั้งเป็น ซิญญอราแห่งอาโซโล (อิตาลี: Signora di Asolo, เวนิส: Siora de Àxoło) ในแถบแตร์ราแฟร์มาของสาธารณรัฐเวนิสเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1489[14] ณ เมืองอาโซโล เป็นเมืองอันมีชื่อเสียงด้านวรรณกรรมและศิลปะที่มีลักษณะเฉพาะ โดยปีเอโตร เบมโบได้แต่ง กลีอาโซลานี (Gli Asolani) อันเป็นบทสนทนาเกี่ยวกับความรักที่เกิดขึ้นใกล้กับพระราชสำนักของพระราชินีนาถกาเตรีนา[15]
กาเตรีนา กอร์นาโรสวรรคตเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 1510 ณ เมืองเวนิส[16]
พระราชประวัติของพระองค์ถูกดัดแปลงเป็นบทละครอุปรากรโดยฌูลส์-อ็องรี แวร์นัว เดอ แซ็ง-ฌอร์ฌ ได้แก่เรื่อง คาทารีนา กอร์นาโร (Catharina Cornaro; 1841) กำกับโดยฟรันทซ์ ลัคเนอร์,[17] ลาเรนเดอชิปร์ (La reine de Chypre; 1841) กำกับโดยฟรอม็องตาล อาเลวี[18] และ กาเตรีนา กอร์นาโร (Caterina Cornaro; 1844) กำกับโดยกาเอตาโน โดนิซเซตตี[19]
มีพระสาทิสลักษณ์ของพระองค์หลายภาพถูกวาดโดยจิตรกรผู้มีชื่อเสียง ได้แก่ อัลเบร็ชท์ ดือเรอร์, ทิเชียน, เจนตีเล เบลลีนี และจอร์โจเน[20]
ในประเทศไซปรัสมีการก่อตั้งสถาบันกอร์นาโร (Cornaro Institute) ซึ่งเป็นสถาบันการกุศลที่เมืองลาร์นากา ก่อตั้งโดยศิลปินชื่อสตาส พาลัสโกส (Stass Paraskos) เพื่อส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม[21] แต่สถาบันดังกล่าวถูกปิดโดยเทศบาลลาร์นากาเมื่อ ค.ศ. 2017
เดือนตุลาคม ค.ศ. 2011 กรมโบราณวัตถุของไซปรัส ประกาศว่าจะมีการบูรณะพระราชวังฤดูร้อนของกาเตรีนา กอร์นาโรในโปตาเมียซึ่งถูกทำลายบางส่วน คาดว่าต้องใช้งบฟื้นฟูราวหนึ่งล้านยูโร เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์วัฒนธรรม[22][23]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.