มหาวิหารแม่พระแห่งภูเขาคาร์แมล (วัลเลตตา)
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มหาวิหารแม่พระแห่งภูเขาคาร์แมล (มอลตา: Santwarju Bażilika tal-Madonna tal-Karmnu; อังกฤษ: Basilica of Our Lady of Mount Carmel) เป็นมหาวิหารน้อยในนิกายโรมันคาทอลิกคณะคาร์แมล อุทิศแด่แม่พระแห่งเขาคาร์แมล มหาวิหารตั้งอยู่ในเมืองวัลเลตตา ประเทศมอลตา เป็นหนึ่งในโบสถ์คริสต์ที่สำคัญของเมืองและเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งมรดกโลกยูเนสโก โบสถ์หลังปัจจุบันสร้างขึ้นในปี 1958 และเสร็จในปี 1981 ตรงจุดที่โบสถ์หลังเดิมที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ถูกระเบิดเสียหายระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
มหาวิหารแม่พระแห่งภูเขาคาร์แมล | |
---|---|
Santwarju Bażilika tal-Madonna tal-Karmnu | |
โดมของมหาวิหารท่ามกลางทิวนครวัลเลตตา | |
35°54′0.7″N 14°30′44.2″E | |
ที่ตั้ง | วัลเลตตา ประเทศมอลตา |
นิกาย | โรมันคาทอลิก |
นักบวชประจำ | คณะคาร์แมล |
ประวัติ | |
สถานะ | มหาวิหารน้อย |
ก่อตั้ง | 1570 |
อุทิศแก่ | แม่พระแห่งเขาคาร์แมล |
เสกเมื่อ | 6 เมษายน 1886 |
สถาปัตยกรรม | |
สถานะการใช้งาน | เปิด |
สถาปนิก | Girolamo Cassar (หลังเดิม) Giuseppe Bonavia (ฟาซาด) Ġużè Damato (หลังปัจจุบัน) |
รูปแบบสถาปัตย์ | นีโอคลาสสิก |
ปีสร้าง | ป. 1570–1591/1608 (หลังเดิม) 1852 (ฟาซาด) 1958–1981 (หลังปัจจุบัน) |
โครงสร้าง | |
จำนวนโดม | 1 |
จำนวนหอคอย | 1 |
วัสดุ | หินปูน |
การปกครอง | |
แพริช | นักบุญดอมินิก วัลเลตตา |
อัครมุขมณฑล | มอลตา |
นักบวช | |
Rector | Alex Scerri |
คณะคาร์แมลมีอยู่ในมอลตามาตั้งแต่อย่างน้อยปี 1418[1] และคณะได้ตั้งโบสถ์และคอนเวนต์ขึ้นไม่นานหลังตั้งนครวัลเตตาในปี 1566 แกรนด์มาสเตอร์แห่งคณะบริบาล Pierre de Monte เป็นผู้มอบที่ดินให้แก่คณะคาร์แมลในวันที่ 27 กรกฎาคม 1570[2]
โบสถ์หลังเดิมสร้างขึ้นหัลงพระราชาคณะคาร์แมล (Carmelite vicar) Ġwann Vella ว่าจ้างให้สถาปนิก Girolamo Cassar ออกแบบโบสถ์ ระหว่างก่อสร้าง ได้ให้พิธีมิสซาจัดในโบสถ์น้อยที่เป็นโบสถ์ประจำเชตแรกของวัลเลตตาแทน[1] ที่ซึ่งต่อมารวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งในเขตสังฆมณฑลซากเรือนักบุญเปาโล[3] โบสถ์หลังที่ Cassar ออกแบบสร้างแล้วเสร็จในปี 1591[4] หรือ 1608[1]
ในปี 1852 ได้มีการสร้างผาซาดขึ้นใหม่ตามงานออกแบบโดย Giuseppe Bonavia[5] และมีการแก้ไขบางจุดของโบสถ์ในเวลาเดียวกันนี้ องค์ประธาน (altarpiece) ของโบสถ์ได้รับการประดับมงกุฏโดย Carmelo Scicluna ในวันที่ 15 กรกฎาคม 1881[4] และในวันที่ 6 เมษายน 1886 ได้ประกอบพิธีเสก (consecrated) โดย Apostolic Administrator Antonio Maria Buhagiar ต่อในวันที่ 13 พฤษภาคม 1895 พระสันตะปาปาลีโอที่สิบสามได้ประทานสถานะของโบสถ์เป็นมหาวิหารน้อย[1] โบสถ์หลังนี้ถูกทำลายเสียหายในวันที่ 4 มีนาคม 1942 หลังถูกระเบิดท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่สอง คณะสงฆ์คาร์แมลได้ตัดสินใจทำลายซากที่เหลือทั้งหมดและสร้างหลังใหม่ขึ้นแทน[1] โบราณวัตถุและศิลปกรรมจำนวนหนึ่งสูญหายหรือถูกทำลายไปในเวลาเดียวกัน[6] กระนั้นก็ยังมีองค์ประกอบบางส่วนจากโบสถ์หลังเดิมที่นำมาประกอบในโบสถ์หลังใหม่[7]
โบสถ์หลังปัจจุบันสร้างขึ้นตามงานออกแบบของสถาปนิก Ġużè Damato เริ่มก่อสร้างในวันที่ 30 เมษายน 1958 ที่ซึ่งประกอบพิธีเสกศิลาฤกษ์โดย Prior General อาคารก่อสร้างแล้วเสร็จในวันที่ 15 มิถุนายน 1981 และประกอบพิธีเสกโดย Prior Provincial Manwel Gatt[1] โดมของโบสถ์สูงกว่าหอระฆังของอาสนวิหารนักบุญเปาโล ของนิกายอังกลิคันที่อยู่ติดกัน อยู่เล็กน้อย[8] ว่ากันว่าเป็นการจงใจออกแบบเช่นนี้เพื่อแข่งกัน[7] ภายในของโบสถ์เป้นผลงานประติมากรรมโดย Joseph Damato ที่รังสรรค์ขึ้นในเวลา 19 ปี[8]
องค์ประธาน (altarpiece) ของโบสถ์เป็นภาพเขียนแสดงพระนางมารีย์พรหมจารีย์ ทรงอุ้มพระบุตร พระเยซู ห้อมล้อมด้วยนักบุญซีโมน สต็อก และ อากาธาแห่งซิซิลี[lower-alpha 1] ไม่ทราบแน่ขัดว่าศิลปินผู้รังสรรค์ผลงานคือใคร แต่เขื่อส่ามีอายุราวปลายศตวรรษที่ 16 เป็นอย่างน้อย บ้างเชื่อว่าเป็นผลงานของ Filippo Paladini ข้อมูลบางแหล่งอ้างว่าคณะคาร์แมลได้งานขิ้นนี้มาจากซิซิลีตั้งแต่สมัยก่อสร้างโสถ์หลังเดิม ภาพวาดได้รับการบูรณะโดย Paul Cuschieri ในปี 1856, โดย Samwel Bugeja ในปี 1978 และโดย Godwin Cutajar ในศตวรรษที่ 21[4]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.