มานูเอล อาซัญญา
From Wikipedia, the free encyclopedia
ในบทความนี้ นามสกุลแรกหรือนามสกุลฝ่ายบิดาคือ อาซัญญา ส่วนนามสกุลที่สองหรือนามสกุลฝ่ายมารดาคือ ดิอัซ
มานูเอล อาซัญญา | |
---|---|
ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสเปน | |
ดำรงตำแหน่ง 7 เมษายน ค.ศ. 1936 – 3 มีนาคม ค.ศ. 1939 | |
นายกรัฐมนตรี |
|
ก่อนหน้า | นิเซโต อัลกาลา-ซาโมรา |
ถัดไป | ฟรันซิสโก ฟรังโก (เกาดิโยแห่งสเปน) |
นายกรัฐมนตรีสเปน | |
ดำรงตำแหน่ง 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1936 – 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1936 | |
ประธานาธิบดี | นิเซโต อัลกาลา-ซาโมรา |
ก่อนหน้า | มานูเอล ปอร์เตลา บายาดาเรส |
ถัดไป | ซานเตียโก กาซาเรส กิโรกา |
ดำรงตำแหน่ง 14 ตุลาคม ค.ศ. 1931 – 12 กันยายน ค.ศ. 1933 | |
ประธานาธิบดี | นิเซโต อัลกาลา-ซาโมรา |
ก่อนหน้า | ฆวน เบาติสตา อัซนาร์ กาบัญญัส |
ถัดไป | อาเลฆันโดร เลร์รุกซ์ |
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสงคราม | |
ดำรงตำแหน่ง 14 เมษายน ค.ศ. 1931 – 12 กันยายน ค.ศ. 1933 | |
ก่อนหน้า | ดามาโซ เบเรงเกร์ |
ถัดไป | ฆวน โฆเซ โรชา การ์ซิอา |
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร | |
ดำรงตำแหน่ง 16 มีนาคม ค.ศ. 1936 – 31 มีนาคม ค.ศ. 1939 | |
เขตเลือกตั้ง | มาดริด |
ดำรงตำแหน่ง 8 ธันวาคม ค.ศ. 1933 – 7 มกราคม ค.ศ. 1936 | |
เขตเลือกตั้ง | บิซกายา |
ดำรงตำแหน่ง 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1931 – 9 ตุลาคม ค.ศ. 1933 | |
เขตเลือกตั้ง | บาเลนเซีย |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | มานูเอล อาซัญญา ดิอัซ 10 มกราคม ค.ศ. 1880(1880-01-10) มาดริด ราชอาณาจักรสเปน |
เสียชีวิต | 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1940(1940-11-03) (60 ปี) มงโตบ็อง แคว้นมีดี-ปีเรเน ฝรั่งเศสเขตวีชี |
ที่ไว้ศพ | สุสานมงโตบ็อง ประเทศฝรั่งเศส |
พรรคการเมือง | พรรคสาธารณรัฐนิยมฝ่ายซ้าย (ค.ศ. 1934–1940) |
การเข้าร่วม พรรคการเมืองอื่น | พรรคกิจสาธารณรัฐนิยม (ค.ศ. 1930–1934) |
คู่สมรส | โดโลเรส เด ริบัส เชริฟ |
อาชีพ | นักกฎหมาย |
ลายมือชื่อ | |
มานูเอล อาซัญญา ดิอัซ (สเปน: Manuel Azaña Díaz; 10 มกราคม ค.ศ. 1880-3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1940) เป็นนักการเมือง นักเขียน และนักข่าวชาวสเปน ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (ค.ศ. 1931–1933) และประธานาธิบดีสาธารณรัฐสเปน (ค.ศ. 1936–1939) เขาเป็นผู้นำกลุ่มนิยมสาธารณรัฐในระหว่างสงครามกลางเมืองสเปน
อาซัญญาเกิดในครอบครัวชนชั้นกลางที่ถือแนวคิดเสรีนิยมและได้รับการศึกษาทางศาสนา ซึ่งส่งผลอย่างยิ่งต่ออุดมการณ์สาธารณรัฐนิยม ฝ่ายซ้าย และการต่อต้านศาสนา หลังจากสำเร็จการศึกษาในสาขานิติศาสตร์ อาซัญญาเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมในวิถีทางวัฒนธรรมและการเมืองของราชอาณาจักร เขาสนับสนุนเสรีภาพทางเศรษฐกิจและสิทธิของคนงาน นอกจากนั้นยังให้ความร่วมมือกับอาเตเนโอเดมาดริด (Ateneo de Madrid) ซึ่งเขาเป็นประธาน เขากับเหล่าปัญญาชนร่วมกันในการสร้างโครงการปฏิรูปวิถีทางการเมืองสเปนและต่อมาจึงเข้าร่วมกับพรรคปฏิรูป (Partido Reformista) จากนั้นในระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อาซัญญาแสดงความนิยมต่อฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างเปิดเผยและทำหน้าที่เป็นนักข่าวสงครามในฝรั่งเศสและอิตาลี ใน ค.ศ. 1926 เขาก่อตั้งพรรคกิจสาธารณรัฐนิยม (Acción Republicana) ซึ่งในขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการของปริโม เด ริเบรา โดยในปีเดียวกันนั้น เขาได้รับรางวัลวรรณกรรมแห่งชาติจากงานเขียนชีวประวัติ Vida de Don Juan Valera อาซัญญาเป็นหนึ่งในผู้ลงนามกติกาสัญญาซานเซบัสเตียนเมื่อ ค.ศ. 1930 เป็นผลให้การเมืองฝ่ายสาธารณรัฐนิยมแข็งแกร่งขึ้น หลังจากการเลือกตั้งเทศมณฑลในเดือนเมษายน ค.ศ. 1931 นำไปสู่การยุติความขัดแย้งอันยาวนานที่เกิดขึ้นในสมัยการฟื้นฟูและการสละราชสมบัติของพระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 โดยมีการจัดตั้งสาธารณรัฐสเปนที่สองซึ่งอาซัญญาได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้ารัฐบาลชั่วคราวเป็นระยะเวลาสองถึงสามเดือน
จากผลลัพธ์ของการเลือกตั้งทั่วไปใน ค.ศ. 1931 อาซัญญาจึงดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลอย่างเป็นทางการ โดยเขาได้ดำเนินการปฏิรูปการศึกษา เศรษฐกิจ การทหาร สังคม และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปเกษตรกรรม การปฏิรูปกองทัพ การออกธรรมนูญปกครองตนเองสำหรับแคว้นกาตาลุญญา และการแบ่งแยกศาสนากับรัฐ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกรณีโต้เถียงเกี่ยวกับการปฏิรูป รวมทั้งเกิดเหตุการณ์ลาซานฆูร์ฆาดา (la Sanjurjada) และอุบัติการณ์กาซัสบิเอฆัส (Casas Viejas incident) ทำให้เขาลาออกจากตำแหน่งในเดือนกันยายน ค.ศ. 1933 และถูกจับกุมภายหลังการปฏิวัติ ค.ศ. 1934 โดยไม่ได้รับข้อกล่าวหาใด ๆ อาซัญญากลับสู่ชีวิตทางการเมืองอีกครั้งโดยได้ก่อตั้งพรรคสาธารณรัฐนิยมฝ่ายซ้าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวร่วมประชาชนในการเลือกตั้งทั่วไป ค.ศ. 1936 เขาเป็นหัวหน้ารัฐบาลอีกครั้งและจากนั้นจึงเป็นประธานาธิบดีสาธารณรัฐแทนที่นิเซโต อัลกาลา-ซาโมรา โดยมีซานเตียโก กาซาเรส กิโรกา เป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่เพียงไม่กี่เดือนได้เกิดการจราจลขึ้นในหมู่ทหาร ซึ่งความล้มเหลวในเหตุการณ์ดังกล่าวอารัมภบทไปสู่สงครามกลางเมืองสเปน ในช่วงเวลานี้ บทบาทของอาซัญญาลดลงอย่างฉาวโฉ่ต่อผู้มีอำนาจที่สนับสนุนกองกําลังติดอาวุธอนาธิปไตยและพรรคคอมมิวนิสต์ เขาแสวงหาการแทรกแซงจากฝรั่งเศส-อังกฤษเพื่อยุติความขัดแย้งและสร้างความปรองดองของชาติ โดยเขาได้เรียกร้องในการกล่าวปราศรัย "สันติภาพ ความเมตตา และการให้อภัย" (Paz, piedad y perdón) เมื่อ ค.ศ. 1938
เมื่อรัฐบาลฝรั่งเศสอนุญาตให้พลเรือนและทหารข้ามชายแดนระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 อาซัญญาพร้อมครอบครัวและผู้สนับสนุนจึงเดินทางไปยังฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ นายกรัฐมนตรีฆวน เนกริน ส่งโทรเลขถึงอาซัญญาให้เขากลับสเปนอีกครั้งในฐานะประธานาธิบดี แต่เขาปฏิเสธ เนื่องจากเขาได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจนแล้วว่าจะลาออกจากรัฐบาลสาธารณรัฐทันทีหลังจากที่ฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรให้การรับรองรัฐบาลของฟรังโก เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ณ ประเทศฝรั่งเศส อาซัญญาส่งจดหมายลาออกถึงประธานรัฐสภา และเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ในระหว่างการประชุมสภาถาวรแห่งสภาผู้แทนราษฎร ณ กรุงปารีส เนกรินได้วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจไม่เดินทางกลับสเปนของอาซัญญาอย่างรุนแรง
ภายหลังความพ่ายแพ้ของฝรั่งเศสต่อนาซีเยอรมนีใน ค.ศ. 1940 อาซัญญาถูกเกสตาโพจับกุมเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม โดยในบั้นปลายชีวิตเขาต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการสมองขาดเลือดและถึงแก่อสัญกรรมในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน