Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2514 เป็นฤดูกาลที่ไม่การกำหนดขอบเขตอย่างเป็นทางการ โดยดำเนินอยู่ภายในปี พ.ศ. 2514 แต่พายุหมุนเขตร้อนส่วนใหญ่มีแนวโน้มก่อตัวขึ้นภายในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม วันเหล่านี้ถือเป็นธรรมเนียมในการกำหนดขอบเขตของแต่ละฤดูกาล เมื่อพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวขึ้นภายในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ
ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2514 | |
---|---|
แผนที่สรุปฤดูกาล | |
ขอบเขตฤดูกาล | |
ระบบแรกก่อตัว | 8 มกราคม พ.ศ. 2514 |
ระบบสุดท้ายสลายตัว | 30 ธันวาคม พ.ศ. 2514 |
พายุมีกำลังมากที่สุด | |
ชื่อ | เออร์มา |
• ลมแรงสูงสุด | 285 กม./ชม. (180 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 1 นาที) |
• ความกดอากาศต่ำที่สุด | 885 hPa (มิลลิบาร์) |
สถิติฤดูกาล | |
พายุดีเปรสชันทั้งหมด | 55 ลูก |
พายุโซนร้อนทั้งหมด | 35 ลูก |
พายุไต้ฝุ่น | 24 ลูก |
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น | 6 ลูก (ไม่เป็นทางการ) |
ผู้เสียชีวิตทั้งหมด | อย่างน้อย 617 คน |
ความเสียหายทั้งหมด | 57.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงิน USD ปี 1971) |
ขอบเขตของบทความนี้จำกัดเฉพาะบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ทางฝั่งตะวันตกของเส้นแบ่งเขตวันสากล ส่วนพายุใดที่ก่อตัวขึ้นทางฝั่งตะวันออกของเส้นดังกล่าวจะเรียกว่า พายุเฮอร์ริเคน (ดูที่ ฤดูพายุเฮอร์ริเคนแปซิฟิก พ.ศ. 2514) ในช่วงเวลานี้ พายุใดที่ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในมหาสมุทรตะวันตกจะได้รับชื่อจากศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม ส่วนพายุดีเปรสชันเขตร้อนใดที่ก่อตัวขึ้นในแอ่งนี้จะได้รับการกำหนดหมายเลขและเติมตัวอักษร "W" ต่อท้ายเป็นรหัสเรียก ส่วนพายุดีเปรสชันเขตร้อนลูกใดที่ก่อตัวขึ้นหรือเคลื่อนตัวเข้าไปภายในพื้นที่รับผิดชอบของฟิลิปปินส์ พายุลูกนั้นจะได้รับชื่อจากสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ หรือ PAGASA ด้วย ด้วยเหตุนี้พายุเพียงหนึ่งลูก อาจมีชื่อถึงสองชื่อก็ได้
ตามที่ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วมสหรัฐระบุไว้ ฤดูกาลปี พ.ศ. 2514 นี้เคยเป็นฤดูกาลที่มีกิจกรรมมากที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 โดยมีพายุโซนร้อนถูกติดตามทั้งหมดถึง 35 ลูกภายในปีนี้[1] นอกจากพายุโซนร้อนทั้ง 35 ลูกแล้ว กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นยังถือว่า พายุดีเปรสชันเขตร้อน 25W เป็นพายุโซนร้อนด้วย แม้ว่าศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วมจะจัดเป็นเพียงพายุดีเปรสชันเขตร้อนก็ตาม[2]
วันที่ 8 มกราคม กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเริ่มติดตามพายุดีเปรสชันเขตร้อนที่ก่อตัวขึ้น ห่างจากเมืองเงรุลมุด ปาเลาไปทางทิศตะวันออกประมาณ 500 กม.[3] อีกสองสามวันต่อมา ระบบมีการพัฒนาขึ้นและมีทิศทางเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือ ก่อนที่ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วมจะจัดให้ระบบเป็นพายุโซนร้อน และใช้ชื่อ ซาราห์ (Sarah) ภายหลังจากที่อากาศยานของกองทัพเรือสหรัฐได้พบการจัดระบบของพายุ[3][4] ระบบพายุค่อย ๆ เคลื่อนตัวโค้งขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ และถูกจัดให้เป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงโดยกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นในวันที่ 10 มกราคม[5] ในวันนั้น ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วมก็ได้รายงานว่าระบบมีกำลังแรงสูงสุด โดยมีลมพัดต่อเนื่อง 1 นาทีเร็ว 95 กม./ชม.[4] อีกสองสามวันต่อมา ระบบอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนในวันที่ 11 มกราคม[4] เศษที่หลงเหลือของพายุนอกเขตร้อนซาราห์ยังคงเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ และพัดขึ้นฝั่งที่ประเทศแคนาดา และสลายตัวไปเหนือเทือกเขาในรัฐบริติชโคลัมเบียเมื่อวันที่ 17 มกราคม[4]
วันที่ 23 เมษายน พายุโซนร้อนวานดา (Wanda) เริ่มก่อตัวขึ้นทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมันเคลื่อนตัวผ่านหมู่เกาะและลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันที่ 25 เมษายน จากนั้นพายุมีทิศทางการเคลื่อนตัวโค้งขึ้นไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ และทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นบริเวณแนวชายฝั่งประเทศเวียดนามในวันที่ 1 พฤษภาคม ต่อมาคลื่นกระแสลมฝั่งตะวันตกได้พัดให้วานดาเคลื่อนไปทางเหนือ และทางตะวันออกเฉียงเหนือตามลำดับ จากนั้นจึงอ่อนกำลังลง กระทั่งสลายตัวไปใกล้กับเกาะไหหนันในวันที่ 4 พฤษภาคม
พายุนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 56 คน (สูญหาย 14 คน) และสร้างความเสียหาย 7 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี 2514) จากอุทกภัยครั้งใหญ่ทั่วประเทศฟิลิปปินส์[6] ขณะที่วานดาเคลื่อนตัวไปตามแนวชายฝั่งของประเทศเวียดนามนั้น กองทัพบกสหรัฐได้นำอากาศยานส่วนใหญ่ลงจอดในพื้นที่ทางเหนือ และลดการปะทะกันเล็กน้อยในสงครามเวียดนามลงชั่วคราว จนพายุนั้นผ่านพ้นไป[7] โดยในจังหวัดกว๋างหงาย มีผู้เสียชีวิตจำนวน 23 คน[8]
จากเส้นทางเดินพายุที่ดีที่สุด (best track) ของศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม เอมีก่อตัวขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนในวันที่ 29 เมษายน และทวีกำลังขึ้นเป็นพายุโซนร้อนได้ในเวลาไม่นาน จากนั้นทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นในวันที่ 1 พฤษภาคม พายุนี้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 โดยมีความเร็วลมแรงสุดใน 1 นาที 280 กม./ชม. ในวันที่ 2 พฤษภาคม ส่วนกรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นประมาณความกดอากาศต่ำสุดที่ศูนย์กลางที่ 890 มิลลิบาร์[9] แม้ว่าศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วมจะประมาณไว้สูงกว่าที่ 895 มิลลิบาร์ก็ตาม พร้อมทั้งยังมีการสังเกตถึงตาพายุขนาดเล็กประมาณ 10 ไมล์ทะเล[10] แม้ว่าเอมีจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 4 ในวันที่ 3 พฤษภาคม แต่มันได้ทวีกำลังกลับขึ้นเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 อีกครั้งในวันต่อมา โดยมีความเร็วลมรอบศูนย์กลางสูงสุดใน 1 นาทีที่ 260 กม./ชม. และความกดอากาศที่ศูนย์กลาง 900 มิลลิบาร์ พายุเริ่มอ่อนกำลังลงตั้งแต่วันที่ 4 เป็นต้นมา และถูกบันทึกไว้ท้ายสุดด้วยแรงลมระดับพายุโซนร้อนในวันที่ 7 พฤษภาคม[11] ก่อนที่เอมีจะถูกดูดซึมเข้าไปโดยแนวปะทะอากาศ[10] เอมีเป็นหนึ่งในพายุที่ทรงพลังที่สุดที่บันทึกได้ในเดือนพฤษภาคม[12]
ในอะทอลล์ทรุก (Truk Atoll) ซึ่งในปัจจุบันรู้จักกันในชื่ออะทอลล์ชุก (Chuuk Atoll) มีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายจากการถูกต้นมะพร้าวโค่นทับ[13] วันที่ 18 พฤษภาคม สหพันธรัฐไมโครนีเชียถูกประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติโดยสำนักจัดการภาวะฉุกเฉินกลาง[14] บนอะทอลล์นาโมนุยโต สถานีตรวจอากาศและบ้านเรือนมากกว่า 2,250 หลังถูกทำลายลง[10]
พายุได้พัดผ่านประเทศฟิลิปปินส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 13 คน และสูญหายอีก 14 คน สร้างความเสียหายถึง 4 ล้านเปโซฟิลิปปินส์[6]
ในประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 คน และมีความเสียหายเกิดขึ้นถึง 8 ล้านเปโซฟิลิปปินส์[6]
ในประเทศฟิลิปปินส์ แฮเรียตทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งราย[15]
พายุได้พัดขึ้นฝั่งใกล้กับเขตปลอดทหารระหว่างประเทศเวียดนามเหนือและประเทศเวียดนามใต้ ในฐานะของพายุไต้ฝุ่นที่ทรงพลังมาก พายุไต้ฝุ่นแฮเรียตเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้สงครามเวียดนามชะงักลง ปฏิบัติการทางทหารของทั้งสองฝั่งต้องยุติลงชั่วคราว โดยเฮลิคอปเตอร์ทุกลำของสหรัฐต้องกลับลงฐาน การเคลื่อนพลบนบกเป็นได้อย่างจำกัด แม้พายุจะทรงพลังมาก แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นค่อนข้างเบา โดยที่ค่ายอีเกิล (Camp Eagle) มีรายงานหลังคาปลิวไปตามลม เนื่องจากลมพัดแรง 120 กม./ชม.[16] ในเมืองดานัง วัดปริมาณน้ำฝนได้ 8 ถึง 10 นิ้ว (200 ถึง 250 มม.) และมีลมพายุพัดแรงในพื้นที่[17] ส่วนฝนสะสมสูงที่สุดใน 24 ชั่วโมงวัดที่ 10.16 นิ้ว (258 มม.) ที่ค่ายอีแวนส์ (Camp Evans) ทั่วทั้งประเทศเวียดนาม มีผู้เสียชีวิตจำนวนสี่ราย และมีรายงานผู้สูญหายจำนวนสิบสี่ราย ที่จังหวัดเถื่อเทียน มีความเสียหายเกิดขึ้นค่อนข้างมาก โดยบ้านเรือนประมาณ 2,500 หลังถูกทำลายหรือได้รับความเสียหาย[15]
พายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดของปีที่พัดผ่านประเทศฟิลิปปินส์ พายุหมุนเขตร้อนลูกนี้เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ มาจากบริเวณมาเรียนา ลมกระโชกฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ส่งผลกระทบกับบางส่วนของเกาะวิซายัสและลูซอน รวมถึงกรุงมะนิลาด้วย โดยพายุเคลื่อนผ่านพื้นที่ดังกล่าวในวันที่ 21 กรกฎาคม ลมแรงสุด 190 กม./ชม. ถูกบันทึกได้ในเมืองบัสโก จังหวัดบาตาเนส ฝนตกหนักเกิดขึ้น ปริมาณฝนสะสมสูงสุด 24 ชั่วโมงวัดได้ 379.5 มิลลิเมตรในนครบาเกียว ฝนที่ตกอย่างหนักทำให้เกิดอุทกภัยและแผ่นดินถล่มในส่วนตอนบนและตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์[18]
พายุไต้ฝุ่นเนดีน ก่อตัวขึ้นในวันที่ 20 กรกฎาคม ต่อมาวันที่ 24 กรกฎาคม มันทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีกำลังสูงสุดที่ 282 กม./ชม. โดยพายุได้อ่อนกำลังลงเล็กน้อยขณะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ และขึ้นฝั่งที่ด้านตะวันออกของเกาะไต้หวันในวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ลมพัดแรงมากกว่า 200 กม./ชม. เนดีนอ่อนกำลังลงในวันรุ่งขึ้นในประเทศจีน หลังจากทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 28 คน (สูญหายอีก 25 ราย) และสร้างความเสียหายอย่างหนักในเกาะไต้หวันจากอุทกภัย เนดีนยังเป็นสาเหตุให้อากาศยานขนส่งสินค้าแพนอเมริกาตก และทำให้ลูกเรือจำนวนสี่รายเสียชีวิต
พายุไต้ฝุ่นโอลีฟก่อตัวขึ้นในวันที่ 29 กรกฎาคม ใกล้กับบริเวณศูนย์สูตร และเคลื่อนตัวไปส่งผลกระทบกับด้านตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 4 สิงหาคม จากนั้นพายุมีทิศทางมุ่งหน้าไปทางเหนือต่อ และกลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนบริเวณทะเลญี่ปุ่น ฝนที่ตกหนักจากโอลีฟทำให้เกิดโคลนถล่มจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิตจำนวน 69 คน และยังไปขัดขวางการจัดงานชุมนุมลูกเสือโลกครั้งที่สิบสาม ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพในครั้งนั้น
พื้นที่การไหลเวียนขนาดเล็กก่อตัวขึ้นใกล้กับชุก จะจัดระบบขึ้นเป็นพายุโซนร้อนโรส (Rose) ในวันที่ 10 สิงหาคม โดยเป็นระบบพายุขนาดเล็กสุดขั้วที่มีสนามลมกว้างเพียง 150 ไมล์ทะเล (280 กิโลเมตร) โรสได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นพายุไต้ฝุ่นในวันถัดไป และต่อมาได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนในวันที่ 11 สิงหาคม แต่กลับมาทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นอีกครั้งในตอนที่มันเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก ในวันที่ 13 สิงหาคม พายุไต้ฝุ่นโรสพัดขึ้นฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอนด้วยความเร็วลมรอบศูนย์กลางกว่า 210 กม./ชม. มันอ่อนกำลังลงเป็นพายุไต้ฝุ่นกำลังอ่อนเนื่องจากพัดผ่านพื้นที่ที่เป็นภูเขา แต่เมื่อเคลื่อนตัวลงทะเลจีนใต้ โรสได้กลับมาทวีกำลังแรงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง โดยมีความเร็วลมสูงสุดถึง 230 กม./ชม. ในวันที่ 16 สิงหาคม บริเวณใกล้กับชายฝั่งของฮ่องกง โดยกระแสพัดเข้าเริ่มถูกขัดขวาง แต่โรสยังคงสถานะเป็นพายุไต้ฝุ่นที่ความเร็วลม 200 กม./ชม. ได้อยู่ในวันที่ 16 สิงหาคม โดยพายุไต้ฝุ่นสลายตัวลงในวันถัดไป พายุทำให้มีผู้เสียชีวิตในฮ่องกงถึง 130 ราย ผู้คนกว่า 5,600 คนต้องไร้ที่อยู่ โดยมีเรือเฟอร์รีของมาเก๊าอัปปางลง ทำให้ลูกเรือและผู้โดยสารจำนวน 88 คนเสียชีวิต
ความกดอากาศต่ำขั้นบนก่อตัวขึ้นเป็นพายุโซนร้อนทริกซ์ (Trix) ในวันที่ 20 สิงหาคม จากนั้นพายุได้เคลื่อนตัวโค้งไปทางเหนือ จากนั้นโค้งไปยังตะวันตกเพื่อตอบสนองต่อการก่อตัวของแนวสันกึ่งเขตร้อน ทริกซ์ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างช้า ๆ หลังจากเป็นพายุไต้ฝุ่นในวันที่ 21 สิงหาคม และมีความเร็วลมสูงสุด 185 กม./ชม. ในวันที่ 28 สิงหาคม ทริกซ์เคลื่อนตัวโค้งไป และขึ้นฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 29 สิงหาคม ในฐานะพายุไต้ฝุ่นที่มีความเร็วลม 153 กม./ชม. จากนั้นพายุได้กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อนทางตะวันออกเฉียงเหนือในวันที่ 30 สิงหาคม เพียงอาทิตย์เดียวหลังพายุไต้ฝุ่นโอลีฟ พายุทริกซ์ทิ้งปริมาณน้ำฝนมหาศาลลงในประเทศญี่ปุ่น มากถึง 43 นิ้ว (1,100 มม.) ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 44 คน สร้างความเสียหายถึง 50.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ระบบก่อตัวขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนในวันที่ 18 ตุลาคม ใกล้กับเกาะปาเลา โดยระบบทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนเฮสเตอร์ (Hester) ขณะเคลื่อนไปทางตะวันตกสู่ประเทศฟิลิปปินส์[19][20] และเคลื่อนตัวข้ามประเทศฟิลิปปินส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหกราย และมีความเสียหายกว่า 5 ล้านเปโซฟิลิปปินส์[6] หลังจากเคลื่อนผ่านเกาะมินดาเนาและหมู่เกาะวิซายัสในฐานะพายุโซนร้อนในระหว่างวันที่ 20 ถึง 21 ตุลาคม พายุโซนร้อนได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นก่อนขึ้นฝั่งในจังหวัดปาลาวัน เมื่อลงสู่ทะเลจีนใต้แล้ว เฮสเตอร์ทวีกำลังแรงขึ้น และมีกำลังสูงสุดที่ความเร็วลม 165 กม./ชม. ในวันที่ 23 ตุลาคมพายุพัดขึ้นฝั่งใกล้กับเมืองเว้ ประเทศเวียดนามใต้ เมื่ออยู่บนแผ่นดิน เฮสเตอร์อ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วและสลายตัวไปเหนือประเทศลาวในวันที่ 24 ตุลาคม[19][20]
ความเสียหายที่สำคัญจากพายุไต้ฝุ่นเฮสเตอร์ในประเทศเวียดนามใต้ ลมที่แรงกว่า 155 กม./ชม. สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงให้กับฐานของกองทัพบกสหรัฐหลายฐาน ฐานที่เสียหายมากที่สุดอยู่คือฐานจูลาย โดยมีชาวอเมริกันสามรายเสียชีวิต โครงสร้างของฐานอย่างน้อย 75 เปอร์เซ็นต์ได้รับความเสียหาย อากาศยาน 123 ลำถูกทำลายหรือได้รับความเสียหาย[19] หนังสือพิมพ์รายงานว่าชาวเวียดนามจำนวน 100 คนเสียชีวิตจากพายุ รวมถึงจากเหตุอากาศยานตกใกล้เมืองกวีเญิน[21][22]
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (PAGASA) | |||
---|---|---|---|
| |||
ระยะเวลา | 4 – 5 พฤศจิกายน | ||
ความรุนแรง | 55 กม./ชม. (35 ไมล์/ชม.) (10 นาที) 1001 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 29.56 นิ้วปรอท) |
พายุไต้ฝุ่นที่ทรงพลังที่สุดของฤดูกาล เออร์มา (Irma) มีความเร็วลมถึง 290 กม./ชม. ในวันที่ 11 พฤศจิกายน แต่มันเคลื่อนตัวอยู่เพียงในทะเลเท่านั้น ส่งผลกระทบเพียงกับเรือ และสร้างความเสียหายเล็กน้อยกับหมู่เกาะในแปซิฟิกตะวันตก ในเวลานั้น พายุไต้ฝุ่นนี้ถูกบันทึกว่าทวีกำลังแรงขึ้นเร็วที่สุดในระยะเวลา 24 ชั่วโมง โดยความกดอากาศลดต่ำลงจาก 980 มิลลิบาร์เหลือเพียง 885 มิลลิบาร์[23]
ในระหว่างวันที่ 7-8 มกราคม PAGASA ได้ติดตามพายุดีเปรสชันเขตร้อนอูริง[24] และนอกเหนือจากรายการพายุด้านบนนั้นแล้ว กรมอุตุนิยมวิทยาจีนยังติดตามพายุหมุนเขตร้อนอีกหลายลูก ประกอบด้วยพายุโซนร้อนหนึ่งลูก และพายุโซนร้อนกำลังแรงอีกสองลูก
นอกจากนี้ ยังมีพายุอีกสองระบบที่ถูกบันทึกไว้ในรายการฐานข้อมูลเส้นทางเดินพายุที่ดีที่สุดสากล ลูกหนึ่งเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และอีกลูกเป็นพายุโซนร้อน
ตารางนี้รวมเอาทั้งหมดของระบบพายุที่ก่อตัวภายใน หรือ เคลื่อนตัวเข้ามาในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือ ทางฝั่งตะวันตกของเส้นแบ่งวันสากล ภายในปี พ.ศ. 2514 ตารางนี้ยังมีภาพรวมของความรุนแรงของระบบ ระยะเวลา บริเวณที่มีผลกระทบกับแผ่นดิน และจำนวนความเสียหายหรือจำนวนผู้เสียชีวิตใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบพายุทั้งทางตรง และทางอ้อม (เช่นอุบัติเหตุทางการจราจรอันเนื่องจากพายุ) ความเสียหายและผู้เสียชีวิตรวมถึงพายุที่กลายเป็นพายุหมุนนอกเขตร้อน คลื่น หรือหย่อมความกดอากาศต่ำ ความเสียหายทั้งหมดเป็นค่าเงินปี ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514) ส่วนชื่อในวงเล็บเป็นชื่อที่กำหนดโดย PAGASA
ชื่อ | ช่วงวันที่ | ระดับความรุนแรง ขณะมีกำลังสูงสุด |
ความกดอากาศ | พื้นที่ผลกระทบ | ความเสียหาย (ดอลลาร์สหรัฐ) |
ผู้เสียชีวิต | อ้างอิง | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
อูริง | 7 – 8 มกราคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | ไม่ได้ระบุ | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
ซาราห์ | 8 – 11 มกราคม | พายุโซนร้อนกำลังแรง | 990 hPa (29.23 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 9 – 11 กุมภาพันธ์ | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1006 hPa (29.71 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ | ไม่มี | ไม่มี | ||
เทลมา (เบเบง) | 16 – 21 มีนาคม | พายุโซนร้อน | 994 hPa (29.35 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 4 – 5 เมษายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1006 hPa (29.71 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
เวรา (การิง) | 6 – 19 เมษายน | พายุไต้ฝุ่น | 965 hPa (28.50 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
วานดา (ดีดิง) | 22 เมษายน – 5 พฤษภาคม | พายุไต้ฝุ่น | 980 hPa (28.94 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ เวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ ตอนใต้ของจีน | > พันดอลลาร์สหรัฐ | 70079 | ||
TD | 25 – 28 เมษายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1004 hPa (29.65 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 28 เมษายน – 1 พฤษภาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 997 hPa (29.44 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 30 เมษายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1006 hPa (29.71 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
เอมี | 27 เมษายน – 7 พฤษภาคม | พายุไต้ฝุ่น | 890 hPa (26.28 นิ้วปรอท) | ไมโครนีเชีย หมู่เกาะมาเรียนา | ล้านดอลลาร์สหรัฐ | 6.41 | ||
เบบ (เอตัง) | 2 – 7 พฤษภาคม | พายุโซนร้อนกำลังแรง | 990 hPa (29.23 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 14 – 16 พฤษภาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1006 hPa (29.71 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 16 – 19 พฤษภาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1004 hPa (29.65 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
คาร์ลา (เฮนิง) | 17 – 23 พฤษภาคม | พายุโซนร้อนกำลังแรง | 995 hPa (29.38 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ | ไม่มี | ไม่มี | ||
ไดนาห์ (เฮร์มิง) | 23 – 31 พฤษภาคม | พายุไต้ฝุ่น | 960 hPa (28.35 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ จีนตอนใต้ | ไม่ทราบ | 13 | ||
เอ็มมา (อีซิง) | 27 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน | พายุโซนร้อน | 1000 hPa (29.53 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ | ไม่มี | ไม่มี | ||
ฟรีดา (ลูดิง) | 9 – 19 มิถุนายน | พายุไต้ฝุ่น | 980 hPa (28.94 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ตะวันออกเฉียงใต้ของจีน | ไม่ทราบ | 7 | ||
TD | 12 – 17 มิถุนายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1000 hPa (29.53 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 14 – 14 มิถุนายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1008 hPa (29.77 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
กิลดา (มาเมง) | 22 – 28 มิถุนายน | พายุไต้ฝุ่น | 975 hPa (28.79 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ จีนตอนใต้ | ไม่ทราบ | 1 | ||
แฮเรียต (เนเนง) | 30 มิถุนายน – 8 กรกฎาคม | พายุไต้ฝุ่น | 925 hPa (27.32 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ เวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ | ไม่ทราบ | 5 | ||
ไอวี | 4 – 8 กรกฎาคม | พายุโซนร้อนกำลังแรง | 990 hPa (29.23 นิ้วปรอท) | ญี่ปุ่น | ไม่ทราบ | 1 | ||
คิม (โอเนียง) | 8 – 14 กรกฎาคม | พายุโซนร้อนกำลังแรง | 980 hPa (28.94 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ จีนตอนใต้ เวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ | ไม่ทราบ | ไม่มี | ||
จีน (เปปัง) | 8 – 19 กรกฎาคม | พายุไต้ฝุ่น | 975 hPa (28.79 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ จีนตอนใต้ เวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ ลาว | ไม่ทราบ | ไม่มี | ||
ลูซี (โรซิง) | 13 – 24 กรกฎาคม | พายุไต้ฝุ่น | 910 hPa (26.87 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน จีน | ไม่ทราบ | 2 | ||
แมรี | 16 – 21 กรกฎาคม | พายุไต้ฝุ่น | 975 hPa (28.79 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
เนดีน (ซีซัง) | 19 – 27 กรกฎาคม | พายุไต้ฝุ่น | 900 hPa (26.58 นิ้วปรอท) | หมู่เกาะมาเรียนา ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน จีน | ไม่ทราบ | 32 | ||
โอลีฟ | 24 กรกฎาคม – 7 สิงหาคม | พายุไต้ฝุ่น | 935 hPa (27.61 นิ้วปรอท) | ญี่ปุ่น | ไม่ทราบ | 69 | ||
พอลลี (ตรีนิง) | 3 – 11 สิงหาคม | พายุโซนร้อนกำลังแรง | 980 hPa (28.94 นิ้วปรอท) | จีน | ไม่ทราบ | ไม่มี | ||
TD | 7 สิงหาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1008 hPa (29.77 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 8 – 11 สิงหาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1000 hPa (29.53 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
โรส (อูริง) | 6 – 17 สิงหาคม | พายุไต้ฝุ่น | 960 hPa (28.35 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ จีน | ไม่ทราบ | 130 | ||
เชอร์ลีย์ | 10 – 17 สิงหาคม | พายุไต้ฝุ่น | 955 hPa (28.20 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
ทริกซ์ | 19 สิงหาคม – 1 กันยายน | พายุไต้ฝุ่น | 955 hPa (27.02 นิ้วปรอท) | ญี่ปุ่น | ล้านดอลลาร์สหรัฐ | 50.645 | ||
25W | 23 – 29 สิงหาคม | พายุโซนร้อน | 992 hPa (29.29 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 27 – 31 สิงหาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1002 hPa (29.59 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 30 สิงหาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1010 hPa (29.83 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
เวอร์จิเนีย | 1 – 8 กันยายน | พายุไต้ฝุ่น | 955 hPa (28.20 นิ้วปรอท) | ญี่ปุ่น | ไม่ทราบ | 56 | ||
TD | 4 กันยายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1008 hPa (29.77 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
เวนดี | 4 – 13 กันยายน | พายุไต้ฝุ่น | 915 hPa (27.02 นิ้วปรอท) | เกาะเวก | ไม่ทราบ | ไม่มี | ||
TD | 6 – 8 กันยายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1006 hPa (29.71 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 9 – 11 กันยายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1000 hPa (29.53 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 12 – 15 กันยายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1000 hPa (29.53 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
28W | 13 – 15 กันยายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 996 hPa (29.41 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 14 กันยายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1004 hPa (29.65 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
แอกเนส (วาร์ลิง) | 10 – 19 กันยายน | พายุไต้ฝุ่น | 975 hPa (28.79 นิ้วปรอท) | ไต้หวัน จีน | ไม่ทราบ | 1 | ||
เบสส์ (ยายัง) | 16 – 23 กันยายน | พายุไต้ฝุ่น | 905 hPa (26.72 นิ้วปรอท) | หมู่เกาะรีวกีว ไต้หวัน จีน | ไม่ทราบ | 32 | ||
คาร์เมน | 22 – 26 กันยายน | พายุโซนร้อนกำลังแรง | 990 hPa (29.23 นิ้วปรอท) | ญี่ปุ่น | ไม่ทราบ | 20 | ||
TD | 24 – 29 กันยายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1002 hPa (29.59 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
เดลลา (อาดิง) | 24 กันยายน – 1 ตุลาคม | พายุไต้ฝุ่น | 980 hPa (28.94 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ จีนตอนใต้ เวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ ลาว | ไม่ทราบ | ไม่มี | ||
เอเลน (บารัง) | 1 – 9 ตุลาคม | พายุไต้ฝุ่น | 965 hPa (28.50 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ จีนตอนใต้ เวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ | ไม่ทราบ | 29 | ||
เฟย์ (กรีซิง) | 4 – 15 ตุลาคม | พายุโซนร้อนกำลังแรง | 985 hPa (29.09 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ | ไม่ทราบ | 13 | ||
TD | 6 – 7 ตุลาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1003 hPa (29.62 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 7 – 8 ตุลาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1000 hPa (29.53 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TS 7133 | 11 – 14 ตุลาคม | พายุโซนร้อน | 992 hPa (29.29 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 11 ตุลาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 998 hPa (29.47 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 16 – 17 ตุลาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1010 hPa (29.83 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
เฮสเตอร์ (โกยิง) | 18 – 24 ตุลาคม | พายุไต้ฝุ่น | 970 hPa (28.64 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ เวียดนามเหนือ เวียดนามใต้ ลาว | > ล้านดอลลาร์สหรัฐ | 3.6119 | ||
TD | 26 – 27 ตุลาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1012 hPa (29.88 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 31 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1004 hPa (29.65 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 2 – 7 พฤศจิกายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1004 hPa (29.65 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 4 – 8 พฤศจิกายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1002 hPa (29.59 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 4 – 5 พฤศจิกายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1006 hPa (29.71 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 5 – 8 พฤศจิกายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1006 hPa (29.71 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
เออร์มา (อีนิง) | 7 – 16 พฤศจิกายน | พายุไต้ฝุ่น | 885 hPa (26.13 นิ้วปรอท) | ไมโครนีเชีย หมู่เกาะรีวกีว | ไม่ทราบ | ไม่มี | ||
จูดี | 15 – 19 พฤศจิกายน | พายุโซนร้อนกำลังแรง | 1000 hPa (29.53 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 18 – 20 พฤศจิกายน | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1008 hPa (29.77 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 19 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1004 hPa (29.77 นิ้วปรอท) | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | ||
TD | 28 – 29 ธันวาคม | พายุดีเปรสชันเขตร้อน | 1006 hPa (29.71 นิ้วปรอท) | ฟิลิปปินส์ | ไม่มี | ไม่มี | ||
สรุปฤดูกาล | ||||||||
69 ลูก | 8 มกราคม – 29 ธันวาคม | 885 hPa (26.13 นิ้วปรอท) | ล้านดอลลาร์สหรัฐ | 61.3642 |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.