ลิงซิลเวอร์สปริงส์
From Wikipedia, the free encyclopedia
ลิงแห่งซิลเวอร์สปริงส์ (อังกฤษ: Silver Spring monkeys) คือ ลิงมาคาก 17 ตัวจากประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งถูกเก็บไว้ ณ สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ที่เมืองซิลเวอร์สปริงส์ ในรัฐแมริแลนด์[2] ตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ถึง พ.ศ. 2534 นักเขียนผู้หนึ่งกล่าวถึงพวกมันว่าเป็นสัตว์ทดลองซึ่งโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ จากการปะทะกันระหว่างนักวิจัยสัตว์ ผู้สนับสนุนสิทธิสัตว์ นักการเมือง และศาล ในการตัดสินว่าจะใช้พวกมันในงานวิจัย หรือปล่อยพวกมันไปยังศูนย์อนุรักษ์สัตว์ เหล่าลิงเป็นที่รู้จักในวงการวิทยาศาสตร์จากการทดลองด้านความยืดหยุ่นของสมอง (neuroplasticity) หรือความสามารถในการจัดเรียงใหม่ของสมองของไพรเมตซึ่งโตเต็มวัย[3]
หนึ่งในลิงแห่งซิลเวอร์สปริงส์ที่ชื่อโดมิเตียน ในหนึ่งในรูปซึ่งพีตาเผยแพร่สู่หนังสือพิมพ์[1] | |
วันที่ | พฤษภาคม พ.ศ. 2524 |
---|---|
ที่ตั้ง | สถาบันวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ เมืองซิลเวอร์สปริงส์ ในรัฐแมริแลนด์, สหรัฐ |
ผู้รายงานคนแรก | เดอะวอชิงตันโพสต์ |
ผู้เข้าร่วม | เอ็ดเวิร์ด ทับ, อเล็กซ์ ปาเชโก (นักเคลื่อนไหว), อินกริด นิวคิร์ก, พีตา |
ผล | การก้าวหน้าทางงานวิจัยด้านความยืดหยุ่นของสมองและการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง; ครั้งแรกที่ตำรวจเข้าบุกค้นห้องทดลองในสหรัฐ; ครั้งแรกที่นักวิจัยชาวสหรัฐถูกฟ้องในข้อหาทารุณกรรมสัตว์; เกิดการริเริ่มกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ค.ศ. 1985; รายงานการสร้างกรงขังจากกลุ่มปลดปล่อยสัตว์ (Animal Liberation Front) ในอเมริกาเหนือเป็นครั้งแรก |
เสียชีวิต | ลิงแสม 17 ตัว |
ข้อหา | เอ็ดเวิร์ด ทับถูกฟ้อง 17 ข้อหาเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์และ 6 ข้อหาเกี่ยวกับการเพิกเฉยต่อการรักษาสัตว์ |
จำนวนถูกพิพากษาลงโทษ | ทับถูกพิพากษาลงโทษใน 6 ข้อหาซึ่งกลับคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ |
เหล่าลิงถูกนักจิตวิทยาชื่อว่า เอ็ดเวิร์ด ทับ (Edward Taub) ใช้เป็นสัตว์ทดลอง เขาได้ตัดปมประสาทรากหลัง ซึ่งเป็นตัวส่งความรู้สึกต่อการสัมผัสจากแขนหรือขาไปยังสมองของของลิงเหล่านั้น จากนั้นจึงใช้อุปกรณ์พยุงแขนเพื่อยึดแขนที่ใช้การได้ หรือแขนที่ถูกทำให้ไรความรู้สึก[4] เพื่อฝึกให้พวกมันใช้แขนซึ่งไม่มีความรู้สึก ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2524 อเล็กซ์ ปาเชโก (Alex Pacheco) จากพีตา (PETA) ได้เริ่มแฝงตัวเข้าทำงานในห้องทดลอง และแจ้งตำรวจด้วยสภาพความเป็นอยู่ของเหล่าลิงที่ไม่ได้มาตรฐาน[5] ในการบุกเข้าจับกุมครั้งแรกของตำรวจ ลิงทั้ง 17 ตัวได้ถูกยึด และทับได้ถูกจับในข้อหาทารุณกรรมสัตว์และการเพิกเฉยต่อการรักษาสัตว์ เขาตกอยู่ภายใต้ 6 ข้อหา โดย 5 ข้อหาถูกยกฟ้องในการพิจารณาคดีครั้งที่สองในศาล ส่วนการพิพากษาครั้งสุดทายถูกยกฟ้องในการอุทธรณ์เมื่อ พ.ศ. 2526 เมื่อศาลตัดสินว่ากฎหมายเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์ไม่สามารถนำไปใช้กับห้องทดลองซึ่งได้รับทุนจากรัฐบาลกลางได้[2]
การต่อสู้ในศาลเพื่ออำนาจปกครองเหล่าลิงทำให้เกิด ทั้งการรณรงค์เพื่อให้ปล่อยพวกมันโดยบุคคลผู้มีชื่อเสียงและนักการเมือง การแปรญัตติของการคุ้มครองสวัสดิภาพของสัตว์ใน พ.ศ. 2528 การเปลี่ยนแปลงของพีตาจากเพียงกลุ่มเพื่อนเป็นขบวนการระดับชาติ การสร้างกรงขังของหน่วย North American Animal Liberation Front และยังเป็นคดีเกี่ยวกับงานวิจัยสัตว์คดีแรกที่ได้ไปถึงศาลสูงสุดของสหรัฐ[6] ในกรกฎาคม พ.ศ. 2534 คำร้องของพีตาเพื่ออำนาจปกครองเหล่าลิงถูกศาลสูงสุดปฏิเสธ จากนั้นไม่กี่วันลิงตัวสุดท้ายก็ถูกสังหาร
หลังเหล่าลิงถูกชำแหละ นักวิจัยได้พบการเรียงตัวของใหม่ของคอร์เทกซ์ (cortical remapping) แสดงเป็นนัยว่าการถูกบังคับให้แขนซึ่งไม่ได้รับประสาทสัมผัสนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของการเรียงตัวในสมองของพวกมัน[7] นับเป็นหลักฐานของความยืดหยุ่นของสมองซึ่งขัดกับความเชื่อที่ว่าสมองของผู้ใหญ่ไม่สามารถเรียงตัวใหม่เพื่อตอบโต้กับสิ่งแวดล้อมได้[8] หลังถูกขู่ฆ่าและไม่สามารถหาตำแหน่งในงานวิจัยเป็นเวลาถึงห้าปี ทับก็ได้รับข้อเสนอทุนจากมหาลัยอลาบาม่า และได้พัฒนาการรักษารูปแบบใหม่สำหรับผู้พิการจากความเสียหายของสมอง ที่ชื่อว่า constraint-induced movement therapy หรือ CIMT บนฐานของความยืดหยุ่นของสมอง การรักษานี้ได้ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองให้กลับมาใช้แขนหรือขาได้อีกครั้ง หลังเป็นอัมพาตมาหลายปี และยังได้รับการยกย่องจาก American Stroke Association ให้เป็นการปฏิวัติระดับแนวหน้า[9]