มหาเสวกเอก เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (นามเดิม: หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา; 31 มีนาคม พ.ศ. 2406 - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2484) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัง
ข้อมูลเบื้องต้น ข้อมูลส่วนบุคคล, เกิด ...
เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) |
---|
|
ข้อมูลส่วนบุคคล |
---|
เกิด | 31 มีนาคม พ.ศ. 2406 |
---|
เสียชีวิต | 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2484 (78 ปี) |
---|
บุพการี | - หม่อมเจ้าเสาวรศ อิศรเสนา (บิดา)
- หม่อมมุหน่าย อิศรเสนา ณ อยุธยา (มารดา)
|
---|
|
ปิด
ชาติกำเนิด
เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ เป็นบุตรของหม่อมเจ้าเสาวรศ อิศรเสนา และหม่อมมุหน่าย อิศรเสนา ณ อยุธยา เกิดในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2405 (แบบปัจจุบัน คือ พ.ศ. 2506) ที่พระตำหนักหม่อมเจ้าเสาวรส บริเวณถนนพระอาทิตย์ กรุงเทพมหานคร สมรสกับหม่อมราชวงศ์อรุณ นพวงศ์
รัชกาลที่ 5
- พฤศจิกายน พ.ศ. 2420 รับราชการยศนายสิบทหาร ห้อง (ช่าง) เงินเดือน 12 บาท มีหน้าที่ ควบคุมบังคับช่างที่รักษาความสะอาดในพระที่นั่ง
- พ.ศ. 2425 ผู้บังคับกรมเด็กชา (รวม ขุนหมื่นชาวที่เข้ากับ ลูกหมู่ลาวสีไม้) มี ตำแหน่งเทียบเท่า นายร้อยทหารหน้า
- พ.ศ. 2428 เป็นหลวงราชดรุณรักษ์ เทียบเท่าร้อยโทกรมทหารหน้า ถือศักดินา ๖๐๐[1]
- พ.ศ. 2433 ยกกรมเด็กชาขึ้นเป็นกระทรวงวัง
- 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2436 เป็นหลวงสิทธินายเวร มหาดเล็กเวรสิทธิ์ ถือศักดินา ๘๐๐[2]
- 10 กันยายน พ.ศ. 2441 เป็นเจ้าหมื่นเสมอใจราช หัวหมื่นมหาดเล็กปลายเชือกเวรสิทธิ์ ถือศักดินา ๑๐๐๐[3]
- พ.ศ. 2443 ปฏิบัติงานในกรมสุขาภิบาล (จัดทำถนนและสาธารณสถาน) ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้เป็นเจ้ากรมโยธา ทำการก่อสร้างทั่วไป
- 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2446 เป็น พระยาวรพงษ์พิพัฒน์ จางวางมหาดเล็ก ถือศักดินา ๑๐๐๐[4]
- พ.ศ. 2452 เป็นผู้ดูแลกำกับการสร้างท่าเทียบเรือพระที่นั่ง
รัชกาลที่ 6
- 11 ธันวาคม พ.ศ. 2453 เป็นองคมนตรี ในสมัยรัชกาลที่ 6[5]
- พ.ศ. 2455 ดำรงตำแหน่งในสภาจางวาง ยศจางวางโท
- พ.ศ. 2456 เป็นอธิบดีกรมตรวจมหาดเล็ก
- 1 เมษายน พ.ศ. 2457 เป็นจางวางเอก[6]
- 10 มีนาคม พ.ศ. 2458 รั้งตำแหน่งอธิบดีกรมพระอัศวราชอีกตำแหน่งหนึ่ง[7]
รัชกาลที่ 7
- พ.ศ. 2469 ผู้บัญชาการมหาดเล็กกรรมการชำระสะสางเงิน พระคลังข้างที่ และตัดทอนรายจ่ายราชสำนัก
- พ.ศ. 2469 ผู้รั้งตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง
- พ.ศ. 2469 ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ สกุลกษัตริ์ยศรีบวรราชเสนานุรักษ์ มหาสวามิภักดิ์บรมราชูปสดมภ์ ศุทธสมเสวกามาตย์มหาร์ชวังคณบดี ราชธรรมปรเพณีศรีรัตนมนเทียรบาล มุทราธารนนทิวาหเนศ บุนยเกษตรศรณเกษมสวัสดิ์ บรมราชาธิปัตเยนทรมนตรี มหาเสนาบดีอภัยพีริยปรากรมพาหุ[8] ศักดินา 10000 ไร่ เงินเดือน 2,200 บาท
- พ.ศ. 2470 เสนาบดีกระทรวงวัง[9]
- พ.ศ. 2475 ผู้สำเร็จราชการพระราชวัง หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
- พ.ศ. 2476 เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัง
- พ.ศ. 2477 ออกจากราชการหลังจากยุบกระทรวงวังเป็นสำนักพระราชวัง รับบำนาญเดือนละ 950 บาท รวมอายุราชการ 57 ปี
- 2426 - 2427 ธุรกิจรับส่งผู้โดยสาร โดยรถม้า และรถเก๋ง
- 2428 ธุรกิจสร้างตู้เสาเกลียว เครื่องเรือน และทำเครื่องแป้ง
- 2439 ธุรกิจโรงเลื่อยจักร ข้างวัดตรี ริมคลองบางลำพู (หน้าวัดรังสี)
- 2444 ธุรกิจเตาเผาอิฐ
- 2445 - 2447 ธุรกิจโรงสีข้าวที่บางโพ
- 2450 ตั้งท่าเรือจ้าง ณ ถนนพระอาทิตย์ ธุรกิจเรือเมล์เขียว (คลองบางหลวง)
- 2451 ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ก่อตั้งบริษัท รถไฟบางบัวทอง จำกัดสินใช้ โดยสร้างทางรถไฟสายบางบัวทองลงทุนด้วยเงินยืม
- 2452 ธุรกิจมวนบุหรี่ ต่อมาสนใจโรงงานยาสูบ
- 2458 เริ่มเดินรถไฟสายบางบัวทอง ใช้รถจักรไอน้ำ รางขนาดกว้าง 75 เซนติเมตร โดยใช้รถจักรไอน้ำขนาดเล็ก
- 8 มกราคม 2465 ได้ทำสัญญากับกรมรถไฟหลวงเพื่อขยายเส้นทางรถไฟ (หลักฐานสัญญาเก็บรักษาที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ)
- 2465 - 2469 ธุรกิจโรงงานน้ำตาลทรายที่ทับหลวง ลงทุนด้วยเงินยืม แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
- 2468 จดทะเบียน ตั้งบริษัท รถไฟบางบัวจำกัดสินใช้
- 2469 เริ่มการขยายเส้นทางไป วัดระแหง ที่ ลาดหลุมแก้ว
- 2470 ต่อมาปรับปรุงจากรถกำลังไอน้ำ พลังงานฟืน มาเป็นรถราง 4 ล้อ เครื่องเบนซิน โดยใช้น้ำมัน ตราหอย จาก บริษัทอิสเอเชียติก ปิโตรเลียม จำกัด ซึ่งปัจจุบัน คือ น้ำมัน เชลล์ จาก บริษัทเชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แต่ต่อมาซื้อน้ำมันจาก โซโกนี่ (เปลี่ยนชื่อเป็น สแตนดาร์ดแวคัมออยล์ เมื่อปี 2477) ซึ่งปัจจุบันคือ บริษัท เอสโซสแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
- 5 เมษายน 2473 แก้ไขสัญญาเดินรถไฟบางบัวทองกับกรมรถไฟหลวง เพื่อถอนรางที่อยู่วัดเฉลิมพระเกียรติ (ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดนนทบุรีเดิมที่ตลาดขวัญ) ให้เดินรถไฟตรงไปที่ท่านั้นฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัดนนทบุรีแห่งใหม่ที่บางขวาง พร้อมยืดระยะรถไฟจากบางบัวทองไปที่วัดระแหง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี (หลักฐานสัญญาเก็บรักษาที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เช่นกัน)
- 2477 แก้ไขรถราง 4 ล้อให้มาใช้ น้ำมันดีเซล แทนเพื่อลดค่าใช้จ่าย
- 19 กุมภาพันธ์ 2480 เกิดอุบัติเหตุ รถราง 4 ล้อรถไฟบางบัวทองชนกัน คนขับช้ำในตายที่โรงพยาบาลกลาง
- 2483 เมื่อ บริษัทอิสเอเชียติก ปิโตรเลียม จำกัด และ สแตนดาร์ดแวคัมออยล์ เลิกการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศไทย รถไฟบางบัว จำกัดสินใช้ ต้องซื้อน้ำมันดีเซล จากกรมเชื้อเพลิง กระทรวงกลาโหม (น้ำมันสามทหาร) แทน
- 16 กรกฎาคม 2485 ประกาศเลิกกิจการ รถไฟบางบัวทอง แล้วดำเนินการถอนรางและรถจักรไปขาย บริษัทส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย จำกัด เจ้าของโรงงานน้ำตาลวังกะพี้
- กันยายน 2485 เริ่มการถอนรางและไม้หมอนไปกองรวมกันที่ สถานีรถไฟบางบำหรุ
- 2 มกราคม 2486 เลิกกิจการรถไฟบางบัวทอง อย่างเป็นทางการ
เครื่องยศ
เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) ได้รับพระราชทานเครื่องยศ ดังต่อไปนี้
- โต๊ะกาทองคำ[10]
- หีบหมากทองคำ[10]
- พาน
- คณโฑนํ้า
- กระโถนทองคำ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
ข้อมูลเพิ่มเติม ลำดับสาแหรกของเจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) ...
ลำดับสาแหรกของเจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์ (หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) |
|
ปิด
บรรณานุกรม
- หม่อมหลวงยิ่งศักดิ์ อิศรเสนา. ประวัติ เจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ กรุงเทพ , สำนักพิมพ์บรรณกิจ (1991) จำกัด , 2525.
- อนุสรณ์ในงานเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงศพ หลวงพิสูจน์พาณิชลักษณ์ (หม่อมหลวงเพิ่มยศ อิศรเสนา) ม.ว.ม., ป.ช.,ท.จ.ว. ณ. เมรุหลวงหน้า พลับพลาอิศร์ยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส. วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2528.
- เอกสารชุดรถไฟบางบัวทอง จากกรมราชเลขาธิการ สมัยรัชกาลที่ 6 และ รัชกาลที่ 7 (มีในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ)
- เอกสารชุดรถไฟบางบัวทอง จากสำนักนายกรัฐมนตรี (มีในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ)