เส้นนัซกา
From Wikipedia, the free encyclopedia
เส้นและภาพเขียนบนพื้นดิน แห่งนัซกาและปัลปา * | |
---|---|
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก | |
ภาพถ่ายทางอากาศของหนึ่งในเส้นนาซกาเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 เป็นรูปร่างที่มีชื่อว่า "ลิง" | |
พิกัด | 14°43′S 75°08′W |
ประเทศ | เปรู |
ภูมิภาค ** | ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
เกณฑ์พิจารณา | (i), (iii), (iv) |
อ้างอิง | 700 |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 1994 (คณะกรรมการสมัยที่ 18) |
พื้นที่ | 75,358.47 เฮ็กเตอร์ |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
เส้นนัซกา (สเปน: líneas de Nazca) เป็นกลุ่มภาพลายเส้นที่ทะเลทรายนัซกาทางตอนใต้ของประเทศเปรู[1][2] สร้างขึ้นในช่วง 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช ถึง ค.ศ. 500 โดยผู้คนที่ทำรอยบากหรือรอยบากตื้น ๆ บนพื้นทะเลทราย เอาก้อนกรวดออก และปล่อยดินสีต่าง ๆ ออกมา[3] มีการวาดเส้นนัซกาถึงสองระยะหลัก คือ ระยะปารากัซใน 400 ถึง 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช และระยะนัซกาใน 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช ถึง ค.ศ. 500[4] จนกระทั่ง ค.ศ. 2020 มีการค้นพบภาพลายเส้นใหม่ระหว่าง 80 ถึง 100 รูปด้วยการใช้โดรน และนักโบราณคดีเชื่อว่าอาจพบได้มากกว่านี้[5]
เส้นส่วนใหญ่มักเป็นเส้นตรงผ่านภูมิประเทศ แต่ก็มีการออกแบบเป็นรูปสัตว์และพืชด้วย เส้นนัซกาบางส่วนสามารถมองเห็นรูปร่างได้ดีจากข้างบน (ที่ประมาณ 500 เมตร [1,600 ฟุต]) แม้ว่จะมองเห็นได้จากเชิงเขาโดยรอบและบริเวณที่สูงอื่น ๆ ก็ตาม[6][7][8] รูปร่างเหล่านี้มักสร้างจากเส้นที่ยาวต่อเนื่อง โดยรูปที่ใหญ่ที่สุดมีเส้นที่ยาวประมาณ 370 เมตร (400 หลา)[9] เนื่องจากที่ตั้งที่โดดเดี่ยวและสภาพภูมิอากาศบนที่ราบสูงที่แห้งแล้ง ไร้ลม และคงที่ ทำให้เส้นส่วนใหญ่ได้รับการรักษาตามธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่พบได้ยากมากอาจเปลี่ยนแปลงรูปร่างทั่วไปชั่วคราว ณ ค.ศ. 2012 กล่าวกันว่าเส้นต่าง ๆ ทรุดโทรมลงเนื่องจากผู้คนเข้ามาจับจองที่ดินบริเวณตรงนี้[10]
รูปร่างมีความแตกต่างไปตามความซับซ้อน โดยมีเส้นแบบง่ายกับรูปร่างและรูปทรงเรขาคณิตกว่าร้อยภาพ และรูปแบบอิงตามสัตว์มากกว่า 70 ภาพ เช่น นกฮัมมิงเบิร์ด แมงมุม ปลา แร้งคอนดอร์ นกยาง ลิง กิ้งก่า สุนัข แมว และมนุษย์ ส่วนรูปร่างอื่น ๆ เช่น ต้นไม้ และดอกไม้[3] นักวิชาการตีความจุดประสงค์ของการออกแบบแตกต่างกัน แต่โดยทั่วไป พวกเขาให้ความหมายในทางศาสนา[11][12][13][14] เส้นนัซกาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกใน ค.ศ. 1994