เหยี่ยวดำ
From Wikipedia, the free encyclopedia
เหยี่ยวดำ (อังกฤษ: Black kite, Pariah kite; ชื่อวิทยาศาสตร์: Milvus migrans) เป็นนกล่าเหยื่อขนาดกลางในวงศ์ Accipitridae กล่าวกันว่าเป็นชนิดที่พบได้แพร่หลายที่สุดในโลก แม้ว่าประชากรบางพื้นที่ลดลงอย่างมากหรือขึ้น ๆ ลง ๆ[2] ประชากรในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านตัว[1]
เหยี่ยวดำ | |
---|---|
M. m. affinis, ประเทศออสเตรเลีย | |
เสียงร้อง | |
สถานะการอนุรักษ์ | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอต |
อาณาจักร: | สัตว์ |
ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง |
ชั้น: | สัตว์ปีก |
อันดับ: | เหยี่ยว |
วงศ์: | เหยี่ยวและนกอินทรี |
สกุล: | Milvus (Boddaert, 1783) |
สปีชีส์: | Milvus migrans |
ชื่อทวินาม | |
Milvus migrans (Boddaert, 1783) | |
ชนิดย่อย | |
5, ดูข้อความ | |
ขอบเขตของเหยี่ยวดำ พื้นที่สืบพันธุ์ อาศัย ไม่ใช่พื้นที่สืบพันธุ์ ทางผ่าน | |
ชื่อพ้อง | |
|
จัดเป็นนกขนาดกลาง ขนาดลำตัวประมาณ 60-66 เซนติเมตร ตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะเหมือนกันคือ ลำตัวสีน้ำตาลเข้มอมเหลืองทั้งด้านบนและด้านล่าง ปีกสีน้ำตาลเข้ม หางเป็นแฉกตื้น ๆ มองดูคล้ายง่าม ปากสั้นสีดำแหลมคม ปลายปากเป็นขอ หัวค่อนข้างใหญ่ คอสั้น ปีกยาว ส่วนนกที่ยังไม่โตเต็มที่ ลำตัวจะเป็นสีน้ำตาลอ่อน พร้อมกับมีขีดสีเหลืองอ่อนทั่วทั้งตัว
พบกระจายพันธุ์อยู่กว้างขวางในหลายพื้นที่ ตั้งแต่ยูเรเชีย, ออสตราเลเชีย และโอเชียเนีย จึงทำให้มีชนิดย่อยหลากหลายถึง 5 ชนิด (ดูในตาราง) และเป็นนกอพยพในหลายพื้นที่ในช่วงฤดูหนาว ในประเทศไทยพบได้ในป่าทางภาคเหนือ, ภาคกลางและภาคใต้
มีพฤติกรรมหากินในเวลากลางวัน ชอบบินอยู่ตามที่โล่งชายป่า ตามริมฝั่งทะเล หรือตามแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ เพื่อหาอาหาร เมื่อจับเหยื่อได้ก็มักกินบนพื้นดิน หรืออาจนำไปกินบนต้นไม้ พบอยู่โดดเดี่ยว เป็นคู่หรือเป็นฝูง
เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ เหยี่ยวดำจะทำรังรวมกันเป็นกลุ่มบนต้นไม้สูง ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะช่วยกันสร้างรังด้วยกิ่งไม้เล็ก ๆ นำมาขัดสานกัน จากนั้นทั้งคู่จะช่วยกันกกไข่และเลี้ยงลูกอ่อน นกจะใช้เวลากกไข่นานประมาณ 29-32 วัน ออกไข่ครั้งละ 2-4 ฟอง ปกติ 3 ฟอง
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535[3] [4] ในการสำรวจในปี พ.ศ. 2559 ในประเทศไทยไม่พบเลย จึงทำให้ไม่ทราบว่าสูญพันธุ์ไปแล้วหรือไม่จากประเทศไทย[5]