Loading AI tools
อุปกรณ์ส่งสัญญาณภาพสำหรับการสื่อสารด้วยแสง จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โคมไฟบังคับทิศ[thai 1] (อังกฤษ: Directional Flashlight)[thai 1] หรือ โคมไฟสัญญาณ โคมไฟเอดิส โคมไฟมอร์ส (อังกฤษ: Signal lamp, Aldis lamp, Morse lamp[4]) เป็นอุปกรณ์ส่งสัญญาณภาพสำหรับการสื่อสารด้วยแสงโดยการกระพริบของโคมไฟ โดยปกติจะใช้ในการส่งรหัสมอร์ส แนวคิดเรื่องการกระพริบไฟเป็นแสงวับ (จุด) และแสงวาบ (ขีด) จากตะเกียงนี้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดย กัปตัน ฟิลิป ฮาวเวิร์ด โคลอมบ์ แห่งราชนาวีอังกฤษในปี พ.ศ. 2410 ซึ่งเขาออกแบบด้วยการใช้แสงไลม์ไลท์ (ไฟแก๊ส) ในการส่องสว่าง และชุดรหัสที่เขาใช้ในการส่งก็ไม่เหมือนกับรหัสมอร์ส ต่อมาระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง นายทหารสื่อสารของฝ่ายเยอรมนีได้ใช้เครื่องส่งสัญญาณแบบออปติคอลมอร์สที่เรียกว่า Blinkgerät ซึ่งมีระยะในการส่งไกลถึง 8 กิโลเมตร (5 ไมล์) ในเวลากลางคืน โดยใช้ตัวกรองแสงสีแดงเพื่อหลีกเลี่ยงการมองเห็นการสื่อสารดังกล่าว
โคมไฟบังคับทิศสมัยใหม่จะสร้างพัลส์ของแสงที่โฟกัส ไม่ว่าจะด้วยการเปิดและปิดบาดเกล็ดที่ติดอยู่หน้าโคมไฟ หรือโดยการเอียงกระจกเว้า ซึ่งยังคงใช้งานมาจนถึงปัจจุบันในเรือเดินทะเลและสำหรับไฟสัญญาณการบินในหอควบคุมจราจรทางอากาศ โดยเป็นอุปกรณ์สำรองในกรณีที่วิทยุของเครื่องบินขัดข้องจนไม่สามารถสื่อสารได้
โคมไฟบังคับทิศถูกบุกเบิกการใช้งานโดยราชนาวีอังกฤษในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยมันเป็นเครื่องส่งสัญญาณในยุคที่สองของราชนาวี หลังจากธงสัญญาณถูกใช้อย่างแพร่หลายรวมถึงข้อความสัญญาณของลอร์ดเนลสันที่ว่า "อังกฤษหวังว่าทุกนายจะทำตามหน้าที่" (England expects that every man will do his duty) ก่อนยุทธนาวีที่ตราฟัลการ์[5]
แนวคิดเรื่องไฟวับและไฟวาบจากตะเกียงถูกนำมาใช้ครั้งแรกโดยกับตัน ต่อมาคือรองพลเรือเอก ฟิลิป ฮาวเวิร์ด โคลอมบ์ แห่งราชนาวีอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2410 การออกแบบของพลเรือเอก โคลอมบ์ นั้นใช้ไลม์ไลท์ในการส่องสว่าง[6] โดยรหัสที่ใช้ในการส่งของเขาไม่เหมือนกับรหัสมอร์ส ซึ่งต่อมาก็ได้นำรหัสมอร์สมาปรับใช้ในภายหลัง[5]
สำหรับโคมไฟบังคับทิศอีกดวงที่มีการนำมาใช้งานคือโคมไฟเบบี้ (Begbie lamp) ซึ่งเป็นตะเกียงน้ำมันก๊าดที่มีเลนส์เพื่อโฟกัสให้แสงสว่างขึ้นทำให้เห็นได้จากระยะไกล[7]
ในช่วงสงครามสนามเพลาะระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อการสื่อสารผ่านสายถูกตัดขาด นายทหารสื่อสารของเยอรมันใช้เครื่องส่งสัญญาณแบบออปติคัลส์มอร์ส 3 ประเภทในการส่งสัญญาณ เรียกว่า Blinkgerät ซึ่งเป็นเครื่องสัญญาณทางไกล ในเวลากลางวันระยะสูงสุด 4 กิโลเมตร (2.5 ไมล์) และในเวลากลางคืนระยะสูงสุด 8 กิโลเมตร (5 ไมล์) โดยใช้ที่กรองแสงสีแดงเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับการสื่อสาร[8]
ในปี พ.ศ. 2487 อาเธอร์ ไซริล เวบบ์ อัลดิส ได้จดสิทธิบัตรการออกแบบโคมบังคับทิศทางแบบมือถือ[9] ซึ่งมีม่านบานเกล็ดที่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพในการส่องสว่างแล้ว[10]
โคมไฟบังคับทิศทางสมัยใหม่สามารถสร้างพัลส์แสงเฉพาะจุดได้ ซึ่งในรุ่นทีมีขนาดใหญ่สามารถสร้างพัลส์ได้ด้วยการเปิดและปิดบานเกล็ดที่ติดตั้งอยู่ด้านหน้าของหลอดไฟ โดยบังคับได้ทั้งแบบสวิตช์แรงดันที่บังคับด้วยตัวเอง หรือในเวอร์ชั่นใหม่ที่เป็นระบบอัตโนมัติ[11] ในขณะที่โคมไฟมือถือจะใช้กระจกเว้าที่เอียงด้วยสวิตช์แบบไกปืนเพื่อให้แสงเป็นพัลส์ โดยจะมีศูนย์เล็ง (Optical sight) และมักใช้งานบนเรือรบหรือหอควบคุมจราจรทางอากาศ โดยใช้สัญญาณสีสำหรับการสื่อสารในการหยุด หรือหลบเลี่ยง ตามข้อกำหนดของ ICAO[11] ซึ่งการส่งสัญญาณที่บังคับด้วยมือ ผู้ให้สัญญาณจะเล็งแสงไปที่เรือของผู้รับ และหมุนคันโยก เปิดและปิดบานเกล็ดหน้าโคมไฟ เพื่อปล่อยแสงวับวาบเพื่อส่งข้อความเป็นรหัสมอร์สไปสู่เรือของผู้รับ ซึ่งเรือผู้รับจะสังเกตเห็นแสงกระพริบและใช้กล้องส่องทางไกลในการรับและแปลรหัสเป็นข้อความ
โคมไฟบังคับทิศบางดวงจะถูกติดตั้งอยู่บนเสากระโดงเรือ ในขณะที่บางรุ่นเป็นรูปแบบมือถือขนาดเล็ก บางรุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่ากำลังส่งสูงกว่าจะถูกติดตั้งอยู่บนฐานติดตั้งบนเรือ โดยโคมไฟบังคับทิศทางขนาดใหญ่จะใช้ไฟจากหลอดคาร์บอนอาร์คเป็นแหล่งกำเนิดแสง[12] โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 นิ้ว (510 มิลลิเมตร) ซึ่งโคมไฟบังคับทิศทางเหล่านี้มีกำลังส่งที่สามารถส่งสัญญาณไฟไปยังเส้นขอบฟ้าได้ แม้ในสภาวะมีแดดจ้าก็ตาม
โคมไฟบังคับทิศยังคงมีการใช้งานอยู่จนถึงปัจจุบันในเรือรบ โดยถือว่าเป็นการสื่อสารที่สะดวกและปลอดภัย มีประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงการห้ามใช้วิทยุ (Radio Silence) เช่น สำหรับขบวนเรือระหว่างการปฏิบัติการยุทธนาวีแห่งแอตแลนติก
กองทัพเรือในเครือจักรภพและกองกำลังเนโทใช้โคมไฟบังคับทิศทางเมื่อการสื่อสารทางวิทยุจำเป็นต้องระงับหรือเกิดการปลอมแปลงสัญญาณทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ เนื่องจากอุปกรณ์การมองกลางคืนมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในกองทัพปัจจุบัน การส่งสัญญาณในเวลากลางคืนมักจะทำด้วยการใช้แสงในช่วงอินฟราเรด (IR) ของสเป็กตรีมแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้มีโอกาสน้อยที่จะถูกตรวจพบด้วยตาเปล่า ซึ่งจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการสื่อสารแบบดิจิทัลดังกล่าวทำให้กองกำลังสมัยใหม่ในปัจจุบันได้ใช้รูปแบบดังกล่าว[13]
ปัจจุบันยังมีการใช้โคมไฟบังคับทิศสำหรับสัญญาณไฟทางการบินในหอควบคุมจราจรทางอากาศ โดยเป็นอุปกรณ์สำรองในกรณีที่วิทยุของเครื่องบินขัดข้องจนใช้การไม่ได้ สัญญาณอาจใช้เป็นสีเขียว แดง หรือขาว คงที่หรือกระพริบ โดยข้อความที่ส่งจะถูกจำกัดไว้เฉพาะชุดคำแนะนำพื้นฐานส่วนหนึ่ง เช่น "ลงจอด" "หยุด" เป็นต้น ไม่ได้มีไว้เพื่อการส่งข้อความด้วยรหัสมอร์ส ซึ่งเครื่องบินสามารถตอบรับว่ารับทราบสัญญาณได้ด้วยการโยกปีกหรือกระพริบไฟลงจอด[14]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.