จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
จังหวัดในภาคเหนือของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เชียงใหม่ (ไทยถิ่นเหนือ: ᨩ᩠ᨿᨦᩉᩲ᩠ᨾ᩵, เจียงใหม่หรือเวียงพิงค์) เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 22,436 ตารางกิโลเมตร มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศ จากการประกาศเปลี่ยนแปลงเขตตำบล ในปี 2563[2] และ 2567[3] มีประชากรราว 3.98 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ จังหวัดเชียงใหม่แบ่งการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ เมื่อ พ.ศ. 2552 มีการจัดตั้งอำเภอกัลยาณิวัฒนาเป็นอำเภอลำดับที่ 25 ของจังหวัด และลำดับที่ 878 ของประเทศ ซึ่งเป็นอำเภอล่าสุดของไทย จังหวัดเชียงใหม่มีเขตเทศบาลนครเชียงใหม่เป็นเขตเมืองศูนย์กลางของจังหวัด
จังหวัดเชียงใหม่ | |
---|---|
การถอดเสียงอักษรโรมัน | |
• อักษรโรมัน | Changwat Chiang Mai |
จากซ้ายไปขวา บนลงล่าง: | |
คำขวัญ: ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผชาติล้วนงามตา นามล้ำค่านครพิงค์ | |
![]() แผนที่ประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่เน้นสีแดง | |
ประเทศ | ไทย |
การปกครอง | |
• ผู้ว่าราชการ | นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร (ตั้งแต่ พ.ศ. 2565) |
พื้นที่ | |
• ทั้งหมด | 22,440 ตร.กม. (8,660 ตร.ไมล์) |
อันดับพื้นที่ | อันดับที่ 1 |
ประชากร (พ.ศ. 2567)[1] | |
• ทั้งหมด | 1,799,019 คน |
• อันดับ | อันดับที่ 4 |
• ความหนาแน่น | 178 คน/ตร.กม. (460 คน/ตร.ไมล์) |
• อันดับความหนาแน่น | อันดับที่ 10 |
รหัส ISO 3166 | TH-50 |
ชื่อไทยอื่น ๆ | นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ รัตนติงสาอภินวบุรีเชียงใหม่ นครพิงค์ เวียงพิงค์ |
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด | |
• ต้นไม้ | ทองกวาว |
• ดอกไม้ | ทองกวาว |
• สัตว์น้ำ | ปลากา |
ศาลากลางจังหวัด | |
• ที่ตั้ง | ภายในศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ ถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50300 |
• โทรศัพท์ | 0 5311 2713 |
เว็บไซต์ | http://www.chiangmai.go.th |
![]() |
จังหวัดเชียงใหม่ | |
![]() | |
ชื่อภาษาไทย | |
---|---|
อักษรไทย | เชียงใหม่ |
อักษรโรมัน | Chiang Mai |
ชื่อคำเมือง | |
อักษรธรรมล้านนา | ᨩ᩠ᨿᨦᩉᩲ᩠ᨾ᩵ |
อักษรไทย | เจียงใหม่ |
จังหวัดเชียงใหม่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาคือ นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ แต่โบราณ มี "คำเมือง" เป็นภาษาท้องถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งด้านประเพณีวัฒนธรรม และมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเริ่มวางตัวเป็นนครสร้างสรรค์ และได้รับการประกาศเป็นเมืองสร้างสรรค์ของโลกทางด้านหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน[4] เมื่อปี พ.ศ. 2560 ปัจจุบันกำลังพิจารณาให้คัดเลือกเป็นเมืองแหล่งมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก[5] เชียงใหม่ยังถือเป็นศูนย์กลางด้านดาราศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[6] โดยเป็นที่ตั้งของหอดูดาวแห่งชาติและอุทยานดาราศาสตร์แห่งชาติ
เวียงเชียงใหม่ มีชื่อปรากฏในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่"[7] (ไทยถิ่นเหนือ: )[8]) พญามังรายทรงสถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 12 เมษายน (ตามปฏิทินจูเลียน) หรือ 19 เมษายน (ตามปฏิทินกริกอเรียน) พ.ศ. 1839[9]
ในอดีตเชียงใหม่มีฐานะเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรนครรัฐอิสระ ชื่อว่าอาณาจักรล้านนา ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มังรายยาวนานประมาณ 261 ปี (ระหว่าง พ.ศ. 1839-2101) กระทั่งในปี พ.ศ. 2101 เชียงใหม่ได้เสียเมืองให้แก่พระเจ้าบุเรงนองแห่งกรุงหงสาวดี เชียงใหม่ภายใต้การปกครองของพม่านานกว่าสองร้อยปี ถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี จึงได้มีการทำสงครามเพื่อขับไล่พม่าออกจากเมืองเชียงใหม่และเชียงแสนได้สำเร็จ โดยการนำของเจ้ากาวิละและพระยาจ่าบ้าน (บุญมา) และเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองรัตตนติงสาอภินวปุรี[10] (ไทยถิ่นเหนือ: )[11])
หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระยากาวิละขึ้นเป็นพระบรมราชาธิบดี ปกครองนครเชียงใหม่และเป็นประมุขแห่งราชวงศ์ทิพย์จักร (ราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน) และต่อมาเจ้านายซึ่งเป็นเชื้อสายของพระเจ้ากาวิละ ก็ได้ปกครองเมืองเชียงใหม่และหัวเมืองต่าง ๆ สืบต่อมา
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองประเทศราช โดยมีการจัดตั้งการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า "มณฑลพายัพ" ต่อมาเชียงใหม่ได้มีการปรับปรุงการปกครองและยกฐานะขึ้นเป็น "จังหวัด" ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อดีตจนถึง จนถึงปัจจุบัน
จังหวัดเชียงใหม่ (ตัวอำเภอเมือง) ตั้งอยู่ ณ ลองติจูด 18 องศาเหนือ ละติจูด 98 องศาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 310 เมตร ส่วนกว้างจากทิศตะวันตกจรดทิศตะวันออกประมาณ 138 กิโลเมตร ส่วนยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้ประมาณ 428 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานคร 696 กิโลเมตร[12]
จังหวัดเชียงใหม่มีชายแดนติดต่อกับ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่อาย อำเภอฝาง อำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแหง อำเภอไชยปราการ รวมระยะทางทั้งสิ้น 227 กิโลเมตร แต่พื้นที่เขตแดนส่วนใหญ่เป็นป่าเขา จึงไม่สามารถปักหลักเขตแดนได้ชัดเจน และเกิดปัญหาเส้นเขตแดนระหว่างประเทศ
จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ 22,436 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 14,022,546 ไร่ มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปมีสภาพพื้นที่เป็นภูเขาและป่าละเมาะ มีที่ราบอยู่ตอนกลางตามสองฟากฝั่งแม่น้ำปิง มีภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยคือ ดอยอินทนนท์ สูงประมาณ 2,565 เมตร อยู่ในเขตอำเภอจอมทอง นอกจากนี้ยังมีดอยอื่นที่มีความสูงรองลงมาอีกหลายแห่ง เช่น ดอยผ้าห่มปก (อำเภอฝาง) สูง 2,285 เมตร ดอยหลวงเชียงดาว (อำเภอเชียงดาว) สูง 2,170 เมตร ดอยสุเทพ (อำเภอเมืองเชียงใหม่) สูง 1,601 เมตร สภาพพื้นที่แบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ
จังหวัดเชียงใหม่มีป่าไม้หลายประเภท ประกอบด้วย ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าเต็งรังผสมป่าสนเขา และป่าแดง เป็นต้น พื้นที่ป่าไม้ ประกอบด้วย ป่าธรรมชาติ สวนป่า และป่าฟื้นฟูตามธรรมชาติ[12] โดยมีพื้นที่ป่าไม้อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 9,661,526 ไร่ คิดเป็น 69.8% ของพื้นที่ทั้งจังหวัด และคิดเป็น 9.4% ของพื้นที่ป่าไม้ทั้งหมดในประเทศไทย (2561)[13] แบ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 25 แห่ง อุทยานแห่งชาติ 13 แห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 4 แห่ง วนอุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า 1 แห่ง และจังหวัดเชียงใหม่ยังเป็นจังหวัดที่ถือได้ว่ามีพื้นที่เขตเมืองใกล้กับเขตอุทยานแห่งชาติมากที่สุดในประเทศอีกด้วย อุทยานแห่งชาติในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่
นอกจากนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังมีปัญหาเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้เกิดขึ้นเป็นประจำ สาเหตุสำคัญเช่น การลักลอบตัดไม้ การบุกรุกเพื่อทำการเกษร และไฟป่า
จังหวัดเชียงใหม่มีแม่น้ำสำคัญ คือ แม่น้ำปิง และมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา อำเภอดอยสะเก็ด และเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อำเภอแม่แตง และยังแบ่งตามพื้นที่ลุ่มน้ำดังนี้
จังหวัดเชียงใหม่ประกอบด้วยหินตะกอนและหินแปร อายุแก่สุดคือหินยุคพรีแคมเบรียน ไปจนถึงอายุอ่อนคือชั้นตะกอนร่วนในยุคควอเทอร์นารี หินอัคนีประกอบด้วยหินอัคนีแทรกดันในยุคคาร์บอนิเฟอรัส และยุคไทรแอสซิก ส่วนหินอัคนีพุเป็นหินภูเขาไฟยุคดีโวเนียน-คาร์บอนิเฟอรัส และหินภูเขาไฟ ยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสซิก
จังหวัดเชียงใหม่มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรณี โดยมีการผลิตแร่ที่สำคัญ 8 ชนิด ได้แก่ ถ่านหิน เฟลด์สปาร์ (แร่ฟันม้า) แมงกานีส ชีไลต์ ดีบุก ดินขาว ฟลูออไรด์ และแร่หินอุตสาหกรรม และจังหวัดเชียงใหม่ยังมีแหล่งทรัพยากรธรณีที่สำคัญ เช่น แหล่งปิโตรเลียม อำเภอฝาง สภาพทางธรณีวิทยาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ บ่อน้ำพุร้อน อำเภอสันกำแพงและอำเภอฝาง โป่งเดือด อำเภอแม่แตง บ่อน้ำแร่ธรรมชาติ อำเภอแม่ริม เป็นต้น
จังหวัดเชียงใหม่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งมีรอยเลื่อนมีพลัง 2 แห่งที่พาดผ่านจังหวัด ได้แก่ "รอยเลื่อนแม่จัน" ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัด พาดผ่านอำเภอฝางและอำเภอแม่อายในทิศตะวันออก-ตะวันตก และ "รอยเลื่อนแม่ทา" พาดผ่านพื้นที่ตอนกลางของจังหวัดในทิศเหนือ-ใต้ ผ่านอำเภอพร้าว ดอยสะเก็ด แม่ออน เชียงดาว แม่แตง แม่ริม สันทราย เมืองเชียงใหม่ สารภี หางดง สันป่าตอง และแม่วาง นอกจากนี้พื้นที่ส่วนอื่นของจังหวัดก็มีโอกาสที่จะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในบริเวณอื่นเช่นกัน โดยแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางในเขตจังหวัดเชียงใหม่ครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2549 ขนาด 5.1 มีจุดเหนือศูนย์กลางในอำเภอแม่ริม ทำให้เกิดความเสียหายเล็กน้อยในบริเวณอำเภอแม่ริมและอำเภอใกล้เคียง
จังหวัดเชียงใหม่มีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปี 25.4 องศาเซลเซียส โดยมีค่าอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 31.8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 20.1 องศาเซลเซียส มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,100-1,200 มิลลิเมตร สภาพภูมิอากาศจังหวัดเชียงใหม่อยู่ภายใต้อิทธิพลมรสุม 2 ชนิด คือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ แบ่งภูมิอากาศออกได้เป็น 3 ฤดู[12]
ข้อมูลภูมิอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2524–2553) | |||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เดือน | ม.ค. | ก.พ. | มี.ค. | เม.ย. | พ.ค. | มิ.ย. | ก.ค. | ส.ค. | ก.ย. | ต.ค. | พ.ย. | ธ.ค. | ทั้งปี |
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย °C (°F) | 29.8 (85.6) |
32.6 (90.7) |
35.2 (95.4) |
36.5 (97.7) |
34.2 (93.6) |
32.7 (90.9) |
31.8 (89.2) |
31.5 (88.7) |
31.7 (89.1) |
31.4 (88.5) |
30.1 (86.2) |
28.6 (83.5) |
32.18 (89.92) |
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย °C (°F) | 13.9 (57) |
16.2 (61.2) |
19.5 (67.1) |
22.9 (73.2) |
23.8 (74.8) |
24.0 (75.2) |
23.9 (75) |
23.7 (74.7) |
23.2 (73.8) |
22.2 (72) |
19.2 (66.6) |
15.7 (60.3) |
20.68 (69.23) |
ปริมาณฝน มม (นิ้ว) | 4.2 (0.165) |
8.9 (0.35) |
17.8 (0.701) |
57.3 (2.256) |
162.0 (6.378) |
124.5 (4.902) |
140.2 (5.52) |
216.9 (8.539) |
211.4 (8.323) |
117.6 (4.63) |
53.9 (2.122) |
15.9 (0.626) |
1,130.6 (44.512) |
ความชื้นร้อยละ | 68 | 58 | 52 | 57 | 71 | 77 | 79 | 81 | 81 | 79 | 75 | 73 | 70.9 |
วันที่มีฝนตกโดยเฉลี่ย (≥ 1 mm) | 1 | 2 | 2 | 6 | 14 | 14 | 16 | 18 | 20 | 14 | 5 | 1 | 113 |
จำนวนชั่วโมงที่มีแดด | 272.8 | 251.4 | 269.7 | 258.0 | 217.0 | 177.0 | 170.5 | 161.2 | 156.0 | 198.4 | 234.0 | 263.5 | 2,629.5 |
แหล่งที่มา 1: กรมอุตุนิยมวิทยา (ทั่วไป 2524-2553), (ปม.ฝนเฉลี่ย 2524-2533) | |||||||||||||
แหล่งที่มา 2: หอสังเกตการณ์ฮ่องกง (ชม.แดดออก) |
แผ่นดินไหวในอดีตที่มีศูนย์กลางในจังหวัดเชียงใหม่ (ขนาดมากกว่า 4.0 Mw) | |||||
วันที่ | เวลาท้องถิ่น | ขนาด (Mw) | จุดเหนือศูนย์กลาง | พิกัด | |
---|---|---|---|---|---|
26 พฤษภาคม 2521 | 06:22 | 4.8 | อ.พร้าว | 19°12′00″N 99°36′00″E | |
10 กุมภาพันธ์ 2523 | 09:17 | 4.2 | อ.พร้าว | 19°21′00″N 99°13′48″E | |
20 มิถุนายน 2525 | 20:20 | 4.3 | อ.ดอยสะเก็ด | 18°55′12″N 99°10′48″E | |
19 กุมภาพันธ์ 2531 | 01:38 | 4.2 | อ.ดอยสะเก็ด | 18°52′12″N 99°10′12″E | |
5 พฤศจิกายน 2538 | 06:57 | 4.0 | อ.ฝาง | 19°42′00″N 98°36′00″E | |
21 ธันวาคม 2538 | 23:30 | 5.2 | อ.พร้าว | 19°42′00″N 99°00′00″E | |
13 กรกฎาคม 2541 | 09:20 | 4.1 | อ.ฝาง | 19°42′00″N 99°06′00″E | |
18 ธันวาคม 2545 | 20:47 | 4.3 | อ.เชียงดาว | 19°24′00″N 99°06′00″E | |
4 ธันวาคม 2548 | 16:34 | 4.1 | อ.แม่วาง | 18°42′00″N 98°30′00″E | |
13 ธันวาคม 2549 | 00:02 | 5.1 | อ.แม่ริม | 18°55′48″N 98°58′12″E | |
19 มิถุนายน 2550 | 12:06 | 4.5 | อ.แม่ริม | 18°54′00″N 99°00′00″E | |
25 กุมภาพันธ์ 2551[14] | 17:25 | 4.4 | อ.ฝาง | 19°51′36″N 99°07′12″E | |
11 ตุลาคม 2556[15] | 01:19 | 4.1 | ต.ทุ่งหลวง อ.พร้าว | 19°19′12″N 99°14′24″E | |
11 มกราคม 2560[16] | 04:08 | 4.0 | อ.แม่วาง | 18°37′12″N |