คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ทอนซิลอักเสบ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ทอนซิลอักเสบ
Remove ads

ทอนซิลอักเสบ (อังกฤษ: tonsillitis) เป็นการอักเสบของต่อมทอนซิลที่มักพบได้ทั่วไปและบ่อยครั้ง ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บคอและเป็นไข้ร่วมด้วย มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่งแบคทีเรียที่พบในอาการนี้ ส่วนมากเป็นแบคทีเรียชนิด Streptococcus pyogenes ทั้งนี้หากปราศจากการรักษา ในผู้ป่วย 40% อาการจะบรรเทาลงเองภายในสามวัน และในผู้ป่วย 85% อาการจะบรรเทาลงเองภายในหนึ่งสัปดาห์[1]

ข้อมูลเบื้องต้น ทอนซิลอักเสบ, บัญชีจำแนกและลิงก์ไปภายนอก ...
Remove ads

อาการ

Thumb
ต่อมทอนซิลที่กำลังอักเสบ

สัญญาณและอาการที่พบโดยทั่วไปในผู้ป่วย มักประกอบด้วย:[2][3][4][5]

  • เจ็บคอ
  • ต่อมทอนซิลบวมและแดง
  • อาการเจ็บขณะกลืน
  • อุณหภูมิร่างกายสูง (มีไข้)
  • อาการไอ
  • ปวดหัว
  • อ่อนเพลีย
  • รู้สึกหนาว
  • มีจุดขาวบริเวณต่อมทอนซิล
  • ต่อมน้ำเหลืองในลำคอเกิดการบวม
  • เจ็บในหูหรือลำคอ
  • น้ำหนักตัวลด

สัณญาณและอาการที่พบได้ในผู้ป่วยส่วนน้อย ประกอบด้วย:

  • มีกลิ่นปากรุนแรง
  • เสียงเปลี่ยน
  • อ้าปากได้ลำบาก
  • ไม่อยากอาหาร
  • กระวนกระวายใจ
Remove ads

การรักษา

การรักษาทอนซิลอักเสบโดยทั่วไปจะใช้ยาต้านการอักเสบ เช่น ไอบิวพรอเฟน (ibuprofen) เพราะส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส และคนไข้ส่วนใหญ่ก็จะหายได้หรืออาการดีขึ้นจากการให้ยา หรือหากมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย จะมีการรักษาโดยการใช้ยาปฏิชีวนะ สำหรับยาปฏิชีวนะก็มีหลายชนิด ซึ่งควรรับประทานตามที่แพทย์สั่งและรับประทานให้นานพอ เช่น 7–10 วัน นอกจากการรักษาแบบให้ยาปฏิชีวนะแล้วต้องให้การรักษาแบบประคับประคองรวมด้วย เช่น การให้ยาลดไข้, การให้ดื่มน้ำมากๆ หรืออาจต้องให้น้ำเกลือถ้าผู้ป่วยทานอาหารไม่ค่อยได้ และให้ทานอาหารอ่อน

ในกรณีที่ต่อมทอนซิลมีการอักเสบบ่อยครั้ง ผู้ป่วยมักได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้ตัดทอนซิลออก ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม มีรายงานการศึกษาวิจัยพบว่าหลังจากตัดต่อมทอนซิลแล้ว ภูมิคุ้มกันจะลดลงชั่วคราว ทั้งนี้ที่บริเวณคอยังมีต่อมน้ำเหลืองอีกหลายร้อยต่อม ซึ่งจะช่วยกันทำงานหลังจากตัดต่อมทอนซิลไปแล้ว

Remove ads

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads