สาธารณรัฐประชาชนจีน (จีนตัวย่อ: 中华人民共和国; จีนตัวเต็ม: 中華人民共和國; พินอิน: Zhōnghuá Rénmín Gònghéguó; อังกฤษ: People's Republic of China (PRC)) เป็นรัฐเอกราชในเอเชียตะวันออก เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก กว่า 1,400 ล้านคนโดยเป็นรองเพียงอินเดีย ซึ่งประชากรจีนคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 17.4% ของประชากรโลก จีนมีพื้นที่กว่า 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร (3,700,000 ตารางไมล์) นับเป็นประเทศที่มีพื้นที่ทั้งหมดใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอันดับ 3 หรือ 4 แล้วแต่วิธีการวัด มีเมืองหลวงคือปักกิ่ง ในขณะที่เมืองที่มีประชากรมากที่สุดและเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจคือเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนแบ่งการปกครองออกเป็น 22 มณฑล (ไม่รวมพื้นที่พิพาทไต้หวัน), 5 เขตปกครองตนเอง, 4 นครปกครองโดยตรง (ปักกิ่ง เทียนจิน เซี่ยงไฮ้ และฉงชิ่ง), และ 2 เขตบริหารพิเศษ ได้แก่ฮ่องกงและมาเก๊า จีนยังมีพรมแดนทางบกติดกับประเทศอื่น ๆ มากถึง 14 ประเทศ ถือเป็นหนึ่งในสองประเทศที่มีพรมแดนติดประเทศอื่นมากที่สุดเท่ากับรัสเซีย
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
สาธารณรัฐประชาชนจีน | |
---|---|
![]() พื้นที่ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนควบคุมแสดงในสีเขียวเข้ม บริเวณที่อ้างสิทธิ์แต่มิได้ควบคุมแสดงในสีเขียวอ่อน | |
เมืองหลวง | ปักกิ่ง 39°55′N 116°23′E |
ภาษาราชการ | ภาษาจีนมาตรฐาน[a] |
ภาษาพื้นเมือง | |
Official script | อักษรจีนตัวย่อ[b] |
กลุ่มชาติพันธุ์ (ค.ศ. 2020)[1] |
|
ศาสนา (ค.ศ. 2020)[2] | |
เดมะนิม | ชาวจีน |
การปกครอง | สาธารณรัฐสังคมนิยมลัทธิมากซ์–เลนิน[3] พรรคการเมืองเดียวสังคมนิยมอัตลักษณ์จีน |
สี จิ้นผิง | |
• ประธานคณะมนตรีรัฐกิจ (นายกรัฐมนตรี) | หลี่ เฉียง |
จ้าว เล่อจี้ | |
หวัง ฮู่หนิง | |
สภานิติบัญญัติ | สภาประชาชนแห่งชาติ |
การก่อตั้ง | |
ป. 2070 ปีก่อนคริสต์ศักราช | |
221 ปีก่อนคริสต์ศักราช | |
1 มกราคม ค.ศ. 1912 | |
• ประกาศสาธารณรัฐประชาชน | 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 |
• รัฐธรรมนูญฉบับแรก | 20 กันยายน ค.ศ. 1954 |
• รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน | 4 ธันวาคม ค.ศ. 1982 |
20 ธันวาคม ค.ศ. 1999 | |
พื้นที่ | |
• รวม | 9,596,961 ตารางกิโลเมตร (3,705,407 ตารางไมล์)[f][6] (อันดับที่ 3/4) |
2.8[g] | |
ประชากร | |
• สำมะโนประชากร 2021 | 1,412,600,000[8] (อันดับที่ 1) |
145[9] ต่อตารางกิโลเมตร (375.5 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 83) | |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) | ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
• รวม | 29.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 1) |
• ต่อหัว | 20,667 ดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 70) |
จีดีพี (ราคาตลาด) | ค.ศ. 2022 (ประมาณ) |
• รวม | 18.46 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 2) |
• ต่อหัว | 12,990 ดอลลาร์สหรัฐ[10] (อันดับที่ 56) |
จีนี (ค.ศ. 2018) | 46.7[11] สูง |
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019) | 0.761[12] สูง · อันดับที่ 85 |
สกุลเงิน | เหรินหมินปี้ (元/¥)[h] (CNY) |
เขตเวลา | UTC+8 (เวลามาตรฐานจีน) |
รูปแบบวันที่ | |
ขับรถด้าน | ขวามือ (แผ่นดินใหญ่) ซ้ายมือ (ฮ่องกงและมาเก๊า) |
รหัสโทรศัพท์ | +86 (แผ่นดินใหญ่) +852 (ฮ่องกง) +853 (มาเก๊า) |
รหัส ISO 3166 | CN |
โดเมนบนสุด |
|
ประเทศจีนถือเป็นหนึ่งในต้นกำเนิดของอารยธรรมโลก ดินแดนทั้งหมดเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคหินเก่า ราชวงศ์แรก ๆ ในประวัติศาสตร์ อาทิ ราชวงศ์ชาง และ ราชวงศ์โจว เจริญรุ่งเรืองในลุ่มแม่น้ำเหลืองอันอุดมสมบูรณ์ตั้งแต่ปลายสหัสวรรษที่สองก่อนคริสตศักราช[13] ในช่วงศตวรรษที่สามถึงศตวรรษที่แปดก่อนคริสตศักราช ราชวงศ์โจวต้องเผชิญความขัดแย้งที่สำคัญ ในช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นต้นกำเนิดของปรัชญาและวรรณกรรมคลาสสิก จีนยึดระบบการเมืองแบบราชาธิปไตยหลายสหัสวรรษ ก่อนจะรวมกันเป็นปึกแผ่นครั้งแรกภายใต้จักรพรรดิในสมัยราชวงศ์ฉินเมื่อ 221 ปีก่อนคริสตกาล และอยู่ภายใต้การปกครองโดยอีกหลายราชวงศ์ อาทิ ราชวงศ์ฮั่น, ราชวงศ์ถัง, ราชวงศ์หมิง และ ราชวงศ์ชิง ในยุคนี้ยังเป็นจุดกำเนิดของเหตุการณ์สำคัญ อาทิ การประดิษฐ์ดินปืนและกระดาษ, การถือกำเนิดของเส้นทางสายไหม และการสร้างกำแพงเมืองจีน วัฒนธรรมจีนรวมถึงภาษา, ประเพณี, สถาปัตยกรรม, ปรัชญา มีอิทธิพลสูงต่อเขตวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกในช่วงเวลานี้ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จีนต้องเผชิญความขัดแย้งภายใน รวมถึงภัยคุกคามยุคล่าอาณานิคมจากโลกตะวันตกนำไปสู่สงครามสำคัญหลายครั้ง รวมถึงการลงนามในสนธิสัญญาไม่เสมอภาคและการเสียดินแดนบางส่วน
การปกครองโดยราชวงศ์สิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1912 จากการปฏิวัติซินไฮ่และการสละราชสมบัติของจักรพรรดิผู่อี๋ พร้อมกับการสถาปนาสาธารณรัฐจีนโดยพรรคก๊กมินตั๋งใน ค.ศ. 1912 ช่วงแรกของการปกครองโดยรัฐบาลเป่ย์หยางเป็นยุคสมัยแห่งความแตกแยกในสมัยขุนศึก ซึ่งจบลงด้วยการการกรีธาทัพขึ้นเหนือ สงครามกลางเมืองซึ่งนำโดยค่ายการเมืองสองค่ายหลัก คือก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์อุบัติขึ้นใน ค.ศ. 1927 ตามมาด้วยสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สองซึ่งยืดเยื้อไปถึง ค.ศ. 1945 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ต่อมา สงครามกลางเมืองยุติลงชั่วคราว และจีนต้องพบกับเหตุการณ์รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งโดยกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นจากการสังหารหมู่ที่หนานจิง ความเป็นปฏิปักษ์สิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1949 เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ชนะสงครามกลางเมือง และสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนสาธารณรัฐจีนซึ่งอยู่ภายใต้การนำของก๊กมินตั๋งได้ย้ายเมืองหลวงไปยังไทเปบนเกาะไต้หวัน สาธารณรัฐประชาชนจีนได้มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งทางการเมืองกับสาธารณรัฐจีนเหนือปัญหาอธิปไตย และสถานะทางการเมืองของไต้หวัน การปกครองในช่วงแรกในระบอบคอมมิวนิสต์เป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวกระโดดไกลไปข้างหน้า ทว่ากลับส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอย และเป็นยุคแห่งความอดอยากมากที่สุดครั้งหนึ่ง ความแตกแยกระหว่างจีน–โซเวียตและการลงนามในแถลงการณ์เซี่ยงไฮ้ทำให้ความสัมพันธ์กับสหรัฐดีขึ้น ในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1950–1970 ลัทธิเหมามีอิทธิพลต่อประชาชนซึ่งตามมาด้วยการปฏิวัติทางวัฒนธรรมโดยเหมา เจ๋อตง การปฏิรูปเศรษฐกิจนับเป็นจุดเริ่มต้นของเศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยม และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญมาถึงปัจจุบัน ทว่าการเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยต้องหยุดชะงักสืบเนื่องจากการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินซึ่งลงเอยด้วยการสังหารหมู่
จีนเป็นรัฐเดี่ยวปกครองด้วยระบบพรรคการเมืองเดียวโดยพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นหนึ่งในห้าสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเป็นสมาชิกร่วมก่อตั้งขององค์กรสำคัญหลายแห่งในภูมิภาค อาทิ ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย, กองทุนเส้นทางสายไหม และ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค รวมทั้งเป็นสมาชิกของบริกส์, กลุ่ม 20, ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก และ การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก จีนได้รับการจัดอันดับต่ำในแง่ประชาธิปไตย, การทุจริต, สิทธิมนุษยชน, เสรีภาพสื่อ และความแตกต่างทางชาติพันธุ์ นับตั้งแต่การปฏิรูปเศรษฐกิจ จีนกลายเป็นหนึ่งในชาติที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดในโลก[14] โดยในปัจจุบันมีขนาดเศรษฐกิจคิดเป็น 1 ใน 5 ของเศรษฐกิจโลก และมีความมั่งคั่งมากเป็นอันดับสองของโลก มีรายได้มหาศาลจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และการลงทุนจากต่างประเทศ[15] จีนเป็นผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และผู้นำเข้ารายใหญ่อันดับสองของโลก มีเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกทั้งในด้านผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ และภาวะเสมอภาคของอำนาจซื้อ[16] จีนเป็นรัฐอาวุธนิวเคลียร์และมีกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีค่าใช้จ่ายด้านกลาโหมมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก จีนถือเป็นประเทศอำนาจนำภูมิภาคและเป็นมหาอำนาจของโลก จีนมีแหล่งแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโกมากถึง 59 แห่งซึ่งมากเป็นอันดับสองของโลก จีนยังเป็นประเทศวัฒนธรรมที่โดดเด่น และขึ้นชื่อในด้านอาหารซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
ชื่อประเทศ "China" ในภาษาอังกฤษถูกใช้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 อย่างไรก็ตาม ชื่อนี้ยังไม่ได้ถูกใช้โดยชาวจีนในช่วงเวลานั้น คำว่า China อาจมีต้นกำเนิดมาจากภาษาโปรตุเกส, ภาษามลายู, ภาษาเปอร์เซีย และมีความเกี่ยวพันกับภาษาสันสกฤต (Cīna) ซึ่งถูกใช้ตั้งแต่สมัยอินเดียยุคโบราณ คำว่า China ปรากฏครั้งแรกในงานแปลของริชาร์ด เอเดน ค.ศ. 1555 ซึ่งพบหลักฐานในบันทึกของดูอาร์เต บาร์บูซา นักสำรวจชาวโปรตุเกส โดยบาร์บูซานำคำดังกล่าวมาจากจากภาษาเปอร์เซีย "Chīn (چین)" ซึ่งแผลงมาจากภาษาสันสกฤต Cīna (चीन) ชื่อนี้ปรากฏครั้งแรกในคัมภีร์ศาสนาฮินดู รวมถึงมหาภารตะ (ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตศักราช) และมนุสฺฤติ หรือที่รู้จักกันในชื่อ มานาวะ-ธรรมชาสตรา หรือกฎแห่งมนุ (ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตศักราช)
ใน ค.ศ. 1655 มาร์ติโน มาร์ตินี มิชชันนารีเสนอข้อสันนิษฐานว่าชื่อ "China" อาจมาจากชื่อของราชวงศ์ฉิน "Chin" (221–206 ปีก่อนคริสตศักราช)[17] แม้หลักฐานของประเทศอินเดียจะบ่งชี้ว่าชื่อนี้มีการใช้งานมาก่อนหน้านั้น โดยที่มาในภาษาสันสกฤตนั้นยังเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ ข้อสันนิษฐานอื่น ๆ เกี่ยวกับต้นกำเนิดของชื่อนี้ได้แก่ ชื่อของ Yelang (แคว้นโบราณทางภาคใต้ของจีน) หรืออาจมาจากชื่อของรัฐฉู่
ชื่อทางการของประเทศจีนในฐานะรัฐสมัยใหม่คือ "People's Republic of China" หรือ สาธารณรัฐประชาชนจีน (อักษรจีนตัวย่อ: 中华人民共和国; อักษรจีนตัวเต็ม: 中華人民共和國; พินอิน: Zhōnghuá rénmín gònghéguó) โดยเรียกอย่างย่อว่า "China" (Zhōngguó) ซึ่งมีที่มาจากคำว่า zhōng (ศูนย์กลาง) และ guó (รัฐ) ในสมัยราชวงศ์โจวตะวันตกเพื่อสื่อถึงกรรมสิทธิ์ในการครอบครองดินแดนทั้งหมดในอาณาจักร และเริ่มมีการใช้ในเอกสารราชการในฐานะคำไวพจน์ของคำว่า "รัฐ" ในสมัยราชวงศ์ชิง[18] นอกจากนี้ ชื่อ "Zhongguo" ยังมีความหมายว่า "อาณาจักรกลาง" ในภาษาอังกฤษ[19]
ในบางบริบท ชื่อประเทศ "China" อาจใช้สื่อถึงจีนแผ่นดินใหญ่ หรือมีความเฉพาะเจาะจงเมื่อกล่าวถึง "แผ่นดินใหญ่" โดยไม่รวมประเทศไต้หวัน และเขตบริหารพิเศษ ( SAR ) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน[20][21][22]
ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออก บนฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ดินประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร เป็นประเทศที่มีพื้นที่บนบกมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และถูกพิจารณาว่ามีพื้นที่ทั้งหมดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 หรือ 4 ของโลก[23] ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อมูลขนาดนี้เกี่ยวข้องกับ (ก) ความถูกต้องของการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนของจีน อย่างเช่น อัคสัยจินและดินแดนทรานส์คอราคอรัม (ซึ่งอินเดียอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนทั้งสองด้วยเช่นกัน)[7] และ (ข) วิธีการคำนวณขนาดทั้งหมดโดยสหรัฐอเมริกา ซึ่งหนังสือความจริงของโลกระบุไว้ที่ 9,826,630 กม.2[24] และสารานุกรมบริตานิการะบุไว้ที่ 9,522,055 กม.2