คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย (9 พฤษภาคม พ.ศ. 2381 — 22 มิถุนายน พ.ศ. 2457) มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าแฉ่ เป็นพระธิดาในสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ ประสูติแต่หม่อมกิ่ม ต่อมาได้รับพระราชทานพระนามใหม่ว่า พรรณราย และเข้ารับราชการฝ่ายในเป็นพระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา หม่อมเจ้าพรรณราย ขึ้นเป็น พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ด้วยเป็นพระราชมาตุจฉาที่ทรงสนิทสนมมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณรายสิ้นพระชนม์ ณ ตำหนักที่ประทับในวังท่าพระ ซึ่งเป็นวังของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ พระโอรส ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2457 สิริพระชันษา 76 ปี 44 วัน
Remove ads
พระประวัติ
สรุป
มุมมอง
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ประสูติเมื่อวันพุธ แรม 1 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ตรงกับวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2381 เป็นพระธิดาองค์ที่หกในสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ ต้นราชสกุลศิริวงศ์ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาทรัพย์ ในรัชกาลที่ 3) ประสูติแต่หม่อมกิ่ม (สกุลเดิม แซ่จิ๋ว) มีพระภาดาพระภคินีร่วมพระบิดาแปดองค์[1][2][3] หนึ่งในนั้นคือสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังนั้นพระองค์จึงเป็นพระมาตุจฉาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่พระชนนีคือหม่อมกิ่ม เป็นธิดาของจีนก๊วง แซ่จิ๋ว กับแตง แซ่ลี้ ทั้งสองมีเชื้อสายจีน น้องสาวคนหนึ่งของหม่อมกิ่มชื่อเอี่ยม สมรสกับจีนอู่ แซ่เล้า อาของเจ้าจอมมารดาอ่วม ในรัชกาลที่ 5[4]
เมื่อชันษาได้เพียงขวบปี พระบิดาก็สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระอัยกา จึงรับไปอำรุงเลี้ยงในพระบรมมหาราชวัง พร้อมพระราชทานพระนามใหม่ว่า พรรณราย[5] ขณะที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ไม่แน่พระทัยว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นผู้พระราชทานนาม[6] และให้สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตน์ราชประยูร ซึ่งเป็นปิตุจฉาของหม่อมเจ้าพรรณรายรับไปเลี้ยงจนทรงพระเจริญตามลำดับ[5] ฝ่ายพระประยูรญาติรวมทั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มักเรียกหม่อมเจ้าพรรณรายว่า หญิงแฉ่ หรือ แฉ่พรรณราย[7] แม้กระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเองก็ทรงเรียกว่า น้าแฉ่[8] สาเหตุที่ได้รับพระนามลำลองว่า "แฉ่" นั้น เป็นเพราะทรงพระกันแสงหนักเมื่อแรกเข้ามาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง[5]
Remove ads
เข้ารับราชการฝ่ายใน
สรุป
มุมมอง
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ชุบเลี้ยงหม่อมเจ้าพรรณรายเข้ารับราชการฝ่ายใน[5] และหลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้ารำเพยภมราภิรมย์ พระเชษฐภคินีของหม่อมเจ้าพรรณรายเสด็จสวรรคตแล้ว หม่อมเจ้าพรรณรายจึงเป็นพระมเหสีเพียงองค์เดียวตลอดรัชกาล และทรงปกครองฝ่ายในสืบมา สังเกตได้จากการเสด็จออกรับแขกเมืองในฐานะ "เจ้าฝ่ายใน" หรือ "ควีน" ออกปรากฏพระองค์แทนพระเชษฐภคินีผู้ล่วงลับ[7] อย่างไรก็ตามไม่มีการเฉลิมพระอิสริยยศให้สูงขึ้นแต่อย่างใด และมีประสูติการพระราชบุตรในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสองพระองค์ คือ
- พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ากรรณิกาแก้ว (พ.ศ. 2398-2425) ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศสูงสุดที่ เจ้าฟ้ากรมขุนขัตติยกัลยา[9]
- พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ (พ.ศ. 2406-2490) ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศสูงสุดที่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์[10] เป็นต้นราชสกุลจิตรพงศ์
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้สถาปนาหม่อมเจ้าพรรณรายขึ้นเป็นพระองค์เจ้าฝ่ายใน มีพระนามว่า พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ทรงศักดินา 3,000[11]และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องยศในเวลาพระราชทานพระสุพรรณบัฏ อันประกอบด้วย หีบหมากเสวยไม้แดงหุ้มทองคำลงยาตราปราสาท 1 หีบ หีบหมากทองคำใหญ่ลายจำหลักเครื่องพร้อม 1 หีบ กระโถนทองคำ 1 กระโถน กาน้ำเสวยทองคำทรงมัณฑ์ทองคำ 1 กา
Remove ads
สิ้นพระชนม์

พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ประทับในพระบรมมหาราชวังมาโดยตลอด ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ ได้รับพระราชทานวังท่าพระแล้ว พระองค์จึงได้ออกจากพระราชวังมาประทับร่วมวังพระโอรสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2428[12]
พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ประชวรพระโรคบิด และสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2457 เวลา 20:30 น. สิริพระชันษา 76 ปี 44 วัน วันต่อมา เวลาบ่าย 5 โมงเศษ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จแทนพระองค์ในการพระราชทานน้ำสรงพระศพ เมื่อสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ สรงพระศพตามลำดับ เจ้าพนักงานประจุกรรมเสร็จแล้วเชิญพระศพลงพระลอง ตั้งบนแว่นฟ้า 2 ชั้น ประกอบพระโกศไม้สิบสอง ตั้งเครื่องราชอิสริยยศและเครื่องสูง สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชทรงทอดผ้าไตร 20 ผ้าขาว 40 พับ พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม มีกำหนด 1 เดือน[13]
พระเกียรติยศ
พระอิสริยยศ
- 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2381 — 29 เมษายน พ.ศ. 2382 : หม่อมเจ้าแฉ่
- 29 เมษายน พ.ศ. 2382 — 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 : หม่อมเจ้าพรรณราย
- 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2443 — 22 มิถุนายน พ.ศ. 2457 : พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2444 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายใน)[14]
- พ.ศ. 2443 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายใน)
- พ.ศ. 2436 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้า (ท.จ.) (ฝ่ายใน)
- พ.ศ. 2447 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ชั้นที่ 2 (ม.ป.ร.2)[15]
- พ.ศ. 2451 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 3 (จ.ป.ร.3)[16]
Remove ads
พงศาวลี
Remove ads
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads