คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร)
ขุนนางชาวไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ศาสตราจารย์ เสวกโท พระเจนดุริยางค์ (ปีติ วาทยะกร) ท.ช. ท.ม. ต.จ.ว. ว.ป.ร. ๔ ป.ป.ร. ๕ ภ.ป.ร. ๔ (ชื่อเดิม ปิเตอร์ ไฟท์ (Peter Feit); 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2426 – 25 ธันวาคม พ.ศ. 2511) หรือ ปิเตอร์ ไฟท์ วาทยะกร[1] เป็นขุนนางชาวไทย
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
พระเจนดุริยางค์เป็นบุคคลสำคัญในวงการดนตรีของประเทศไทย ผู้ริเริ่มการบันทึกเพลงไทยเดิมด้วยโน้ตสากลโดยเทียบเสียงให้ตรงกับเครื่องดนตรีไทยทุกชิ้น เรียกว่า เพลงไทยประสานเสียง (Thai Music Harmony) ของ กรมศิลปากร
เป็นอาจารย์วิชาดนตรีผู้ทุ่มเทสนับสนุนศิษย์เอก ครูเอื้อ สุนทรสนาน และครูชลหมู่ ชลานุเคราะห์ (นักเชลโล่ ,ผู้เรียบเรียงและอำนวยเพลงวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร) ครูประสาน สุทัศน์ ณ อยุธยา (นัก Cello, Double Bass และผู้เรียบเรียงเสียงประสานแห่งวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร) รวมทั้งเป็นผู้วางรากฐานวงดุริยางค์ทหารอากาศ และวงดุริยางค์ตำรวจ
ได้รับยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นบูรพศิลปิน สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี พ.ศ. 2558
Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
วัยต้น
เกิดที่ตำบลบ้านทะวาย อำเภอบ้านทะวาย จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของร้อยตรีจาคอบ ไฟท์ (Jacob Feit หรือ Veit; 4 พฤษภาคม 2387 – 1 พฤศจิกายน 2452) ชาวอเมริกันเชื้อสายเยอรมัน ซึ่งเป็นครูแตรประจำกองพลที่ 1 รักษาพระองค์[2][3] กับนางทองอยู่ ชาวไทยเชื้อสายมอญ[4] มีภรรยาสามคนคือ นางเบอร์ธา, นางบัวคำ และนางลิ้ม มีบุตรธิดารวมทั้งสิ้น 10 คน
เริ่มเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก เมื่อ พ.ศ. 2433 จบการศึกษาหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษเมื่อ พ.ศ. 2433
เริ่มเรียนดนตรีกับบิดาเมื่ออายุ 10 ขวบ ต่อจากนั้นได้ศึกษาดนตรีด้วยตนเองมาโดยตลอดจนมีความรู้และความชำนาญอย่างแตกฉาน และได้เดินทางไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยดนตรีเฟรเดริก ชอแป็ง ที่กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์
วัยหนุ่ม
สมัครเข้าเป็นครูโรงเรียนอัสสัมชัญขณะอายุได้ 18 ปี เมื่อ พ.ศ. 2444 หลังจากนั้นอีกสองปีจึงเข้ารับราชการในกรมรถไฟหลวง กระทั่งได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนเจนรถรัฐ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2456
วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2460 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้โอนมาเป็นผู้ช่วยปลัดกรมเครื่องสายฝรั่ง กรมมหรสพพร้อมกับรับพระราชทานยศชั้นหุ้มแพรต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงเจนดุริยางค์ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2460 ในตำแหน่งครูวงเครื่องสายฝรั่งหลวง และทำหน้าที่ผู้สอนวิชาดนตรีสากลให้สามัคยาจารยสมาคมและผลักดันให้วิชาขับร้อง (ด้วยโน้ต) เป็นวิชาเลือกในการสอบเลื่อนวิทยฐานะทั้งชุดของครูประถมและครูมัธยม
ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระเจนดุริยางค์ ถือศักดินา 600 เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2465
พ.ศ. 2477 วงเครื่องสายฝรั่งหลวงที่กำกับดูแลอยู่ ได้โอนย้ายสังกัดไปยังกรมศิลปากร และส่งผลต่อหน้าที่การงานโดยตรง คือ การประพันธ์ทำนองเพลงชาติไทย ทำให้ต้องถูกออกจากราชการ โดยกล่าวหาว่า รับราชการมาเป็นระยะเวลา 30 ปี
วัยปลาย
ปี พ.ศ. 2480 กรมศิลปากรได้ส่งท่านไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการดนตรีเป็นระยะเวลา 10 เดือน และได้ร่างโครงการการศึกษาวิชาดนตรีตามแบบอารยประเทศเสนอต่อกรมศิลปากร แต่ถูกปฏิเสธ
โอนสังกัดไปสอนในวงดุริยางค์ทหารอากาศและเข้ารับราชการเมื่อ พ.ศ. 2483 เมื่ออายุได้ 57 ปี จนเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ. 2486 หลังเกษียณอายุราชการแล้ว ได้รับเชิญจากกรมศิลปากรอีกครั้ง เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยดำรงตำแหน่ง ศาสตราจารย์การดนตรี เพื่อปรับปรุงวงดุริยางค์สากลของกรมศิลปากร
ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ได้รับพระบรมราชานุญาตให้กลับคืนมีบรรดาศักดิ์ดังเดิม[5]
ปี พ.ศ. 2497 ได้ลาออกจากกรมศิลปากร และกรมตำรวจได้ขอยืมตัวให้ไปช่วยก่อตั้งวงดุริยางค์สากลกรมตำรวจและทำงานด้านดนตรี จนถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2511 สิริ อายุได้ 85 ปี 5 เดือน
Remove ads
ผลงาน
- ประพันธ์ทำนองเพลงชาติไทย[6]
- ประพันธ์ทำนอง เพลงเถลิงศก
- ริเริ่มสร้าง เพลงไทยประสานเสียง (Thai Music Harmony) สำหรับการบรรเลงเพลงไทยด้วยเครื่องดุริยางค์สากล โดยเคาะระนาดเทียบเสียงโน้ตสากลทุกตัวเพื่อให้เสียงตรงต้นฉบับเพลงไทยเดิมอย่างไม่ผิดเพี้ยน เป็นเอกลักษณ์ของเพลงไทยเดิมที่บรรเลงด้วยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร
- ประพันธ์เพลงไทยประสานเสียงเพลง ศรีอยุธยา ประกอบภาพยนตร์ เรื่อง พระเจ้าช้างเผือก (2484) บทและอำนวยการสร้างโดย นายปรีดี พนมยงค์ บ้านไร่นาเรา (2485) ของกองภาพยนตร์กองทัพอากาศ ทุ่งมหาเมฆ
- เรียบเรียงทำนองเพลงไทยประสานเสียง ได้แก่ แขกเชิญเจ้า ปฐม ต้นบรเทศ ขับไม้บัณเฑาะว์ พม่ารำขวาน ธรณีกรรแสง/พสุธากรรแสง พม่าประเทศ ฯลฯ รวมทั้งเพลงประกอบการแสดง /ละครเวที
- เรียบเรียงใหม่บรรเลงโดยวงออร์เคสตรา เช่น สายสมร
- เรียบเรียงตำราวิชาดนตรีสากลเป็นภาษาไทย เช่นทฤษฎีการดนตรีตอนต้น การประสานเสียงเบื้องต้น รวมทั้ง ตำราประสานเสียง 3 เล่มจบ
Remove ads
บรรดาศักดิ์
ยศและตำแหน่ง
- นายเวรกองเดินรถ
- 29 สิงหาคม 2458 – รองอำมาตย์โท[10]
- 31 กรกฎาคม 2459 – รองอำมาตย์เอก[11]
- 24 สิงหาคม พ.ศ. 2460 - ผู้ช่วยปลัดกรมเครื่องสายฝรั่ง กรมมหรสพ[12]
- 24 สิงหาคม พ.ศ. 2460 - หุ้มแพร
- 8 ธันวาคม พ.ศ. 2460 - นายหมู่ใหญ่ ครูแตรวง[13]
- 4 มกราคม พ.ศ. 2462 - จ่า[14]
- 20 กุมภาพันธ์ 2462 – นายหมวดตรี[15]
- 9 เมษายน พ.ศ. 2463 - ปลัดกรมดนตรีฝรั่งหลวง[16]
- 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2463 - นายหมวดโท[17]
- นายหมวดเอก
- 1 มกราคม 2466 – รองหัวหมื่น[18]
Remove ads
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
- พ.ศ. 2499 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)[19]
- พ.ศ. 2495 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)[20]
- พ.ศ. 2496 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 3 ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.)[21]
- พ.ศ. 2469 –
เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))[22]
- พ.ศ. 2472 –
เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[23]
- พ.ศ. 2468 –
เหรียญศารทูลมาลา (ร.ศ.ท.)[24]
- พ.ศ. 2462 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 4 (ว.ป.ร.4)[25]
- พ.ศ. 2469 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 5 (ป.ป.ร.5)[26]
- พ.ศ. 2496 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 4 (ภ.ป.ร.4)[27]
- พ.ศ. 2454 –
เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
- พ.ศ. 2468 –
เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (ร.ร.ศ.7)
- พ.ศ. 2475 –
เหรียญเฉลิมพระนคร 150 ปี (ร.ฉ.พ.)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads