คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน
อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ม.ป.ช. ม.ว.ม. (เกิด 20 มกราคม พ.ศ. 2506) ชื่อเล่น ต้อย เป็นนักการเมืองชาวไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง และคนที่สอง ของสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26 อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย สังกัดพรรคเพื่อไทย และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคไทยรักไทย
Remove ads
ประวัติ
พิเชษฐ์ เกิดวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2506 ที่ตำบลทานตะวัน อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เป็นบุตรนายเพชร กับนางสมนา เชื้อเมืองพาน มีน้องชาย 1 คน ด้านครอบครัวสมรสกับนางสาวธัญพิชชา ตรีวิชาพรรณ (หลังสมรสเปลี่ยนชื่อเป็น นางสาวพิชชา เชื้อเมืองพาน) มีบุตร 1 คน
สำเร็จการศึกษาเทคโนโลยีการเกษตรบัณฑิต สาขาพืชศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้[1] วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการพัฒนา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปริญญาเอกดุษฎีบัญฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ปริญญาเอกดุษฎีบัญฑิต สาขาบริหารอุตสาหกรรม จากมหาวิทยาลัยเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
พิเชษฐ์ เคยดำรงตำแหน่งนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ และเคยดำรงตำแหน่งนายกองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทยภาคเหนือ และมีบทบาทในการนำผู้ชุมนุมเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อออกมาต้านสนธิ ลิ้มทองกุล[2]
Remove ads
งานการเมือง
สรุป
มุมมอง
อดีตเคยดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 2 สมัย และเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อมา พ.ศ. 2544 ลงสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 77 พรรคไทยรักไทย ไม่ได้รับเลือกตั้งในคราวแรก แต่ต่อมาได้รับเลื่อนขึ้นมาแทนพลเอก เชษฐา ฐานะจาโร ที่ลาออกในปี พ.ศ. 2546[3] ต่อมาปี พ.ศ. 2550 ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จังหวัดเชียงราย พรรคพลังประชาชน ได้รับการเลือกตั้ง และปี พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในนามพรรคเพื่อไทย
อนึ่งในปี พ.ศ. 2553 เกิดกรณีหวิดวางมวยกับปลอดประสพ สุรัสวดี เนื่องจากปลอดประสพแถลงแผนปรองดองโดยไม่ผ่านที่ประชุมพรรค แต่ได้มีการปรับความเข้าใจกันในภายหลัง[4]
ในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เขาเข้าร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ชุมนุมที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน
ในการประชุมครั้งแรกของสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้เสนอชื่อพิเชษฐ์ให้เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 โดยไม่มีผู้เสนอชื่ออื่นเพิ่มเติม เขาจึงได้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ตามข้อบังคับการประชุมสภา ข้อ 6 วรรค 3[5][6]
ในวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2567 พิเชษฐ์ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อลาออกจากการเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เพื่อที่จะขยับไปเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แทนปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่พ้นจาก สส. จากการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปีในฐานะที่เคยเป็นกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2567 และในวันรุ่งขึ้น พรรคเพื่อไทยมีมติตามที่ระบุข้างต้นในการประชุมเพื่อเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 2 คนในวันดังกล่าว โดยอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้เสนอชื่อพิเชษฐ์ด้วยตนเอง ส่วนรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นของภราดร ปริศนานันทกุล จากพรรคภูมิใจไทย[7] โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งทั้งคู่ในอีกสองวันถัดมา (13 กันยายน)[8]
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พิเชษฐ์พ้นจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากกระทำการแปรญัตติงบประมาณแผ่นดินขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 144 ส่งผลให้พิเชษฐ์พ้นจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ไปโดยปริยาย รวมทั้งไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกตลอดชีวิตตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (18)[9]
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 5 สมัย คือ
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 แบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 77 สังกัดพรรคไทยรักไทย (ได้รับเลื่อน พ.ศ. 2546)
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 จังหวัดเชียงราย สังกัดพรรคพลังประชาชน
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดเชียงราย สังกัดพรรคเพื่อไทย
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 จังหวัดเชียงราย สังกัดพรรคเพื่อไทย
- การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 จังหวัดเชียงราย สังกัดพรรคเพื่อไทย
Remove ads
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- พ.ศ. 2563 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[10]
- พ.ศ. 2556 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[11]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads