คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ภาวะหูไวเกิน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ภาวะหูไวเกิน[2] (อังกฤษ: Hyperacusis) เป็นความผิดปกติทางการได้ยินที่สร้างความพิการ[3] โดยคนไข้จะไวเสียงที่ความถี่หนึ่ง ๆ เพิ่มขึ้นคือสามารถทนต่อเสียงที่ความถี่นั้น ๆ ได้น้อยลง คนไข้ที่มีอาการรุนแรงอาจมีปัญหาทนต่อเสียงในชีวิตประจำวันไม่ได้ คือเสียงบางอย่างอาจจะรู้สึกดังอย่างไม่น่าชอบใจ โดยที่คนอื่นก็ไม่ได้เป็นด้วย[4][5] ภาวะหูไวเกินมักจะเกิดร่วมกับอาการเสียงในหู โดยทั้งสองมีความชุกที่ประมาณ 10-15% และมีการเสียการได้ยินเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก อย่างไรก็ดี ก็ยังมีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างกลไกของอาการทั้งสอง[3]
Remove ads
อาการ
อาการก็คือเจ็บปวดหู รำคาญ และทนไม่ได้โดยทั่วไปต่อเสียงหลายอย่างที่คนโดยมากไม่รู้สึกเป็นไร การร้องไห้อย่างยับยั้งไม่ได้และความตื่นตระหนกอาจเป็นผลของเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น อาการอาจเกิดที่หูข้างเดียวหรือหูทั้งสองข้าง[6] อาจเกิดร่วมกับการมีเสียงในหู อาจมีผลเป็นความวิตกกังวล ความเครียด และความกลัวเสียง การหลีกเลี่ยงทำกิจกรรมต่าง ๆ บ่อยครั้งจะเป็นการตอบสนองเพื่อป้องกันผลของอาการ แล้วทำให้คนไข้หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม
Remove ads
เหตุ
เหตุสามัญที่สุดของอาการนี้ก็คือการได้รับเสียงดังมากเกินไป[4] แต่บางคนก็อาจเริ่มมีอาการอย่างฉับพลันหลังจากใช้ยาที่ทำให้หูไว มีโรคไลม์ โรคเมนิแยร์ บาดเจ็บที่ศีรษะ หรือได้รับการผ่าตัด บางคนอาจจะเกิดมาไวเสียง, เกิดโรค superior canal dehiscence syndrome[A], มีประวัติติดเชื้อที่หู, หรือมีประวัติปัญหาการได้ยินในครอบครัว
ยาที่มีผลต่อจิตใจเช่น แอลเอสดี, methaqualone, หรือเฟนไซคลิดีน ก็อาจเป็นเหตุของอาการด้วย[7] และยาปฏิชีวนะคือซิโปรฟลอกซาซินก็พบว่าเป็นเหตุอย่างหนึ่ง[8]
ภาวะอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กัน
อาการอื่น ๆ ที่สัมพันธ์กับภาวะหูไวเกินรวมทั้ง[9]
- acoustic shock เป็นอาการที่เกิดเมื่อได้ยินเสียงดังแบบไม่คาดหวัง
- ปฏิกิริยาต่อยาอย่างไม่พึงประสงค์
- ความวิตกกังวล
- ออทิซึมสเปกตรัม
- การบวมน้ำเอ็นโดลิมฟ์ (endolymphatic hydrops)[10]
- โรคไลม์[9]
- ไมเกรน[9]
- โรคเมนิแยร์
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง[11]
- การเสียการได้ยินเนื่องจากเสียงดัง
- ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ[9]
- การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง[9][12]
- Superior canal dehiscence syndrome[A]
- ลูปัส อีริทีมาโตซัส ทั่วร่าง[13]
- Tay-Sachs disease เป็นโรคทางพันธุกรรมที่มีผลทำลายเซลล์ประสาทในสมองและในไขสันหลัง[14]
- กลุ่มอาการวิลเลียม[9][15]
Remove ads
กลไกทางสรีรภาพ-ประสาท
กระบวนการปรับการตอบสนองของประสาทที่สำคัญต่อการได้ยินเชื่อว่า จะทำงานบิดเบือนไปเมื่อได้รับข้อมูลเสียงที่ผิดปกติจากหูชั้นใน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อหูชั้นในเสียหายและมีผลให้เสียการได้ยิน[16]

วินิจฉัย
วิธีการตรวจสอบพื้นฐานจะคล้าย ๆ กับการตรวจการได้ยินธรรมดา (audiogram) แต่ที่ต่างก็คือนอกจากกจะวัดขีดเริ่มเปลี่ยนการได้ยินที่เสียงความถี่ต่าง ๆ ก็ยังวัดระดับเสียงดังที่ทำให้รู้สึกไม่สบายที่ความถี่เหล่านั้นด้วย เป็นระดับที่เรียกว่า loudness discomfort level (LDL, ระดับความดังที่รู้สึกไม่สบาย) หรือ uncomfortable loudness level (ULL) ในคนไข้อาการหูไวเกิน ระดับนี้จะต่ำกว่าคนปกติพอสมควร และปกติจะเป็นตลอดพิสัยการได้ยินโดยมาก[4][5]
Remove ads
การรักษา
การรักษาวิธีหนึ่งก็คือ การให้ฟังเสียงแบบแถบความถี่กว้าง เป็นการรักษาที่เรียกว่า retraining therapy เป็นวิธีที่ได้มาจากการรักษาเสียงในหู คือ Tinnitus retraining therapy อนึ่ง เสียงแบบพิงก์ (pink noise) ก็สามารถใช้ได้ด้วยเหมือนกัน
การฟังเสียงแถบความถี่กว้างค่อย ๆ แต่ละวันตามระยะที่กำหนด อาจทำให้ทนเสียงต่าง ๆ เพิ่มขึ้นได้ แม้อาจจะไม่สามารถฟื้นสภาพได้อย่างสมบูรณ์ แต่อาการก็อาจดีขึ้นอย่างสำคัญ โดยเฉพาะถ้าทำพร้อมกับการบำบัดจิตใจด้วย[18][19][5][20]
วิธีอีกอย่างหนึ่งก็คือการบําบัดทางความคิดและพฤติกรรม (CBT) ซึ่งสามารถร่วมใช้กับ retraining therapy[9][21]
Remove ads
คนไข้ผู้มีชื่อเสียง
วลาดิมีร์ เลนิน ผู้นำนักปฏิวัติมาร์กซิสต์คนแรกของสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต หัวหน้าพรรคบอลเชวิก นายกรัฐมนตรีคนแรกและเป็นเจ้าของแนวคิดส่วนใหญ่ในลัทธิเลนิน ได้รายงานว่าป่วยหนักในปลายปี ค.ศ. 1921 โดยมีอาการหูไวเสียง ปวดหัว และนอนไม่หลับเป็นประจำ[22]
ดูเพิ่ม
เชิงอรรถ
- superior canal dehiscence เป็นอาการมีน้อยที่มีผลต่อการได้ยินและการทรงตัว เกิดจากการกร่อนหรือการไม่มีกระดูกขมับเหนือหลอดกึ่งวงกลมส่วนบนของระบบการทรงตัว
อ้างอิง
อ่านเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads