คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

รัฐบาลชั่วคราวรัสเซีย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

รัฐบาลชั่วคราวรัสเซีย
Remove ads

รัฐบาลชั่วคราวรัสเซีย (รัสเซีย: Временное правительство России, อักษรโรมัน: Vremennoye pravitel'stvo Rossii) เป็นรัฐบาลชั่วคราวที่จัดตั้งขึ้นในเปโตรกราดภายหลังการสละราชสมบัติของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 ในช่วงการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1917 ภายในรัฐบาลประกอบด้วยคณะรัฐมนตรีที่ต่อเนื่องกันหลายชุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแนวร่วมระหว่างนักการเมืองเสรีนิยมและนักสังคมนิยมสายกลาง โดยพยายามแก้ไขปัญหาร้ายแรงที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอันไม่เป็นที่นิยม รัฐบาลชั่วคราวดำรงอยู่เป็นเวลาแปดเดือน จนกระทั่งการยึดอำนาจของบอลเชวิคในเดือนพฤศจิกายน (เดือนตุลาคมตามปฏิทินเก่า) ซึ่งเป็นกลุ่มฝ่ายซ้ายหัวรุนแรงของพรรคแรงงานสังคมประชาธิปไตยรัสเซียในการปฏิวัติเดือนตุลาคม

ข้อมูลเบื้องต้น รัฐบาลชั่วคราวรัสเซีย Временное правительство России (รัสเซีย), เมืองหลวง ...

แต่เดิมสมาชิกภายในคณะรัฐมนตรีชุดแรกมีเพียงนักการเมืองสายเสรีนิยมเท่านั้น ยกเว้นอะเลคซันดร์ เคเรนสกี จากพรรคปฏิวัติสังคมนิยม ที่เข้าร่วมรัฐบาลเพราะความสามารถส่วนตัว คณะรัฐมนตรียังคงเป็นเช่นนี้กระทั่งเกิดวิกฤตการณ์เดือนเมษายนในอีกสองเดือนต่อมา ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่างนักสังคมนิยมและสมาชิกสายอนุรักษนิยม ทำให้หลังจากนั้นคณะรัฐมนตรีจึงประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นทั้งนักการเมืองเสรีนิยมและนักสังคมนิยมสายกลาง เจ้าชายลวอฟยังคงดำรงตำแหน่งประธานรัฐมนตรีของรัฐบาลชั่วคราวต่อไป จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งต่าง ๆ ทั้งความล้มเหลวของการรุกเคเรนสกี วิกฤตการณ์รัฐบาลที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์รัฐธรรมนูญ (KD หรือ kadets) ความตึงเครียดระหว่างกลุ่มชาตินิยมในยูเครน และการจราจลเดือนกรกฎาคม ทำให้เคเรนสกีได้รับสืบทอดตำแหน่งประธานรัฐมนตรีแห่งรัฐบาลชั่วคราว คณะรัฐบาลเคเรนสกีดำเนินการปฏิรูปทางการเมืองอย่างท่วมท้น แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหาสำคัญหลายอย่าง เช่น การถอนตัวออกจากสงคราม การปฏิรูปเกษตรกรรม การแก้ปัญหาของกลุ่มคนงานทั้งในเมืองต่าง ๆ และปัญหาชนกลุ่มน้อย เป็นต้น

ข้อตกลงใหม่ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์รัฐธรรมนูญและรัฐบาลได้เกิดขึ้นหลังจากการเจรจาหลายครั้ง นำไปสู่การยุติวิกฤตการณ์รัฐบาลในช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ตามความขัดแย้งระหว่างทั้งสองยังคงอยู่และการปฏิรูปสังคมและเศรษฐกิจไม่มีความคืบหน้า อีกทั้งยังไม่มีการดำเนินการถอนตัวออกจากสงคราม ส่งผลให้สถานการณ์ในรัสเซียทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ในขณะที่ฝ่ายขวามองหาบุคคลที่มีอำนาจเพื่อกำหนดสั่งการ ยุติวิกฤตการณ์ และกลับมาทำสงครามอีกครั้งด้วยความเข้มแข็ง ฝ่ายซ้ายได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจและสังคมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จากการขาดการดำเนินการของรัฐบาล และความล้มเหลวของการรัฐประหารโดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพบก ทำให้ฝ่ายขวาและรัฐบาลเริ่มอ่อนแอลง และได้เพิ่มความเข้มแข็งให้แก่ฝ่ายซ้าย กลุ่มหัวรุนแรง และอื่น ๆ เพื่อความปรารถนาที่จะยึดอำนาจของสภาโซเวียต

ในช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง สถานการณ์ร้ายแรงและความอ่อนแอของรัฐบาลนำไปสู่การอภิปรายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลและการก่อตัวของกลุ่มสังคมนิยมหัวรุนแรง ในขณะที่สภาโซเวียตเร่งปฏิรูปเกษตรกรรมในชนบทและได้ถอนตัวเป็นอิสระจากการบริหารส่วนกลาง ในเมืองต่าง ๆ มีการสนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงฝ่ายซ้ายเพิ่มขึ้น เมื่อบอลเชวิคตัดสินใจทำการยึดอำนาจผ่านสภาโซเวียตจากการประชุมสภาคองเกรสครั้งที่สองในการปฏิวัติเดือนตุลาคม รัฐบาลชั่วคราวจึงเป็นอันสิ้นสุดลงและบอลเชวิคได้ก่อตั้งคณะกรรมการราษฎรขึ้นมาบริหารประเทศ

Remove ads

การก่อตั้ง

สรุป
มุมมอง
Thumb
นักการเมืองเสรีนิยมเกออร์กี ลวอฟ ผู้เป็นประธานรัฐมนตรีแห่งรัฐบาลชั่วคราวภายหลังการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์

คณะกรรมการชั่วคราวแห่งสภาดูมาได้เชิญชวนคณะกรรมการบริหารแห่งสภาโซเวียตเปโตรกราดเข้าร่วมการอภิปรายเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1917 [ตามปฎิทินเก่า: 1 มีนาคม] และจัดการประชุมขึ้นในบ่ายของวันเดียวกัน[1][2] ในระหว่างการประชุม คณะกรรมการบริหารของโซเวียตตัดสินใจที่จะไม่เข้าร่วมรัฐบาลใหม่ (ในตอนนั้นการยึดอำนาจยังไม่ได้รับการพิจารณา)[3] การประชุมอย่างจริงใจระหว่างสมาชิกเมนเชวิค นีโคไล ชเฮอิดเซ, นีโคไล ซูฮานอฟ, และนีโคไล โซโคลอฟ และนักเสรีนิยมปาเวล มิลยูคอฟ, อะเลคซันดร์ กุชคอฟ, และเกออร์กี ลวอฟ โดยเมนเชวิคเต็มใจที่จะมอบอำนาจให้กับฝ่ายเสรีนิยมและไม่รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีใหม่[3][1] เพื่อแลกกับการสนับสนุนจากฝ่ายสังคมนิยม[2] อีกทั้งพวกเขาได้เรียกร้องให้มีการประกาศใช้สิทธิพลเมือง[2][4][3] (เช่น การรวมกลุ่มสมาคม การจัดตั้งพรรคการเมือง และการให้เสรีภาพสื่อ เป็นต้น)[1] ต้องมีการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองทั้งหมด[3] ขอบเขตของสิทธิพลเมืองควรขยายไปถึงกลุ่มทหาร และให้มีการประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญโดยเร็วที่สุด[5][4][3][1] เพื่อจัดการเลือกตั้งตามแบบสากล โดยตรง เสมอภาค และเป็นความลับ และเพื่อกำหนดรัฐธรรมนูญพร้อมกับรูปแบบการปกครองของประเทศ (ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1917 [ตามปฎิทินเก่า: 3 มีนาคม] เป็นเวลาเพียงหนึ่งวันหลังการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่[6])[5][7]

สภาโซเวียตเปโตรกราดสนับสนุนรัฐบาลใหม่อย่างเปิดเผย[8] ตราบใดที่รัฐบาลยังปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ตกลงไว้[4][3] เพียงแต่สภาโซเวียตยังคงปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับรัฐบาล[7] คณะกรรมการบริหารของโซเวียตปฏิเสธข้อเสนอของผู้แทนจากสภาดูมาที่จะรวมชเฮอิดเซและเคเรนสกีไว้ในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่[2] แม้ว่าเคเรนสกีจะยินยอมเข้าร่วมด้วยตนเองก็ตาม และท้ายที่สุดเขาก็ได้รับการสนับสนุนจากการประชุมครบชุดของสภาในวันถัดไป[9][4] ทางสภาโซเวียตเปโตรกราดพิจารณาว่าการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์เป็นการปฏิวัติของชนชั้นนายทุนและด้วยเหตุนี้ฝ่ายสังคมนิยมจึงไม่ควรเข้าร่วมกับรัฐบาล[9][4] ทำให้ตอนนี้คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชั่วคราวจึงประกอบด้วยฝ่ายเสรีนิยม กลุ่มอนุรักษนิยมสายกลาง และเคเรนสกีซึ่งเป็นฝ่ายสังคมนิยม[4]

Thumb
คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชั่วคราวในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1917

เมื่อซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1917 [ตามปฎิทินเก่า: 2 มีนาคม] และพระอนุชาของพระเจ้าซาร์แกรนด์ดยุกมีฮาอิล ปฏิเสธการสืบราชบัลลังก์ในวันต่อมา รัฐบาลชั่วคราวจึงเริ่มเข้ามาปกครองรัสเซียอย่างเป็นทางการ แต่อำนาจของรัฐบาลชั่วคราวนั้นมีอยู่อย่างจำกัดเนื่องจากอำนาจที่เพิ่มขึ้นของสภาโซเวียตเปโตรกราด[10]

รัฐบาลใหม่ได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นในช่วงแรก รวมถึงบุคคลที่มีแนวคิดโดดเด่นที่สุดในบรรดาฝ่ายเสรีนิยมของรัฐบาลด้วย เช่น นายกรัฐมนตรีเกออร์กี ลวอฟ[11][8] ผู้เป็นนักการเมืองก้าวหน้าและเป็นที่เคารพนับถือของเซมสต์วอ (Zemstvo)[12] และปาเวล มิลยูคอฟ ผู้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และสมาชิกหลักของคณะรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์รัฐธรรมนูญ (KD)[11][8] อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีชุดใหม่นั้นอ่อนแอและมีอำนาจหน้าที่จำกัดในพื้นที่บางส่วนของประเทศและในเมืองหลวงเท่านั้น[13] เนื่องจากการก่อตัวของลัทธิชาตินิยมในพื้นที่ของจักรวรรดิ การแบ่งแยกภายในฝ่ายสังคมนิยม และความขัดแย้งระหว่างสังคมนิยมและเสรีนิยมได้บ่อนทำลายอำนาจของรัฐบาล[13] ในเปโตรกราดนั้นถูกควบคุมโดยสภาโซเวียตเมืองหลวง[14] ความปรารถนาของประชากรก็ไม่ได้จำกัดเพียงแค่การปฏิรูปทางการเมืองเท่านั้น แต่รวมถึงมาตรการทางสังคมและเศรษฐกิจด้วย นอกจากนี้ความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างฝ่ายเสรีนิยมกับฝ่ายสังคมนิยม[15] และการเข้าร่วมสงครามอันไม่เป็นที่นิยม ยังเป็นอุปสรรคต่อความเข้าใจกันระหว่างทั้งสองฝ่าย[16] คตินิยมของรัฐบาลชั่วคราวที่เชื่อมั่นว่ามีเพียงสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากเลือกตั้งโดยระบอบประชาธิปไตยแบบสากลเท่านั้นที่จะสามารถตัดสินประเด็นพื้นฐานทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจได้[17] แต่ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ภายในรัฐบาล ทำให้การปฏิรูปครั้งสำคัญถูกเลื่อนออกไปอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกัน[18]

Remove ads

รายนามประธานรัฐมนตรี

อ้างอิง

บรรณานุกรม

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads