คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
วินโดวส์ 10
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
วินโดวส์ 10 (อังกฤษ: Windows 10) เป็นระบบปฏิบัติการของไมโครซอฟท์ ใช้สถาปัตยกรรมวินโดวส์เอ็นที โดยประกาศการพัฒนาเมื่อ 30 กันยายน 2557 และวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2558[16] โดยจะทำการอัปเดตระบบให้ผู้ใช้วินโดวส์ 8.1 และวินโดวส์ 7 โดยไม่คิดมูลค่า ภายในในปีแรกของการจัดจำหน่าย
![]() | บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
วินโดวส์ 10 มีแนวทางการออกแบบที่สืบทอดจากวินโดวส์ 8 โดยมีหน้าต่างแบบจอสัมผัส และแบบดั้งเดิมที่ใช้เมาส์และคีย์บอร์ด สถาปัตยกรรมของระบบเอื้อให้สามารถใช้ได้ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ, แท็บเล็ต, เครื่องเกมคอนโซล และโทรศัพท์มือถือ ภายใต้แนวคิด "แอปฯ เดียว ใช้ได้ทุกรูปแบบ" โดยเพิ่มแอปจากร้านค้าไมโครซอฟท์ หรือ ไมโครซอฟท์สโตร์ (อังกฤษ: Microsoft Store) เพื่อการรองรับแอปพลิเคชันเพิ่มเติม[17]
Remove ads
บันทึกการพัฒนา
สรุป
มุมมอง
ก่อนเปิดตัว
โครงการวินโดวส์ 10 เริ่มต้นต่อเนื่องจากการพัฒนา วินโดวส์ 8.1 ที่ไมโครซอฟท์ตั้งเป้าพัฒนาเป็น วินโดวส์ 8.2 โดยมีเป้าหมายหลักคือการลดความสำคัญของหน้าจอเริ่มและกลับมาใช้เมนูเริ่มตามเดิม ซึ่งเป็นหนึ่งในเสียงตอบรับหลักของผู้ใช้วินโดวส์ 8 อย่างไรก็ดีในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2557 ก็เริ่มปรากฎว่าวินโดวส์ 8.2 จะถูกนับรุ่นเป็น วินโดวส์ 9 และจะออกรุ่นทดสอบในเดือนสิงหาคมแต่ได้มีการเลื่อนออกมาอย่างไม่มีกำหนด ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2557 ไมโครซอฟท์จัดงานแถลงข่าวเปิดตัววินโดวส์รุ่นนี้อย่างเป็นทางการในชื่อ วินโดวส์ 10 พร้อมออกรุ่นทดลองในวันเดียวกัน
สาเหตุที่ไมโครซอฟท์เลือกใช้ชื่อ วินโดวส์ 10 แทน วินโดวส์ 9 ตามหลักการนับเลขรุ่นที่ควรจะเป็น นั่นคือการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของวินโดวส์ที่หลังจากนี้ วินโดวส์ 10 จะใช้แนวทางการเป็น "แพลตฟอร์ม" ที่สามารถทำงานได้บนอุปกรณ์ทุกประเภทตั้งแต่ อุปกรณ์ไอโอทีขนาดเล็ก พีซี โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ทีวีและเครื่องเอกซ์บอกซ์วัน ไปจนถึงเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ รองรับการทำงานบนอุปกรณ์หน้าจอขนาดเล็กสุด 4 นิ้ว ไปจนถึง 80 นิ้ว รวมถึงอุปกรณ์ที่ไม่มีหน้าจอ รองรับการนำเข้าข้อมูล (อินพุต) หลากหลายทาง ทั้งการสัมผัส ปากกา คีย์บอร์ด เมาส์ คอนโทรลเลอร์ และท่าทางโดยร่างกาย ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์มีตัวเลือกชื่อ วินโดวส์วัน (Windows One) ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของนโยบาย One Microsoft แต่สุดท้ายชื่อนี้ก็ไม่ได้ถูกเลือกใช้งานจริง
อีกสาเหตุหนึ่งที่ยังไม่มีเอกสารยืนยันอย่างเป็นทางการจากไมโครซอฟท์ คือการใช้วินโดวส์ 9 จะทำให้โปรแกรมประยุกต์บางตัวมีปัญหาการทำงานร่วมกัน สืบเนื่องจากในยุคก่อน นักพัฒนาภายนอกมักจะใช้ "Windows 9" ในการตรวจสอบรุ่นวินโดวส์ว่าผู้ใช้กำลังใช้งาน วินโดวส์ 95 หรือ วินโดวส์ 98 อยู่หรือไม่ แต่การเขียนวินโดวส์ 9 แบบไม่มีอักษรประกอบ ทำให้คำสั่งนี้เหมารวมทั้ง วินโดวส์ 95/วินโดวส์ 98 และวินโดวส์ 9 ทั้งหมด ซึ่งอาจจะทำให้โปรแกรมทำงานผิดพลาดไปได้ และไมโครซอฟท์อาจจะเจอปัญหานี้ระหว่างการทดสอบภายใน จึงทำให้ไมโครซอฟท์ตัดสินใจข้ามรุ่นวินโดวส์ 9 เป็นวินโดวส์ 10 แทน
รุ่นทดสอบ
รุ่นวินโดวส์ 10 ที่ทำการทดสอบใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า "Windows Technical Preview" โดยเปิดทดลองใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557[18][19][20][19][20] ต่อมา ไมโครซอฟท์ประกาศเปลี่ยนชื่อรุ่นทดสอบจาก "Windows Technical Preview" มาเป็น "Windows Insider Preview" ในบิลด์ 10074 โดยให้เหตุผลว่า พวกเขาต้องการรับฟังผลตอบรับจากทางผู้ใช้ที่เข้าร่วมโครงการ Windows Insider (โครงการสำหรับการทดสอบรุ่นถัดไปของวินโดวส์) [21]
รุ่นเผยแพร่ Threshold 1 (1507)
วินโดวส์ 10 ได้วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558[16][18][22] โดยใน 1 ปีแรก สามารถอัปเดตจากรุ่นก่อนหน้าได้ ทั้งวินโดวส์ 7 และ วินโดวส์ 8.1 ตามเงื่อนไข Software Assurance แต่ไม่รวมถึง Windows RT[23]
ทั้งนี้เพราะระบบไม่สามารถรองรับได้ทั้งหมด จะมีการอัปเดตความสามารถต่างหากให้เป็นรอบการปรับปรุงปกติ[24][22][25]
Remove ads
เวอร์ชันและการพัฒนาฟีเจอร์
สรุป
มุมมอง
รุ่น Threshold 2 (1511) หรือชื่อรุ่นว่า November Update
โดยรุ่นนี้ ปล่อยให้อัปเดต เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558 โดยมีการปรับปรุงเรื่องประสิทธิภาพของระบบ , เพิ่มฟิวเจอร์ พรีวิวแท็บ บน Microsoft Edge , แอพ สไกป์ มาแทนแอพข้อความ , การค้นหาอุปกรณ์ , แอพสำหรับธุรกิจ และ Windows Update สำหรับธุรกิจ
รุ่น Redstone 1 (1607) หรือชื่อรุ่นว่า Anniversary Update
โดยรุ่นนี้ ปล่อยให้อัปเดตเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2559 เป็นการอัปเดตครบรอบ 1 ปีของ Windows 10 โดยมีการเพิ่มฟิวเจอร์ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม Windows Ink Workspace (เข้าทางลัดได้ โดยการกด Windows + I) , แอพ สไกป์ มาอยู่ในแบบ UWP (Universal Windows Platform Apps) (รุ่นพรีวิว) , ปรับปรุงการเล่นเกม เมื่อเล่นอยู่ในแอพแบบ UWP (Universal Windows Platform Apps) , สแกนแบบออฟไลน์ บน Windows Defender , ระบบ Bash ของ Ubuntu (ชื่อจะเป็น Windows Subsystem for Linux) , Secure Boot จะเปิดเป็นค่าเริ่มต้น พร้อมทั้งนี้ ยังเปลี่ยนหน้าตาเล็กน้อย เช่น ปุ่ม Action Center จะอยู่ขวาสุด (ข้างขวาของแถบแสดงเวลาแต่จะอยู่ข้างซ้ายของแถบ Snap Desktop) , Start Menu แบบใหม่ ให้ใช้งานง่ายขึ้น โดยมัดรวมกับ All Programs ไปเลย โดยที่ไม่แยก , เปลี่ยนอีโมจิใหม่ทั้งหมด และใช้อีโมจิตามมาตรฐาน Unicode 9.0 , เพิ่มโหมดสีดำ[26][27][28]
รุ่น Redstone 2 (1703) หรือชื่อรุ่นว่า Creators Update
โดยรุ่นนี้ ปล่อยให้อัปเดตเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 เป็นการอัปเดตครั้งที่ 3 ของ Windows 10 โดยจะไปเน้นทางด้านเกมเป็นส่วนใหญ่ อาทิ รองรับสตีมมิ่งเกมต่าง ๆ โดยใช้แอพ XBOX ในการสตีมและใช้บริการ Beam เป็นบริการสตีม , เพิ่มประสิทธิภาพเมื่อขณะเล่นเกม หรือ Game Mode โดยจะเอาประสิทธิภาพทั้งหมดจาก CPU GPU แรม และอื่น ๆ มาใช้บนในเกมทั้งหมด และลดความสำคัญกับแอพอื่น ๆ , เพิ่ม การเล่นเกม บนการตั้งค่า
แต่จะมีบ้าง สำหรับผู้ใช้ทั่วไป โดยจะมีอาทิ เพิ่มแอพ Paint3D สำหรับวาดรูป แทนโปรแกรม Paint เดิม , เพิ่มฟิวเจอร์บน Microsoft Edge อาทิ เปิดไฟล์ .EPUB ได้ ' ดูพรีวิวแท็บได้ และสามารถบันทึกแท็บแล้วเอามาเปิดใหม่ได้ ' ปิด Flash Player เป็นค่าเริ่มต้น , Compact Overlay (คล้ายฟิวเจอร์ Picture In Picture บน macOS และ iOS) , เพิ่มโฟล์เดอร์บน Start Menu ได้ , ปรับปรุงอีโมจิ และเพิ่มธงสีรุ้ง , เพิ่มโหมดถนอมสายตา (Night Light) , Windows Update ไอคอนใหม่ , ปรับปรุง Windows Ink Workspace , Windows Defender มาอยู่ใน UWP (Universal Windows Platform Apps) , ปุ่มแชร์ใหม่ , USB Audio 2.0 , ปรับปรุงแอพต่าง ๆ อาทิ แผนที่ คอร์ทานา เป็นต้น
พร้อมทั้งนี้ แอพ สไกป์ (รุ่นพรีวิว) นั้น ได้ออกมาเป็นรุ่นจริงด้วย โดยปลดคำว่า Preview ออกไป
รุ่น Redstone 3 (1709) หรือชื่อรุ่นว่า Fall Creators Update
โดยรุ่นนี้ ปล่อยให้อัปเดตเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 เป็นการอัปเดตครั้งที่ 4 ของ Windows 10 ซึ่งเวอร์ชันนี้ จะเริ่มเปลี่ยนการใช้ธีมแบบ Fluent Design System[29][30] , ปรับปรุงแกน OneCore , ระบบ Windows Subsystem for Linux , เพิ่มความสามารถของ Windows Defender ให้สามารถป้องกัน Ransomware ได้ , เพิ่มอิโมจิและเปลี่ยนอิโมจิใหม่[31] , เพิ่มฟอนต์ Bahnschrift[32] , เพิ่มแท็บ GPU ในหมวด Performance ใน Task Manager เป็นต้น
รุ่น Redstone 4 (1803) หรือชื่อรุ่นว่า April 2018 Update
โดยรุ่นนี้ ปล่อยให้อัปเดตเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2561 ซึ่งเวอร์ชันนี้ เป็นการอัปเดตครั้งที่ 5 ของ Windows 10 จะมีเปลี่ยนการใช้ธีมแบบ Fluent Design System เพิ่มมากขึ้น , ระบบ Cortana , ระบบ Windows Subsystem for Linux รองรับการทำงานแบบ Background Task , เพิ่มท่าทางล้างทั้งหมดบนการแจ้งเตือน , เปลี่ยนจาก Task View เป็น Timeline โดยจะเป็นการดูว่า คุณเปิดไฟล์อะไรไปบ้าง แต่ยังสามารถดูหน้าต่างปัจจุบันได้ตามปกติ , ปรับปรุงประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาบนแอพ Microsoft Edge พร้อมทั้งนี้มีการเพิ่มฟิวเจอร์ อาทิ ปิดเสียงบนแท็บ ' บันทึกไฟล์ .epub ' บุ๊คมาร์คบนหนังสือ epub , ย้ายส่วน Startup ไปที่หน้า Settings พร้อมทั้งนี้ ยังเพิ่มในส่วน Sound ' Font และเปลี่ยนแท็บจาก Windows Defender เป็น Windows Security , เพิ่มความสามารถในส่วน Ease of Access , เพิ่ม Nearby Sharing , ปรับปรุงแป้นพิมพ์บนหน้าจอ , ปรับปรุงการพิมพ์บนภาษาจีน ญี่ปุ่น , ปรับปรุงการพิมพ์อิโมจิ ให้สามารถพิมพ์หลายตัว , เพิ่ม "edit in Paint 3D" บน Snipping Tools , Registry Process ใน Task Manager , ปรับปรุง Game bar , เพิ่มการตั้งค่ากราฟิค ในกรณีที่มีกราฟิค 2 ตัวขึ้นไป (รวม On-Board ด้วย) , ปรับปรุงการควบคุมโดยการใช้ตา (Eye Control) เป็นต้น[33][34][35][36][37][38][39][40][41]
ในขณะเดียวกัน ฟีเจอร์ HomeGroup ที่อยู่ใน Windows 7 ขึ้นไปนั้น จะถูกเอาออกไปในเวอร์ชั้นนี้ รวมถึงการนำเอา XPS Viewer , การตั้งค่าภาษาบน Control Panel ออกไปด้วยเช่นกัน เป็นต้น[42]
รุ่น Redstone 5 (1809) หรือชื่อรุ่นว่า April 2018 Update
รุ่นนี้ ได้ปล่อยให้อัปเดตเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 โดยได้เพิ่ม Snip & Sketch , คลิปบอร์ด , คีย์บอร์ดเสมือนแบบใหม่ มาจาก SwiftKey และเพิ่มโหมดมืด ในแอพ File Explorer
รุ่น 19H1 หรือชื่อรุ่นว่า May 2019 Update
รุ่นนี้ ได้ปล่อยให้อัปเดตเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2562 ซึ่งเวอร์ชันนี้ ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้เพิ่มมากขึ้น , ผู้ใช้งาน Home Edition จะสามารถหยุดการอัปเดตได้ชั่วคราวถึง 7 วัน , หน้าตาสีสันมีความโปร่งใสสบายตามากขึ้นหลายส่วน (Light Theme) , ผู้ใช้สามารถลบแอปที่ติดมาโดยพื้นฐานได้มากขึ้น , Windows Sandbox แยกสภาพแวดล้อมออกจากการใช้งานจริง , ช่องค้นหากับ Cortana แยกออกจากกัน , ปรับปรุงแอพ Notepad
เมื่อมีการติดตั้งใหม่ หรือ Clean Install จะมีการจองพื้นที่ไว้ 7 GB เพื่อป้องกันการอัปเดตผิดพลาด หากอัพเกรดจากรุ่นเก่ามา จะไม่มีการจองพื้นที่ในส่วนนั้น[43]
รุ่น 19H2 หรือชื่อรุ่นว่า November 2019 Update
รุ่นนี้ ได้ปล่อยให้อัปเดตเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2562 ในเวอร์ชันใหม่นี้ จะเน้นแก้ไขเรื่องประสิทธิภาพ และการทำงานบน Windows โดยไม่มีการเพิ่มฟิวเจอร์ใด ๆ
รุ่น 20H1 หรือชื่อรุ่นว่า May 2020 Update
รุ่นนี้ ได้ปล่อยให้อัปเดตเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 โดยไปเน้นของใหม่เช่น ไมโครซอฟท์ เอดจ์ ไปใช้เอนจินโครมเนี่ยมตัวใหม่ , ปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้งาน , ระบบ Windows Subsystem for Linux อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 2 , รองรับ DirectX12 Ultimate
การพัฒนาฟีเจอร์
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา Microsoft ได้ทำพาทเนอร์ให้กับ Qualcomm โดยจะทำในเรื่องของแอพบน Windows นั้น สามารถรันได้บนซีพียู Qualcomm Snapdragon ได้เลย โดยที่ไม่ต้องทำการแปลงโค๊ด หรือดัดแปลงแอพ (เรียกจากแอพ แบบ Win32 (x86) บนสถาปัตยกรรมแบบ ARM ผ่านระบบจำลอง และไม่เหมือนกับ Windows RT ที่รับแอพได้แค่จาก Windows Store เท่านั้น)
หลังจากนั้นได้เปิดตัว Windows on ARM โดยออกแบบมาเพื่อซีพียูบนสถาปัตยกรรมแบบ ARM ทำงานบนวินโดวส์โดยเฉพาะ
รุ่น Insider Preview
รุ่น Insider Preview นี้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการทดสอบระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ โดยเหมาะสำหรับการทดสอบระบบและทดสอบการใช้งานแอปพลิเคชัน เป็นต้น แต่อาจมีปัญหากับรุ่นนี้ เพราะอาจมีบั๊คต่าง ๆ อยู่ ซึ่งจะเกิดปัญหาในโปรแกรมและระบบ หรืออาจเกิด จอเขียวมรณะ (เดิมจอฟ้า) หรืออาจไม่สามารถใช้งานได้เลย
รุ่น Skip Ahead
รุ่น Skip Ahead นี้ จะเป็นการข้ามในรุ่นที่จะออกจริง โดยปกตินั้น ในรุ่น Insider Preview จะทยอยออกรุ่นต่อ ๆ ไป จนถึงรุ่นออกจริง (Release To Manufacturing) แล้วก็จะไปรุ่นทดสอบต่อไปทันที แต่ใน Skip Ahead จะเป็นการข้ามรุ่นที่จะออกจริงไป โดยจะทยอยออกในรุ่น Insider Preview ต่อไป ส่วนปัญหาในโปรแกรม จะเจอเดียวกันกับรุ่น Insider Preview
ภาพรวมรุ่นในการพัฒนาในแต่ละเวอร์ชัน
ความสามารถWindows 10
ระบบออนไลน์
มีฟังก์ชันการสั่งการด้วยเสียง คอร์ทานา เช่นเดียวกับใน Windows Phone,[44] และระบบสามารถค้นหาได้ทั้งไฟล์ในเครื่องและเว็บไซต์ต่าง ๆ [45]
ระบบคำสั่งข้อความ ถูกนำออกไป และใช้ได้เพียงในโปรแกรม สไกป์ เพียงอย่างเดียว แต่ได้มีการรวมกันให้เป็นระบบเดียวกันจึงทำให้สามารถใช้ได้ทั่งการค้นหาเบอร์โทร โปรแกรมบันทึกเสียง รับสายโทรศัพท์ โทรออก[46]
มาพร้อมกับ web rendering engine โดยมีการออกมาเพื่อรองรับ "Edge" โดยเป็นเว็บในระบบใหม่ แต่ก็ยังไร web browser ตัวเดิม Internet Explorer โดย "ไมโครซอฟท์ เอดจ์" เป็นการรองรับ มาตราฐานใหม่ MSHTML รวมถึง รองรับมาตราฐานเก่ากว่าอีกด้วย[47][48][49]
ระบบความบันเทิง
รองรับไฟล์เพลงและภาพยนตร์เพิ่มเติมคือ FLAC, HEVC, และ Matroska ให้สามารถเล่นและแสดงผลในโปรแกรมวินโดวส์มีเดียเพลเยอร์ รวมถึงโปรแกรมแวดล้อมอื่น ๆ [50][51][52]
สามารถอ่านเอกสาร .EPUB ได้บน ไมโครซอฟท์ เอดจ์ และได้ทำการเอาออกไปในเวอร์ชัน May 2020 Update เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมแล้ว และถูกแทนที่ด้วยเอนจินใหม่
เพิ่มความสามารถในการใช้ VR ในแบบ Mixed Reality โดยใช้สเปกเครื่องที่ไม่สูง
ระบบเกมมิ่ง
ได้พัฒนาด้านการแสดงภาพในเกมด้วยไดเรกต์เอกซ์ 12[53] ซึ่งเปิดตัวในงาน GDC เมื่อเดือนมีนาคม 2557 ที่ผ่านมา และให้เพียงแค่ Windows 10 และ Xbox One เท่านั้น[54][55]
ได้มีการผนวกบริการเอกซ์บอกซ์ โดยสามารถทำให้เล่นเกมใน Windows รวมถึงเกมอื่น ๆ ในระบบออนไลน์ได้ พร้อมรองรับกล้อง DVR โดยใช้ทางลัดบนคีย์บอร์ด (Windows + G) [56][57] นอกจากนี้ยังมีระบบเชื่อมต่อ Remote หรือสตีมมิ่ง จาก เอกซ์บอกซ์ วัน ไปยัง Windows 10 ได้ รองรับการใช้ XBOX Controler สร้างกลุ่มสำหรับเกมต่าง ๆ และสามารถดวลผ่าน Arena จากเกมต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยผ่านการเชื่อมต่อกับ Xbox Live แอดเค้าท์[58]
ได้พัฒนาเกมต่าง ๆ ให้สามารถเล่นเกมจากพีซีได้ โดยที่ไม่ต้องสตีมมิ่งจากตัวเกมคอนโซล XBOX ไปยัง Windows 10 โดยใช้ XBOX Play Everywhere โดยเพียงแค่ซื้อเกมจาก Xbox Store หรือ Windows Store ในรูปแบบ Digital Title ก็สามารถเอาเกมส์ที่ซื้อไปนั้น มาเล่นได้ทั้ง Xbox และ Windows 10 ได้ทันที โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และสามารถโอนข้อมูลต่าง ๆ ไปได้ รวมถึงการซื้อต่าง ๆ บนเกมด้วย[59]
มาพร้อมกับการบริการสตรีมมิ่งและสังคมออนไลน์เกมมิ่งอย่าง Mixer (ชื่อเดิม Beam) ที่สามารถถ่ายทอดสด และแชร์ให้คนอื่น ๆ ดูได้
ระบบอัปเดต
Windows 10 มาพร้อมกับระบบอัปเดตอัตโนมัติกับเว็บของไมโครซอฟท์ พร้อมทั้งนี้ จะมีการอัปเดตต่อไป ในขณะที่มีการเชื่อมต่อผ่านข้อมูลเซลลูล่าร์ สามารถดาวโหลดผ่านเว็บไมโครซอฟท์ได้[60][61]
Remove ads
รายการอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads