คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ

องค์กรตุลาการหลักของสหประชาชาติ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
Remove ads

ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (อังกฤษ: International Court of Justice: ICJ) หรือเรียกลำลองว่า ศาลโลก (อังกฤษ: World Court) เป็นศาลระหว่างประเทศเพียงแห่งเดียวที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษากรณีพิพาทโดยทั่วไประหว่างประเทศต่าง ๆ และมีอำนาจให้ความเห็นเชิงปรึกษาในประเด็นทางกฎหมายระหว่างประเทศ ศาลแห่งนี้เป็นหนึ่งในองค์กรทั้ง 6 ของสหประชาชาติ[2] มีที่ตั้งอยู่ ณ วังสันติภาพ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และเป็นหน่วยงานเดียวของสหประชาชาติที่มิได้ตั้งอยู่ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา[3]

ข้อมูลเบื้องต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ, สถาปนา ...

ศาลแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1945 ด้วยกฎบัตรสหประชาชาติ ทำหน้าที่สืบต่อจากศาลสถิตยุติธรรมระหว่างประเทศที่ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1922 และยุติบทบาทไปพร้อมกับสันนิบาตชาติ กฎหมายหลักของศาลแห่งนี้คือธรรมนูญศาลยุติธรรมระหว่างประเทศซึ่งกำหนดวัตถุประสงค์และโครงสร้างของศาล รัฐสมาชิกสหประชาชาติทุกรัฐเป็นภาคีธรรมนูญดังกล่าวโดยอัตโนมัติและมีสิทธินำกรณีพิพาทมาฟ้องต่อศาลได้ แต่การขอความเห็นเชิงปรึกษาจากศาลนั้นเป็นอำนาจขององค์กรต่าง ๆ ของสหประชาชาติและทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติเท่านั้น

ศาลแห่งนี้มีผู้พิพากษา 15 คนซึ่งล้วนมาจากการเลือกตั้งของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียวเป็นเวลา 9 ปี และต้องไม่มีสัญชาติซ้ำกัน นอกจากนี้ผู้พิพากษาทั้งหมดยังต้องเป็นตัวแทนของอารยธรรมและระบบกฎหมายหลักของโลก ภาษาที่ใช้ในการปฏิบัติงานของศาลคือภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส

คดีแรกที่ฟ้องต่อศาลแห่งนี้คือคดีช่องแคบคอร์ฟูซึ่งฟ้องเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1947 นับแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2023 ศาลได้ทำคดีมาแล้ว 191 คดี[4] ตามธรรมนูญศาล คำพิพากษาและความเห็นของศาลมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเท่านั้น และไม่อาจอุทธรณ์ได้[5]

Remove ads

คำวิพากษ์วิจารณ์

สรุป
มุมมอง

ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคำพิพากษา วิธีพิจารณาคดี และอำนาจหน้าที่ของศาล ทำนองเดียวกับที่สหประชาชาติถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดยผู้วิพากษ์วิจารณ์และฝ่ายตรงข้ามศาลนั้นมุ่งเน้นในเรื่องอำนาจหน้าที่โดยทั่วไปที่รัฐสมาชิกมอบหมายให้แก่ศาลไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ มากกว่าจะว่าด้วยปัญหาอันเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับองค์ประกอบหรือคำพิพากษาของผู้พิพากษา คำวิพากษ์วิจารณ์หลัก ๆ นั้นรวมถึงเรื่องดังต่อไปนี้[6][7][8]

  • เขตอำนาจเชิงบังคับของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจำกัดอยู่เพียงคดีที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงกันนำมาให้ตัดสิน ดังนั้นกรณีเกี่ยวกับการรุกรานจึงมักจะบานปลายและตกเป็นหน้าที่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่จะต้องตัดสินแทน นอกจากนี้แม้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะมีผลผูกพันรัฐต่าง ๆ แต่ก็ไม่อาจบังคับตามคำพิพากษาได้ถ้ารัฐเหล่านั้นไม่เห็นชอบหรือยอมปฏิบัติตามด้วย[9][10]
  • ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศไม่มีการแบ่งแยกอำนาจอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสามารถยับยั้งการบังคับคดีได้ แม้เป็นคดีที่ตนได้ยินยอมว่าจะผูกพันด้วยแล้วก็ตาม[11][12] อนึ่งด้วยเหตุที่เขตอำนาจของศาลไม่มีอำนาจผูกพันอยู่ในตัว จึงมีหลายคดีที่ต้องนำกรณีเกี่ยวกับการรุกรานไปให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติตัดสินแทนผ่านการลงมติ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่สมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบตามกฎหมายดังที่ศาลกำหนด ซึ่งก็ได้ปรากฏตัวอย่างมาแล้วในคดีระหว่างนิการากัวกับสหรัฐ[13]
  • ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศถูกกล่าวหาว่าจำกัดอำนาจตนเอง โดยมักพิพากษายกคำฟ้องและงดวินิจฉัยในเนื้อหากรณีพิพาทของคู่ความด้วยเหตุผลเกี่ยวกับเขตอำนาจ[14]
  • ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศถูกกล่าวหาว่าแสดงความไม่เป็นกลางทางการเมือง งานวิจัยในอดีตพบ "หลักฐานอันหนักแน่น" ว่าผู้พิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ "เอื้อประโยชน์ให้แก่ประเทศที่แต่งตั้งตนขึ้นมา" "เอื้อประโยชน์ให้แก่ประเทศที่มีความมั่งคั่งในระดับใกล้เคียงกับประเทศของผู้พิพากษาเอง" และ "เอื้อประโยชน์ให้แก่ประเทศที่มีระบบทางการเมืองคล้ายคลึงกับในประเทศของผู้พิพากษาเอง"[15]
Remove ads

ระเบียงภาพ

อ้างอิง

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads