คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
สนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์ ค.ศ. 1833
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
สนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์ ค.ศ. 1833 หรือเรียกว่า สนธิสัญญาโรเบิตส์ เป็นสนธิสัญญาฉบับแรกที่กรุงรัตนโกสินทร์ลงนามกับสหรัฐ และเป็นฉบับแรกที่ประเทศในทวีปเอเชียลงนามกับสหรัฐ[1] มีการลงนามเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2376
Remove ads
เบื้องหลัง
ในการเจรจาทำสนธิสัญญา แอนดรูว์ แจ็คสัน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ส่งเอ็ดมันด์ โรเบิตส์มายังกรุงรัตนโกสินทร์ในตำแหน่งอัครราชทูต (minister) นับเป็นทูตอเมริกันคนแรก[1] บนเรือรบอเมริกันพีค็อก ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2376 ระหว่างที่โรเบิตส์เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนี้เองที่กรุงรัตนโกสินทร์และสหรัฐสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2376[2]
ในการเจรจาทางการทูตระหว่างทั้งสองฝ่าย ได้มีการแลกเปลี่ยนบรรณาการระหว่างรัฐต่อรัฐ เนื่องจากเรือที่นำบรรณาการจากประธานาธิบดีสหรัฐไม่ทันกำหนด โรเบิตส์จึงได้ถวายสินค้าจากเมืองจีนไปก่อน ส่วนของที่โรเบิตส์ได้รับพระราชทานแทนประธานาธิบดีสหรัฐนั้น โรเบิตส์ได้บันทึกว่า
"เมื่อวาน และวันนี้ได้รับสิ่งของพระราชทาน ผ่านเจ้าพระยาคลัง ดังนี้ งาช้าง น้ำตาล น้ำตาลปึก พริกไทย กระวาน รงทอง ไม้กฤษณา ไม้ฝาง และคราม"[1]
ในการเตรียมการต้อนรับทูตต่างประเทศ มีบันทึกว่าเป็นหน้าที่ของกรมท่า กรมพระตำรวจ กรมพระคลังวิเศษ กรมพระคลังในซ้าย กรมรักษาพระองค์ กรมกลาโหม กรมพระนครบาล กรมนา กรมพระคลัง กรมมหาดไทย และกรมวัง[3]
Remove ads
เนื้อหา
เนื้อหาของหนังสือสัญญาไมตรีและข้อตกลงด้านการค้าส่วนใหญ่เหมือนกับสนธิสัญญาเบอร์นีที่อังกฤษได้ทำไว้ก่อนหน้า แต่สหรัฐได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่าอังกฤษ โดยที่ "นานไปเบื้องน่าฝรั่งชาติใด ภาษาใดนอกจากชาติโปรตุเกศ จะขอเข้ามาตั้งกงสุล ณ กรุงเทพฯ ถ้ากรุงเทพฯ โปรดให้จัดตั้ง ชาติอเมริกันจะตั้งกุงสุลตามฝรั่งชาติซึ่งโปรดนั้น"[4]
นอกจากนี้ ไทยยังสามารถเก็บค่าธรรมเนียมบรรทุกสินค้าเข้ามาขายในอัตราวาละ 1,700 บาท หรือเรือเปล่า วาละ 1,500 บาท โดยเป็นการเก็บครั้งเดียว ไม่มีการเก็บภาษีอากรอย่างอื่นอีก แต่ข้อตกลงดังกล่าวยังเกิดประโยชน์แก่สหรัฐน้อย จึงได้มีการส่งทูตเข้ามาขอแก้ไข[5]
Remove ads
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads