สัก กอแสงเรือง

สัก กอแสงเรือง (เกิด 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2484) ปัจจุบันเป็นประธาน มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (P-NET) กรรมการ มูลนิธินิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รองประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์และวิทยากรรับเชิญ เคยเป็นนายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์หลายสมัย เคยเป็นนายกและเลขานุการสมาคมฮกเกี้ยนแห่งประเทศไทย เคยเป็นกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ได้รับการแต่งตั้ง ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 30 เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2549

สัก กอแสงเรือง ม.ป.ช., ม.ว.ม.
สมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร
ดำรงตำแหน่ง 22 มีนาคม พ.ศ. 2543 – 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 (5 ปี 11 เดือน 27 วัน)
สมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา
ดำรงตำแหน่ง 12 เมษายน พ.ศ. 2554 – 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 (1 ปี 3 เดือน 20 วัน)
นายกสภาทนายความ
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2553 – พ.ศ. 2556
ก่อนหน้า	เดชอุดม ไกรฤทธิ์
ถัดไป	เดชอุดม ไกรฤทธิ์
ดำรงตำแหน่ง พ.ศ. 2541 – พ.ศ. 2547
ก่อนหน้า	เกษม สรศักดิ์เกษม
ถัดไป	เดชอุดม ไกรฤทธิ์
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด	15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2484 (83 ปี) ประเทศสยาม

ประวัติ

สัก กอแสงเรือง เริ่มการศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนวัดสิงห์ หรือ โรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ หรืออีกชื่อหนึ่งว่าโรงเรียนสิงหราชพิทยาคม จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้รับประกาศนียบัตรทางกฎหมาย เนติบัณฑิตไทย อดีตนายกสภาทนายความ อดีตเลขาธิการเนติบัณฑิตยสภา เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานครจากการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2543

ได้รับเลือกให้เป็น สว. ในแบบสรรหาเมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554^{[1] [2]}

ในวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการ มูลนิธินิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

การพ้นจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555 คณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มีมติให้เพิกถอนสักออกจากตำแหน่ง สว.สรรหา และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลังพ้นจากวาระการเป็น สว.ครั้งแรกไม่ถึง 5 ปี โดย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้เข้ารับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหา สว. เป็นผู้ยื่นคำร้อง^[3]

สักพ้นจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 จากคำพิพากษาศาลฎีกา และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ^[4]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

• พ.ศ. 2550 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)^[5]
• พ.ศ. 2548 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)^[6]