สัตว์
สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สัตว์ (อังกฤษ: animal) เป็นสิ่งมีชีวิตยูแคริโอตหลายเซลล์ที่ประกอบกันขึ้นเป็นอาณาจักรสัตว์ (Animalia) สัตว์เกือบทั้งหมดบริโภคอินทรียวัตถุ หายใจด้วยออกซิเจน สามารถเคลื่อนไหวได้เอง สามารถสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศได้ และเติบโตจากเซลล์ทรงกลมกลวงในช่วงการเกิดเอ็มบริโอ มีสปีชีส์สัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่มากกว่า 1.5 ล้านสปีชีส์ที่ได้รับการบรรยายลักษณะแล้ว ประมาณ 1 ล้านในจำนวนนี้เป็นแมลง แต่ก็มีการประมาณจำนวนสปีชีส์ของสัตว์ทั้งหมดที่ 7 ล้านสปีชีส์ สัตว์มีขนาดได้ตั้งแต่ 8.5 ไมโครเมตรไปจนถึง 33.6 เมตร (110 ฟุต) สัตว์มีปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนต่อสัตว์อื่นและสภาพแวดล้อม ทำให้เกิดเป็นสายใยอาหารที่สลับซับซ้อนได้ อาณาจักร Animalia รวมมนุษย์ไปด้วย แต่คำว่า "สัตว์" โดยทั่วไปนั้นมักหมายถึงสัตว์อื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ การศึกษาสัตว์ที่ไม่ใช่มนุษย์นั้นเรียกว่าสัตววิทยา
สัตว์ ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: กลางยุคไครโอเจเนียน–ปัจจุบัน, 665–0Ma | |
---|---|
![]() | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
โดเมน: | ยูแคริโอตา Eukaryota |
เคลด: | อะมอร์เฟีย Amorphea |
เคลด: | โอบาซัว Obazoa |
ไม่ได้จัดลำดับ: | โอพิสโธคอนตา Opisthokonta |
ไม่ได้จัดลำดับ: | โฮโลซัว Holozoa |
ไม่ได้จัดลำดับ: | ไฟโลซัว Filozoa |
อาณาจักร: | สัตว์ Animalia Linnaeus, 1758 |
Subdivisions | |
| |
ชื่อพ้อง | |
สปีชีส์สัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ส่วนมากอยู่ในกลุ่มไบลาทีเรีย ซึ่งเป็นเคลดที่แผนกายของสมาชิกมีสมมาตรด้านข้าง ไบลาทีเรียประกอบด้วยสัตว์จำพวกโพรโทสโทเมีย อันประกอบด้วยสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังหลายกลุ่ม เช่น นีมาโทดา สัตว์ขาปล้อง หนอนตัวแบน มอลลัสกา เป็นต้น และสัตว์จำพวกดิวเทอโรสโทเมีย อันประกอบไปด้วยอิคีเนอเดอร์เมอเทอและสัตว์มีแกนสันหลังที่รวมสัตว์มีกระดูกสันหลังด้วย สิ่งมีชีวิตที่จัดว่าเป็นสัตว์ยุคแรกนั้นปรากฏขึ้นครั้งแรกในกลุ่มสิ่งมีชีวิตยุคอีดีแครัน (Edicaran biota) แห่งพรีแคมเบรียนตอนปลาย ไฟลัมของสัตว์ยุคปัจจุบันจำนวนมากมีซากดึกดำบรรพ์ระบุว่าเคยเป็นสปีชีส์น้ำมาก่อนในช่วงการระเบิดยุคแคมเบรียน เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 542 ล้านปีก่อน มีการพบกลุ่มยีนจำนวน 6,331 กลุ่มที่ปรากฏร่วมกันในสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมด ลักษณะดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจากบรรพบุรุษร่วมกันของสัตว์ที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 650 ล้านปีก่อน
ในอดีต อริสโตเติลจำแนกสัตว์ออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่มีเลือดและไม่มีเลือด คาร์ล ลินเนียสสร้างการจำแนกสิ่งมีชีวิตอย่างเป็นลำดับเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2301 ด้วยผลงาน Systema Naturae ของเขา ซึ่งต่อมาฌ็อง-บาติส ลามาร์กขยายเพิ่มเป็น 14 ไฟลัมในปี พ.ศ. 2352 ในปี พ.ศ. 2417 แอ็นสท์ แฮเคิลแบ่งอาณาจักรสัตว์ออกเป็นเมทาซัวหลายเซลล์ (พ้องกับ Animalia) และโพรโทซัว อันเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวที่ไม่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นสัตว์อีกต่อไป ในยุคปัจจุบัน การจำแนกประเภทของสัตว์ขึ้นอยู่กับวิธีการขั้นสูง เช่น วิวัฒนาการชาติพันธุ์เชิงโมเลกุล (Molecular phylogenetics) ซึ่งสามารถแสดงความสัมพันธ์เชิงวิวัฒนาการระหว่างสัตว์แต่ละชนิดได้อย่างดี
มนุษย์นำสัตว์มาใช้ประโยชน์ในหลากหลายด้าน เช่น นำมาบริโภคเป็นอาหาร (รวมทั้งเนื้อสัตว์ นม และไข่) นำมาใช้เป็นวัสดุ (เช่น หนังสัตว์ ขนสัตว์ เป็นต้น) และนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับขนส่งหรือใช้แรงงาน เป็นต้น มนุษย์นำสุนัขมาใช้ในการล่าสัตว์ขณะที่มีสัตว์บกและสัตว์น้ำจำนวนมากถูกล่าเป็นกีฬา สัตว์ที่ไม่ใช่มนุษย์ปรากฏในงานศิลปะตั้งแต่ยุคเริ่มแรกของมนุษย์ และยังปรากฏในปรัมปราวิทยาและศาสนาด้วย
รากศัพท์
คำว่า "สัตว์" มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตว่า सत्त्व (สตฺตฺว) แปลว่าความเป็น[4]
คำว่า "animal" ในภาษาอังกฤษมีรากศัพท์มาจากภาษาละตินว่า animalis แปลว่ามีลมหายใจ มีวิญญาณ หรือสิ่งมีชีวิต[5] ส่วนนิยามในทางชีววิทยานั้นหมายถึงทุกสมาชิกในอาณาจักร Animalia[6] แต่เมื่อใช้โดยทั่วไป คำว่า "สัตว์" บางครั้งหมายถึงแค่สัตว์อื่นที่ไม่ใช่มนุษย์ อันเป็นผลมาจากแนวคิดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง[7][8][9][10]
ลักษณะ
สรุป
มุมมอง
สัตว์มีลักษณะหลายประการที่จำแนกชัดเจนจากสิ่งมีชีวิตอื่น สัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตยูแคริโอตและหลายเซลล์[11][12] ต่างจากแบคทีเรียที่เป็นโพรแคริโอต ต่างจากโพรทิสตาที่เป็นยูแคริโอตแต่เป็นเซลล์เดียว และต่างจากพืชและสาหร่ายที่สามารถสร้างอาหารได้เอง[13] แต่สัตว์นั้นเป็นเฮเทโรทรอพ[12][14] กล่าวคือต้องรับอาหารจากแหล่งอื่นมาย่อยสลายภายใน[15] สัตว์เกือบทั้งหมดหายใจด้วยออกซิเจน[16] สัตว์ทั้งหมดเคลื่อนไหวได้เอง[17] (สามารถขยับร่างกายได้โดยธรรมชาติ) อย่างน้อยในช่วงหนึ่งของวัฎจักรชีวิต แต่ในสัตว์บางชนิด ได้แก่ ฟองน้ำ ปะการัง หอยแมลงภู่ และเพรียง มักจะเกาะอยู่กับที่ในช่วงหลังของชีวิต บลาสตูลาเป็นระยะหนึ่งในช่วงการเกิดเอ็มบริโอที่เป็นเอกลักษณ์ของสัตว์ส่วนใหญ่[18] อันเป็นกระบวนการที่ทำให้เซลล์สามารถเปลี่ยนสภาพไปเป็นเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ได้
โครงสร้าง
สัตว์ทั้งหมดประกอบขึ้นจากเซลล์ที่ล้อมไปด้วยสารเคลือบเซลล์ต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นจากคอลลาเจนและไกลโคโปรตีนที่ยืดหยุ่น[19] ระหว่างการเจริญเติบโต สารเคลือบเซลล์ของสัตว์ก่อตัวเป็นโครงร่างที่ค่อนข้างยืดหยุ่น เซลล์สามารถขยับและจัดเรียงตัวเองใหม่ได้ ทำให้โครงสร้างที่ซับซ้อนสามารถก่อตัวขึ้นได้ โครงร่างนี้สามารถแข็งตัวขึ้นและกลายเป็นโครงร่างเปลือก กระดูก หรือ ขวาก[20] ในทางกลับกัน เซลล์ของสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์อื่น (สาหร่าย พืช และเห็ดราเป็นหลัก) จะยึดอยู่กับที่ด้วยผนังเซลล์ และพัฒนาขึ้นระหว่างการเจริญเติบโตเรื่อย ๆ[21] เซลล์สัตว์มีรอยต่อระหว่างเซลล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ ไทต์ จังก์ชัน แกบจังก์ชัน และเดสโมโซม[22]
ร่างกายของสัตว์ส่วนมาก ยกเว้นฟองน้ำและพลาโคซัว แยกออกเป็นเนื้อเยื่อต่าง ๆ [23] รวมถึงกล้ามเนื้อที่ทำให้เคลื่อนไหวได้ และเนื้อเยื่อประสาทที่ถ่ายทอดสัญญาณและควบคุมร่างกาย โดยปกตินั้นจะมีห้องย่อยอาหารภายใน ไม่ว่าจะมีทางเข้าเดียว (อย่างในทีโนโฟรา ไนดาเรีย และหนอนตัวแบน) หรือสองทางเข้า (อย่างในไบลาทีเรียส่วนใหญ่)[24]
การสืบพันธุ์และการเจริญเติบโต

สัตว์เกือบทั้งหมดสืบพันธุ์โดยอาศัยเพศ[25] สัตว์เหล่านี้จะสร้างเซลล์สืบพันธุ์แฮพล็อยด์สองชนิดจากไมโอซิส อันได้แก่สเพอร์แมโทซูน เซลล์สืบพันธุ์ขนาดเล็กที่เคลื่อนไหวเองได้ และเซลล์ไข่ที่มีขนาดใหญ่กว่าและเคลื่อนไหวเองไม่ได้[26] สองเซลล์นี้จะรวมตัวกันเป็นไซโกต[27] ที่เจริญเติบโตขึ้นด้วยไมโอซิสอยู่ภายในทรงกลมกลวง เรียกว่า บลาสตูลา ในฟองน้ำ ตัวอ่อนบลาสตูลาจะว่ายน้ำไปสู่ตำแหน่งใหม่ ยึดติดกับก้นทะเล และเจริญเติบโตกลายเป็นฟองน้ำตัวใหม่[28] ในสัตว์กลุ่มอื่น ๆ ส่วนใหญ่ บลาสตูลาจะเข้าสู่การจัดเรียงใหม่ที่ซับซ้อนมากขึ้น[29] เริ่มแรกมันจะบุ๋มลงไป เกิดเป็นแกสตรูลาที่มีห้องย่อยอาหารและเนื้อเยื่อคัพภะสองชั้น ได้แก่ เอ็กโทเดิร์มอยู่ด้านนอก และเอนโดเดิร์มอยู่ด้านใน[30] ในกรณีส่วนใหญ่นั้น ชั้นที่สามที่เรียกว่า เมโซเดิร์ม จะเจริญขึ้นระหว่างสองชั้นนั้น[31] เนื้อเยื่อคัพภะเหล่านี้ภายหลังจะเปลี่ยนสภาพไปเป็นเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ[32]
กรณีซ้ำ ๆ ของการผสมพันธุ์โดยอาศัยเพศระหว่างสายเลือดเดียวกันโดยปกติจะนำไปสู่ความเสื่อมโทรมทางสายเลือดภายในกลุ่มประชากร เนื่องจากความชุกที่เพิ่มขึ้นของลักษณะด้อยอันตราย[33][34] สัตว์ได้วิวัฒนาการกลไกจำนวนมากเพื่อหลีกเลี่ยงการผสมพันธุ์ระหว่างสายเลือดที่ใกล้ชิดกัน[35] ในบางสปีชีส์ เช่น Malurus splendens ตัวเมียจะผสมพันธุ์กับตัวผู้หลายตัว ทำให้เกิดรุ่นลูกที่มีคุณภาพทางพันธุกรรมมากขึ้น[36]
สัตว์บางชนิดสามารถสืบพันธุ์โดยไม่อาศัยเพศ ซึ่งมักก่อให้เกิดการโคลนของพันธุกรรมรุ่นพ่อแม่ การสืบพันธุ์ในลักษณะนี้อาจเกิดได้จากการขาดออกเป็นท่อน การแตกหน่อดังเช่นในไฮดราและไนดาเรียอื่น ๆ หรือไม่ผสมพันธุ์เลยโดยไข่ซึ่งเจริญพันธุ์แล้วไม่ได้ผ่านการผสมพันธุ์ดังเช่นในเพลี้ยอ่อน[37][38]
ความหลากหลาย
สรุป
มุมมอง
ขนาด
วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) เป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีน้ำหนักได้ถึง 190 ตัน และมีความยาวได้ถึง 33.6 เมตร (110 ฟุต)[39][40] สัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบันคือ ช้างแอฟริกันป่า (Loxodonta africana) ซึ่งมีน้ำหนักได้ถึง 12.25 ตัน[39] และมีความยาวได้ถึง 10.67 เมตร (35.0 ฟุต)[39] สำหรับสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยมีชีวิตอยู่คือ ไททันโนซอร์ ไดโนเสาร์ซอโรพอด เช่น Argentinosaurus ซึ่งอาจมีน้ำหนักได้ถึง 73 ตัน และ Supersaurus ซึ่งอาจมีความยาวได้ถึง 39 เมตร[41][42] ขณะที่สัตว์บางชนิดมีขนาดเล็กมาก เช่น มิกโซซัว (ปรสิตภาคบังคับในซีเลนเทอราตา) ซึ่งไม่เคยมีขนาดใหญ่เกินกว่า 20 ไมโครเมตร[43] โดยหนึ่งในสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด (Myxobolus shekel) มีขนาดเพียง 8.5 ไมโครเมตรเมื่อโตเต็มที่[44]
- วาฬสีน้ำเงิน เป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีความยาวได้ถึง 33.6 เมตร (110 ฟุต).
ความหลากหลายของจำนวนและถิ่นที่อยู่อาศัยของไฟลัมหลัก
ตารางต่อไปนี้แสดงจำนวนที่คาดการณ์ของสปีชีส์ที่มีการบรรยายไว้ของไฟลัมสัตว์หลัก ๆ [45] รวมถึงถิ่นที่อยู่อาศัยหลัก (บนบก น้ำจืด[46] และทะเล)[47] และวิถีชีวิตที่อิสระหรือปรสิต[48] จำนวนสปีชีส์ที่คาดการณ์ในที่นี้อ้างอิงจากจำนวนที่ได้รับการบรรยายทางวิทยาศาสตร์; ในขณะที่มีการคาดการณ์ที่ใหญ่กว่ามากที่ถูกคำนวณด้วยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันอย่างมาก ตัวอย่างเช่น มีการบรรยายสปีชีส์ของหนอนตัวกลมประมาณ 25,000–27,000 ชนิด ในขณะที่ประมาณการจำนวนชนิดพันธุ์ทั้งหมดที่เผยแพร่มีตั้งแต่ 10,000–20,000; 500,000; 10 ล้าน; และ 100 ล้าน สปีชีส์[49] การใช้รูปแบบในลำดับชั้นของอนุกรมวิธาน จำนวนสปีชีส์ทั้งหมดของสัตว์—รวมถึงชนิดที่ยังไม่ได้บรรยาย—ถูกคำนวณในปี ค.ศ. 2011 ว่ามีประมาณ 7.77 ล้านชนิด[50][51][a]
ไฟลัม | ตัวอย่าง | สปีชีส์ | บนบก | ทะเล | น้ำจืด | อิสระ | ปรสิต |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Arthropoda | ![]() |
1,257,000[45] | Yes 1,000,000 (แมลง)[53] |
Yes >40,000 (Malac- ostraca)[54] |
Yes 94,000[46] | Yes[47] | Yes >45,000[b][48] |
Mollusca | ![]() |
85,000[45] 107,000[55] |
35,000[55] | 60,000[55] | 5,000[46] 12,000[55] |
Yes[47] | >5,600[48] |
Chordata | ![]() |
>70,000[45][56] | 23,000[57] | 13,000[57] | 18,000[46] 9,000[57] |
Yes | 40 (อันดับปลาหนัง)[58][48] |
Platyhelminthes | ![]() |
29,500[45] | Yes[59] | Yes[47] | 1,300[46] | Yes[47] 3,000–6,500[60] |
>40,000[48] 4,000–25,000[60] |
Nematoda | ![]() |
25,000[45] | Yes (soil)[47] | 4,000[49] | 2,000[46] | 11,000[49] | 14,000[49] |
Annelida | ![]() |
17,000[45] | Yes (soil)[47] | Yes[47] | 1,750[46] | Yes | 400[48] |
Cnidaria | ![]() |
16,000[45] | Yes[47] | Few[47] | Yes[47] | >1,350 (Myxozoa)[48] | |
Porifera | ![]() |
10,800[45] | Yes[47] | 200–300[46] | Yes | Yes[61] | |
Echinodermata | ![]() |
7,500[45] | 7,500[45] | Yes[47] | |||
Bryozoa | ![]() |
6,000[45] | Yes[47] | 60–80[46] | Yes | ||
Rotifera | ![]() |
2,000[45] | >400[62] | 2,000[46] | Yes | Yes[63] | |
Nemertea | ![]() |
1,350[64][65] | Yes | Yes | Yes | ||
Tardigrada | ![]() |
1,335[45] | Yes[66] (พืชชื้น) |
Yes | Yes | Yes | |
จำนวนทั้งหมดของสปีชีส์ที่มีการบรรยายและยังคงมีชีวิตอยู่ ข้อมูลเมื่อ 2024[update]: 1,563,470 (ตามที่ระบุใน Catalogue of Life) |
สายวิวัฒนาการ
สรุป
มุมมอง
สัตว์เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เดียว กล่าวคือสัตว์ทุกชนิดมีบรรพบุรุษร่วมกัน สัตว์เป็น "พี่น้อง" กับโคอาโนแฟลกเจลลาตา ซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นโคอาโนซัว[67] สัตว์แรกเริ่มที่สุดนั้น ได้แก่ ฟองน้ำ ทีโนฟอรา ไนดาเรีย และพลาโคซัว มีแผนกายที่ขาดสมมาตรด้านข้าง ความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์เหล่านี้ยังเป็นที่กังขา กลุ่มพี่น้องของสัตว์อื่นทั้งหมดอาจเป็นฟองน้ำหรือทีโนฟอรา โดยที่ทั้งคู่นั้นขาดยีนฮอกซ์ ซึ่งสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของแผนกาย[68]
ยีนเหล่านี้พบได้ในพลาโคซัว[69][70] และสัตว์ชั้นสูงกว่าอย่างไบลาทีเรีย[71][72] กลุ่มยีนทั้งหมด 6,331 กลุ่มมีร่วมกันในสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกชนิดที่ได้รับการระบุสายพันธุ์แล้ว นี่อาจเกิดขึ้นจากบรรพบุรุษร่วมตัวเดียวกันที่มีชีวิตอยู่เมื่อ 650 ล้านปีก่อนในยุคพรีแคมเบรียน 25 กลุ่มจากกลุ่มยีนเหล่านี้เป็นกลุ่มยืนแกนกลางซึ่งพบได้เฉพาะในสัตว์ 8 ใน 25 กลุ่มนี้เป็นส่วนประกอบจำเป็นของทางส่งสัญญาณแบบดับเบิลยูเอ็นทีและทีจีเอฟ-เบตา ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ทำให้สัตว์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์โดยให้แบบแผนแก่ระบบแกนของร่างกาย (ในสามมิติ) และอีก 7 กลุ่มเป็นแฟกเตอร์ของการถอดรหัส รวมถึงโปรตีนโฮเมโอโดเมนที่มีส่วนในการควบคุมการเจริญเติบโต[73][74]
สายวิวัฒนาการ (เฉพาะของสายหลัก) นี้ระบุจำนวนล้านปีโดยประมาณที่สายวิวัฒนาการนั้นแยกจากกัน[75][76][77][78][79]
Choanozoa |
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
950 mya |
หมายเหตุ
- การประยุกต์ใช้ดีเอ็นเอบาร์โค้ดในอนุกรมวิธานเพิ่มความซับซ้อนให้มากขึ้น; การวิเคราะห์บาร์โค้ดในปี ค.ศ. 2016 คาดการณ์จำนวนสปีชีส์ของแมลงในประเทศแคนาดาเกือบ 100,000 ชนิด และสรุปว่าสปีชีส์ของแมลงทั่วโลกต้องมีมากกว่า 10 ล้านชนิด โดยเกือบ 2 ล้านชนิดอยู่ในวงศ์ของแมลงวันที่รู้จักในชื่อแมลงวันปม (Cecidomyiidae)[52]
- Not including parasitoids.[48]
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.