คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

เกมพันหน้า

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Remove ads

เกมพันหน้า เป็นรายการเกมโชว์ที่พัฒนาต่อจากรายการ แสบคูณสอง โดยเปลี่ยนทั้งชื่อ ฉาก และรูปแบบรายการ รวมทั้งเป็นรายการประเภทเกมโชว์ในลำดับที่ 3 ของ บริษัท ทริปเปิ้ล ทู จำกัด ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และยุติการออกอากาศเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 มีพิธีกร คือ เกียรติ กิจเจริญ , ติ๊ก กลิ่นสี และ ไดอาน่า จงจินตนาการ (2 มกราคม พ.ศ. 2546 - เมษายน พ.ศ. 2547)

ข้อมูลเบื้องต้น เกมพันหน้า, ประเภท ...
Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

รายการเกมพันหน้า เป็นรายการเกมโชว์ลำดับที่ 3 และเป็นรายการโทรทัศน์ลำดับที่ 6 ของบริษัท ทริปเปิ้ล ทู จำกัด ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2544 ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ออกอากาศทุกคืนวันพฤหัสบดี เวลา 22.20 - 23.45 น. เป็นเวลา 75 นาที โดยเป็นเกมโชว์ที่เกี่ยวข้องกับการตอบคำถามเกี่ยวกับความรู้ในสิ่งต่าง ๆ เช่น ไดโนเสาร์ นก กรุงเทพฯ ในอดีต ฯลฯ และเปิดโอกาสให้ผู้ชมทางบ้านสามารถเข้ามาร่วมสนุกโดยการเขียนจดหมายมาสมัครร่วมรายการ หรือสมัครทาง Website ได้อีกด้วย โดยมีเงินรางวัลสูงสุด 1,000,000 บาท

ต่อมาตั้งแต่ 2 มกราคม พ.ศ. 2546 ทางรายการได้นำ ไดอาน่า จงจินตนาการ มาเป็นพิธีกรของรายการเพิ่มอีก 1 คน พร้อมทั้งปรับรูปแบบเกมใหม่ จากการตอบคำถามความรู้ในสิ่งต่าง ๆ มาเป็นการทายเรื่องราวจากญาติของดารารับเชิญ รวมถึงไม่มีการแจกเงินรางวัล 1,000,000 บาท แต่เป็นการนำเงินสะสมทั้งหมดให้กับผู้ที่ชนะในรอบสุดท้าย ต่อมาตั้งแต่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2546 ได้ย้ายวันและเวลาการออกอากาศ พร้อมทั้งปรับรูปแบบเกมและฉากใหม่ทั้งหมด พร้อมทั้งลดเวลาเหลือ 60 นาที ในวันอาทิตย์ เวลา 12.15 - 13.15 น. และเวลา 12.00 - 13.00 น. ตามลำดับ และยุติการออกอากาศในวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547 โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการมาเป็น เกมพันหน้า เอื้ออาทร, เกมพันหน้า เดอะฮีโร่, เกมพันหน้า ซูเปอร์เซเว่น และเกมพันหน้า ป๋าจัดไป ตามลำดับ

Remove ads

พิธีกรและนักแสดงในรายการ

พิธีกรหลัก

ข้อมูลเพิ่มเติม สมาชิก, ชื่อในวงการ ...

นักแสดงประจำรายการ

ข้อมูลเพิ่มเติม สมาชิก, ชื่อในวงการ ...
Remove ads

วันและเวลาออกอากาศ

ข้อมูลเพิ่มเติม สถานีโทรทัศน์ที่ออกอากาศ, วัน ...

ผู้เข้าแข่งขัน

ในเกมพันหน้ายุคแรกนั้นจะมีผู้เข้าแข่งขันเป็นดารารับเชิญ 3 คนต่อสัปดาห์ และ เซียนพันหน้าจากทางบ้านอีก 5 คน โดยดารารับเชิญจะต้องเลือกเซียนพันหน้า 1 คนไปเป็นที่ปรึกษาให้ดาราในการตอบคำถาม และหา 1 ทีมเพื่อเข้ารอบ Jackpot ต่อมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2545 เปลี่ยนเป็นดารารับเชิญ 3 คน ผู้เข้าแข่งขันจากทางบ้าน 3 คน ต่อมามีผู้เข้าแข่งขันเป็นดารารับเชิญ 3 คนต่อสัปดาห์และหา 1 คนที่จะได้รับเงินรางวัลสะสมกลับไป และในช่วงวันที่ 1 มิถุนายน 2546 - 26 ธันวาคม 2547 ได้ปรับเปลี่ยนเป็นดารารับเชิญ 1 คน และผู้เข้าแข่งขันทางบ้านอีก 50 คน ผู้เข้าแข่งขันที่ตอบผิดในแต่ละข้อรอบใดๆ จะต้องตกรอบไป และเชิญดาราในช่วงต้นรายการเพื่อเล่นเกมทายใจดารา ผู้เข้าแข่งขันที่ยังเหลืออยู่จะได้รับเงินรางวัลที่สะสมมาแบ่งกันกลับบ้านไป

Remove ads

ช่วงต่าง ๆ ของรายการ

ช่วงต่าง ๆ ของรายการเกมพันหน้า จะแบ่งเป็น 4 ช่วงหลัก ๆ โดยจะเปลี่ยนแปลงตามรูปแบบของรายการและปีที่ออกอากาศ ดังนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม ชื่อ, ช่วงปี ...
Remove ads

เกมในเกมพันหน้า

สรุป
มุมมอง

ในส่วนของเกมการแข่งขันในรายการเกมพันหน้านั้น สามารถแบ่งได้เป็น 4 ยุคด้วยกัน คือ ยุคแรก (18 มกราคม 2544 - 7 กุมภาพันธ์ 2545) ยุคที่ 2 (14 กุมภาพันธ์ - 26 ธันวาคม 2545) ยุคที่ 3 (2 มกราคม - 29 พฤษภาคม 2546) และยุคสุดท้าย (1 มิถุนายน 2546 - 26 ธันวาคม 2547) โดยในแต่ละยุคได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเกมในรายการอยู่เรื่อย ๆ รวมทั้งปรับฉากใหม่และเกมใหม่ในยุคสุดท้าย

ยุคแรก (18 มกราคม 2544 - 7 กุมภาพันธ์ 2545)

ละครพันหน้า

ในแต่ละสัปดาห์จะมีละคร 1 เรื่องจากนักแสดง 5 คน คือ เท่ง , ติ๊ก , นุ้ย , แดนนี่ และ กอบโชค (บางสัปดาห์จะมีนักแสดงสมทบเพิ่มเข้ามา หรือในบางสัปดาห์จะมีนักแสดงรับเชิญที่มาแทนนักแสดงหลักที่ติดภารกิจอื่น ๆ) โดยละครในแต่ละสัปดาห์จะมีการปูเรื่องราวถึงหัวข้อที่จะเป็นคำถามในแต่ละสัปดาห์ และจะมีการเปิดตัวผู้เชี่ยวชาญในเรื่องราวที่จะเป็นหัวข้อคำถามในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งทางรายการจะเรียกผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ว่า "เกจิอาจารย์" เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อมาเป็นผู้วิเคราะห์ตัดสินและให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เข้าแข่งขัน จากนั้นพิธีกรจะพูดสรุปถึงสาขาอาชีพที่จะนำมาเป็นปัญหาประจำสัปดาห์ ในส่วนของละครนั้น ความยาวของละครในแต่ละตอนจะอยู่ที่ประมาณ 15 - 30 นาที แล้วแต่เรื่องที่จะนำมาแสดงกัน

เซียนพันหน้า , ตอบคำถามช่วงที่ 1

ในแต่ละสัปดาห์ก่อนที่จะเล่นเกม จะมีผู้เข้าแข่งขันจากทางบ้านที่สมัครมาร่วมเล่นเกมในรายการจำนวน 5 คน โดยทางรายการจะเรียกว่า "เซียนพันหน้า" หลังจากเซียนพันหน้าแนะนำตัวครบทั้ง 5 คนแล้ว ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแย่งกันกดปุ่มไฟ เมื่อไฟติดที่ใคร ผู้เข้าแข่งขันจะได้สิทธิ์เลือกเซียนพันหน้าก่อน โดยทำแบบนี้จนครบ 3 คน และจากนั้นพิธีกรจะถามคำถามโดยมีคำถาม 5 ข้อ (ต่อมาแบ่งเป็นช่วงละ 4 ข้อ) ข้อละ 1 คะแนน โดยใน 1 ข้อ มีตัวเลือกให้เลือก 4 ตัวเลือก ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแย่งกันกดปุ่มไฟ เมื่อไฟติดที่ใคร ผู้เข้าแข่งขันและเซียนพันหน้าจะได้สิทธิ์ในการตอบและอธิบายว่าทำไมถึงตอบตัวเลือกนี้ เมื่อตอบออกมาแล้ว เกจิอาจารย์จะเป็นผู้เฉลยคำตอบว่าคำตอบนี้ "ถูก" หรือ "ผิด" หากตอบถูกจะได้รับ 1 คะแนน หากตอบผิดจะไม่ได้คะแนนในข้อนี้ และเกจิอาจารย์จะเฉลยว่าตัวเลือกไหนเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง และเมื่อถึงข้อต่อไปผู้เข้าแข่งขันจะต้องแย่งกันกดปุ่มไฟอีกครั้ง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 5 ข้อ และในระหว่างนั้นเซียนพันหน้าที่ไม่ได้ถูกเลือกอีก 2 คนจะทำหน้าที่เสนอตัวเองให้ดารารับเชิญเลือกเข้าไปเป็นที่ปรึกษาในการตอบ

ทั้งนี้หากหากต้องการเปลี่ยนตัวเซียนพันหน้าสามารถเปลี่ยนได้ 1 ครั้ง และไม่เสียคะแนนใด ๆ แต่ถ้าต้องการแลกตัวเซียนพันหน้ากับทีมอื่น จะต้องยกคะแนนให้ฝ่ายตรงข้ามตามที่ต้องการ เมื่อครบ 5 ข้อจะมีการเปิดป้ายเพื่อสะสมคะแนนในรอบที่ 1 ทีมใดได้คะแนนรวมน้อยที่สุดจะตกรอบทันที และได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท

ตอบคำถามช่วงที่ 2

กติกา คือ คำถามในรอบนี้จะมี 3 ข้อ (ต่อมาคำถามจะเพิ่มเป็น 4 ข้อ) ข้อละ 2 คะแนน โดยในคำถาม 1 ข้อ จะมีตัวเลือกให้เลือก 4 ตัวเลือก โดยคำถามในรอบนี้จะยากกว่ารอบที่ 1 ซึ่งจะมีภาพประกอบ ภาพ VTR หรือจะเป็นการฟังเสียง โดยเฉพาะหมวดคำถามที่เกี่ยวกับสัตว์ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแย่งกันกดปุ่มไฟ เมื่อไฟติดที่ใคร ผู้เข้าแข่งขันและเซียนพันหน้าจะได้สิทธิในการตอบ เมื่อตอบแล้ว เกจิอาจารย์จะเป็นผู้เฉลยคำตอบ และเมื่อถึงข้อต่อไปผู้เข้าแข่งขันจะต้องแย่งกันกดปุ่มไฟอีกครั้ง ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนครบ 3 ข้อ และเซียนพันหน้าท่านที่เหลืออีก 2 คนจะทำหน้าที่เสนอตัวเองให้ดารารับเชิญเลือกเข้าไปเป็นที่ปรึกษาในการตอบ ทั้งนี้หากหากต้องการเปลี่ยนตัวเซียนพันหน้า จะต้องเสียคะแนน 1 คะแนน และหากต้องการแลกตัวเซียนพันหน้ากับคู่อื่น จะต้องเสีย 1 คะแนนให้ฝ่ายตรงข้าม เมื่อครบ 3 ข้อจะมีการเปิดป้ายเพื่อสะสมคะแนน ทีมใดได้คะแนนรวมมากที่สุดจะเข้ารอบ Jackpot ทันที โดยมีเงินรางวัลสะสมเพื่อทบยอดกับรอบ Jackpot 40,000 บาท ส่วนทีมใดได้คะแนนรวมน้อยที่สุดจะได้รับเงินรางวัลคนละ 15,000 บาทรวมทั้งหมด 30,000 บาท และเซียนพันหน้าที่ยังเหลืออยู่ 2 ท่านจะได้รับเงินรางวัลคนละ 5,000 บาท

ยุคที่ 2 (14 กุมภาพันธ์ - 26 ธันวาคม 2545)

ละครพันหน้า

ในแต่ละสัปดาห์จะมีละคร 1 เรื่องจากนักแสดง 5 คน คือ เท่ง , ติ๊ก , นุ้ย , แดนนี่ และ กอบโชค (บางสัปดาห์จะมีนักแสดงรับเชิญที่มาแทนนักแสดงหลักที่ติดภารกิจอื่น ๆ) โดยละครในแต่ละสัปดาห์จะมีการปูเรื่องราวถึงหัวข้อที่จะเป็นคำถามในแต่ละสัปดาห์ และจะมีการเปิดตัวผู้เชี่ยวชาญในเรื่องราวที่จะเป็นหัวข้อคำถามในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งทางรายการจะเรียกผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ว่า "เกจิอาจารย์" เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อมาเป็นผู้วิเคราะห์ตัดสินและให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เข้าแข่งขัน จากนั้นพิธีกรจะพูดสรุปถึงสาขาอาชีพที่จะนำมาเป็นปัญหาประจำสัปดาห์ ในส่วนของละครนั้น ความยาวของละครในแต่ละตอนจะอยู่ที่ประมาณ 15 - 30 นาที แล้วแต่เรื่องที่จะนำมาแสดงกัน

เซียนพันหน้า , ตอบคำถามช่วงที่ 1

ในแต่ละสัปดาห์ก่อนที่จะเล่นเกม จะมีผู้เข้าแข่งขันจากทางบ้านที่สมัครมาร่วมเล่นเกมในรายการจำนวน 3 คน โดยทางรายการจะเรียกว่า "เซียนพันหน้า" หลังจากเซียนพันหน้าแนะนำตัวครบทั้ง 3 คนแล้ว ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแย่งกันกดปุ่มไฟ เมื่อไฟติดที่ใคร ผู้เข้าแข่งขันจะได้สิทธิ์เลือกเซียนพันหน้าก่อน โดยทำแบบนี้จนครบ 3 คน และเริ่มแข่งขันในลำดับต่อไป แต่ในยุคนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเล็กน้อย โดยลดคำถามจาก 8 ข้อ เหลือเพียง 4 ข้อ โดยในคำถาม 1 ข้อ จะมีตัวเลือกให้เลือก 4 ตัวเลือกเหมือนเดิม โดยแบ่งเป็นช่วงละ 2 ข้อ และเปลี่ยนกติกาโดยพิธีกรจะถามคำถาม ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแย่งกันกดปุ่มไฟ เมื่อไฟติดที่ใคร ผู้เข้าแข่งขันและเซียนพันหน้าจะได้สิทธิ์ในการตอบเป็นคนแรก โดยดารารับเชิญจะเป็นผู้มีสิทธิตอบ ดารารับเชิญต้องวิเคราะห์คำตอบเพื่อทำคะแนนให้ตนเอง ขณะเดียวกัน เซียนพันหน้าต้องวิเคราะห์คำตอบของดาราว่า "ถูก" หรือ "ผิด" เพื่อรักษาแท่งผลึกในแท่นของตนเอง ซึ่งจะเป็นเงินรางวัลของตนเองที่จะได้ไป โดยจะมี 10 แท่งผลึกหมายถึงเงินรางวัล 20,000 บาท (แท่งผลึกละ 2,000 บาท) จากนั้นเกจิอาจารย์จะเฉลยคำตอบว่า "ถูก" หรือ "ผิด" หากทีมแรกตอบไม่ถูกจะถูกยึดแท่งผลึกไป อีก 2 ทีมยังมีสิทธิในการตอบ โดยคะแนนจะลดลงตามลำดับ หากคนแรกตอบถูกจะได้ 3 คะแนน คนที่สองตอบถูกจะได้ 2 คะแนน และคนที่สามตอบถูกจะได้ 1 คะแนน และเกจิอาจารย์จะเฉลยว่าใคร "ถูก" หรือ "ผิด"

ตอบคำถามช่วงที่ 2

กติกา คือ คำถามในรอบนี้จะมี 2 ข้อ โดยในคำถาม 1 ข้อ จะมีตัวเลือกให้เลือก 4 ตัวเลือก ผู้เข้าแข่งขันจะต้องแย่งกันกดปุ่มไฟ เมื่อไฟติดที่ใคร ผู้เข้าแข่งขันจะได้สิทธิในการตอบ เมื่อตอบแล้ว เกจิอาจารย์จะเป็นผู้เฉลยคำตอบ ดารารับเชิญต้องวิเคราะห์คำตอบเพื่อทำคะแนนให้ตนเอง ขณะเดียวกัน เซียนพันหน้าต้องวิเคราะห์คำตอบของดาราว่า "ถูก" หรือ "ผิด" เพื่อรักษาแท่งผลึกในแท่นของตนเอง ซึ่งจะเป็นเงินรางวัลของตนเองที่จะได้ไป จากนั้นเกจิอาจารย์จะเฉลยคำตอบว่า "ถูก" หรือ "ผิด" หากทีมแรกตอบไม่ถูกจะถูกยึดแท่งผลึกไป อีก 2 ทีมยังมีสิทธิ์ในการตอบ โดยคะแนนจะลดลงตามลำดับ หากคนแรกตอบถูกจะได้ 2 คะแนน คนที่สองตอบถูกจะได้ 1 คะแนน เมื่อจบเกมในรอบที่ 2 เซียนพันหน้าเหลือจำนวนแท่งผลึกกี่แท่ง จะได้เงินรางวัลตามที่จำนวนแท่งผลึกยังเหลืออยู่ (เช่น หากแท่งผลึกยังเหลืออยู่ 5 แท่ง จะได้เงินรางวัล 10,000 บาท)

ยุคที่ 3 (2 มกราคม - 29 พฤษภาคม 2546)

ละครพันหน้า

ในแต่ละสัปดาห์จะมีละคร 1 เรื่องจากนักแสดง 5 คน คือ เท่ง , ติ๊ก , นุ้ย , แดนนี่ และ กอบโชค (บางสัปดาห์จะมีนักแสดงรับเชิญที่มาแทนนักแสดงหลักที่ติดภารกิจอื่น ๆ) โดยละครในแต่ละสัปดาห์จะมีการปูเรื่องราวต่าง ๆ และจะมีการเปิดตัวดารารับเชิญในแต่ละสัปดาห์ เพื่อที่จะไปเล่นในรอบพบญาติ ในส่วนของละครนั้น ความยาวของละครในแต่ละตอนจะอยู่ที่ประมาณ 15 - 30 นาที แล้วแต่เรื่องที่จะนำมาแสดงกัน

พบญาติ

ในเกมนี้เป็นเกมที่นำเกม แสบพบญาติ จากรายการ แสบคูณสอง มาเล่นอีกครั้ง โดยหลังจากเปิดตัวดารารับเชิญหลังจบละครพันหน้า ทางรายการจะเชิญบุคคลปริศนา ซึ่งอาจเป็นญาติหรือมีความเกี่ยวข้องกับดารารับเชิญ และทายว่า บุคคลปริศนาที่พามานั้น ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม

ยุคสุดท้าย (1 มิถุนายน 2546 - 26 ธันวาคม 2547)

ละครพันหน้า

ในแต่ละสัปดาห์จะมีละคร 1 เรื่องจากนักแสดง 5 คน คือ เท่ง , ติ๊ก , นุ้ย , แดนนี่ และ กอบโชค (บางสัปดาห์จะมีนักแสดงรับเชิญที่มาแทนนักแสดงหลักที่ติดภารกิจอื่น ๆ) โดยละครในแต่ละสัปดาห์จะมีการปูเรื่องราวถึงหัวข้อที่จะเป็นคำถามในแต่ละสัปดาห์ และจะมีการเปิดตัวผู้เชี่ยวชาญในเรื่องราวที่จะเป็นหัวข้อคำถามในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งทางรายการจะเรียกผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ว่า "เกจิอาจารย์" เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อมาเป็นผู้วิเคราะห์ตัดสินและให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เข้าแข่งขัน จากนั้นพิธีกรจะพูดสรุปถึงสาขาอาชีพที่จะนำมาเป็นปัญหาประจำสัปดาห์ ในส่วนของละครนั้น ความยาวของละครในแต่ละตอนจะอยู่ที่ประมาณ 15 - 30 นาที แล้วแต่เรื่องที่จะนำมาแสดงกัน

ตอบคำถามจากเกจิอาจารย์

กติกาในรอบนี้ คือ จะมีคำถาม 2 ข้อ โดยใน 1 ข้อ จะมีตัวเลือกให้เลือก 3 ตัวเลือก วิธีการตอบ คือ ดารารับเชิญจะตอบก่อนว่าตัวเลือกไหนที่เป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง และจากนั้นผู้เข้าแข่งขันทางบ้าน 50 คนจะต้องเลือกนั่งอัฒจรรย์ โดยจะแบ่งเป็นฝั่งชัวร์และฝั่งมั่วนิ่ม โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องวิเคราะห์คำตอบของดารารับเชิญว่าคำตอบที่ดารารับเชิญตอบมานั้น ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม ซึ่งจะนับเป็นจำนวนคนที่ตอบว่า ชัวร์ กี่คน และ มั่วนิ่ม กี่คน จากนั้นเกจิอาจารย์จะเฉลยออกมาว่า คำตอบที่ดารารับเชิญตอบมานั้น ชัวร์ หรือ มั่วนิ่ม โดยผู้ที่ตอบถูกจะได้อยู่ต่อ ส่วนผู้ที่ตอบผิดจะต้องกลับบ้านไป ทั้งนี้ถ้าหากดารารับเชิญตอบถูก (เกจิอาจารย์เฉลยว่า ชัวร์) ดารารับเชิญจะได้รับเงินรางวัลพิเศษข้อละ 10,000 บาท

ทายใจดารา

กติกาในรอบนี้ คือ จะมีคำถาม 2 ข้อ โดยใน 1 ข้อ จะมีตัวเลือกให้เลือก 3 ตัวเลือก โดยแต่ละคำถามจะเป็นคำถามสถานการณ์จำลอง และจะต้องวิเคราะห์ว่า ในคำถามนี้ดารารับเชิญจะแก้สถานการณ์อย่างไร ผู้เข้าแข่งขันทางบ้านที่ยังอยู่จะต้องเลือกนั่งที่อัฒจรรย์หมายเลข 1 , 2 และ 3 ซึ่งเป็นหมายเลขตัวเลือก จากนั้นดารารับเชิญจะเฉลยว่าตัวเลือกไหนที่เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องและเป็นตัวเลือกที่ดารารับเชิญเลือกแก้ไขสถานการณ์นั้น โดยผู้ที่ตอบถูกจะได้อยู่ต่อ ส่วนผู้ที่ตอบผิดจะต้องกลับบ้านไป ทั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันทางบ้านที่ยังเหลืออยู่จนถึงจบรายการ จะได้รับเงินรางวัลที่สะสมมาทั้ง 3 รอบแบ่งกันกลับบ้านไป

รอบสะสมเงินรางวัล

สำหรับรอบสะสมเงินรางวัลนั้นจะมี 3 รอบด้วยกัน โดยเป็นเงินรางวัลสำหรับผู้เข้าแข่งขันทางบ้านที่เหลืออยู่จนถึงรอบสุดท้าย โดยเงินรางวัลนั้นจะนำไปทบยอดทั้ง 3 รอบ และผู้เข้าแข่งขันที่เหลือก็จะแบ่งเงินรางวัลที่สะสมได้กันไป

ตามล่าหา ICI

ในเกมนี้จะคล้ายกับเกมตามล่าเอเลี่ยนในรอบสะสมทองคำของรายการเกมจารชน ปี 2541 - 2543 โดยผู้สนับสนุนหลักในรอบนี้ คือ ผลิตภัณฑ์สี ICI DULUX กติกา คือ จะมีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 12 แผ่นป้าย ซึ่งจะแบ่งเป็นแผ่นป้ายคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์สี ICI DULUX 4 แผ่นป้าย และแผ่นป้ายผลิตภัณฑ์สี ICI DULUX เปล่า ๆ อีก 8 แผ่นป้าย โดยจะมีเงินรางวัลเริ่มต้นที่ 50,000 บาท ดารารับเชิญจะต้องเปิดแผ่นป้ายเพื่อหาแผ่นป้ายคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์สี ICI DULUX ให้ครบทั้ง 4 แผ่นป้าย แต่ถ้าเปิดเจอแผ่นป้าย ICI DULUX เปล่า ๆ เงินรางวัลจะถูกหักออกแผ่นป้ายละ 5,000 บาท โดยดารารับเชิญจะต้องเปิดแผ่นป้ายไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเจอแผ่นป้ายคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์สี ICI DULUX ครบทั้ง 4 แผ่นป้าย หากสามารถเปิดเจอครบ 4 แผ่นป้าย เกมจะจบลง และนับตามจำนวนที่เปิดเจอแผ่นป้ายไอซีไอ ดูลักซ์ เปล่า ๆ และหักออกไปแผ่นป้ายละ 5,000 บาท แต่ถ้าหากเปิดเจอแผ่นป้ายคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์สี ICI DULUX ครบทั้ง 4 แผ่นป้าย โดยที่ไม่เจอแผ่นป้าย ICI DULUX เปล่า ๆ เลย จะได้รับเงินรางวัลสะสม 50,000 บาท เกมนี้ถูกใช้ในช่วงปี 2546 - 2547

เปา ที่สุดของความสะอาด

ในเกมนี้จะคล้ายกับเกมสลับตำแหน่งในรอบสะสมเงินรางวัล 1,000,000 บาท ของรายการ ชิงร้อยชิงล้าน ชะชะช่า ในปี 2542 โดยผู้สนับสนุนหลักในรอบนี้ คือ ผงซักฟอก เปา กติกา คือ จะมีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 12 แผ่นป้าย ซึ่งจะแบ่งเป็นแผ่นป้ายผงซักฟอกเปา 3 ชนิด คือ เปา คัลเลอร์ (สีม่วง) , เปา ซอฟท์ (สีชมพู) และ เปา ยูวีไวท์ (สีส้ม) ชนิดละ 4 แผ่นป้าย โดยเลือกมาทีละ 1 แผ่นป้าย แผ่นป้ายแรกไม่ว่าจะเป็นผงซักฟอกชนิดอะไรก็ตาม จะได้รับเงินรางวัลสะสมแผ่นป้ายละ 5,000 บาท แล้วป้ายต่อไปต้องสลับไปเป็นอีกชนิดเท่านั้น ถ้าสลับกับป้ายก่อนหน้านั้นจะได้รับเงินรางวัลสะสมแผ่นป้ายละ 5,000 บาท ถ้าซ้ำกับป้ายก่อนหน้านั้น จะไม่ได้รับเงินรางวัลสะสมเพิ่ม ทั้งนี้ถ้าหากสลับกันครบทั้ง 12 แผ่นป้ายจะได้รับเงินรางวัลสะสม 100,000 บาท เกมนี้ถูกใช้ในช่วงปี 2546 - 2547

ครบ 4 สี เฮรับโชค

ในเกมนี้จะคล้ายกับเกมปริศนาแฟนต้าของรายการ ผึ้งน้อยสเปซเรสคิว 2001 และเกมโคลนนิ่งเอเลี่ยน ของรายการ เกมจารชน โดยผู้สนับสนุนหลักในรอบนี้ คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว กติกา คือ จะมีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการ 12 แผ่นป้าย ซึ่งจะแบ่งเป็นแผ่นป้ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไวไว 4 สี คือ สีแดง , สีเขียว , สีส้ม และสีน้ำเงิน สีละ 3 แผ่นป้าย โดยจะให้ผู้เข้าแข่งขันทางบ้านทายสีของแผ่นป้าย หากทายสีถูกใน 1 แผ่นป้าย จะได้รับเงินรางวัลสะสมแผ่นป้ายละ 5,000 บาท ถ้าหากทายสีผิด จะไม่ได้รับเงินรางวัลสะสมเพิ่ม แต่ถ้าทายถูกครบ 12 แผ่นป้าย จะได้เงินรางวัลสะสม 100,000 บาท

รอบเปิดป้ายคะแนน

ในเกมนี้เป็นการตัดสินหาผู้เข้าแข่งขันที่ตกรอบในรอบที่ 1 และผู้เข้ารอบ Jackpot ในรอบที่ 2 โดยจะมีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการ 12 แผ่นป้าย โดยในรอบที่ 1 จะมีคะแนน 1 , 2 และ 3 คะแนน อย่างละ 4 แผ่นป้าย ส่วนในรอบที่ 2 จะมีคะแนน 0 - 5 คะแนน อย่างละ 2 แผ่นป้าย โดยผู้สนับสนุนหลักในรอบนี้ คือ เครื่องดื่มลิโพ (ในช่วงปลายปี 2544 ผู้สนับสนุนหลักในรอบที่ 2 คือ สบู่พฤกษานกแก้ว ต่อมาเป็น ยูบีซี) โดยแต่ละทีมจะได้เลือกเปิดแผ่นป้าย 1 แผ่นป้ายเพื่อสะสมคะแนน โดยนำคะแนนที่ได้ไปรวมกับคะแนนที่มีอยู่ สำหรับในรอบที่ 1 ผู้ที่เปิดได้คะแนนรวมน้อยที่สุดจะตกรอบไป และได้รับเงินรางวัล 20,000 บาทกลับบ้าน ส่วนในรอบที่ 2 ผู้ที่เปิดได้คะแนนรวมมากที่สุดจะเข้ารอบ Jackpot ทันที ส่วนผู้ที่เปิดได้คะแนนรวมน้อยที่สุดจะตกรอบทันทีและได้รับเงินรางวัล 30,000 บาทกลับบ้าน แต่ถ้าหากมีผลรวมคะแนนเท่ากัน พิธีกรจะให้เปิดอีกทีมละ 1 แผ่นป้ายเป็นคะแนนวัดดวง หรือจนกว่าจะมีผู้ที่มีคะแนนสูงสุด

ต่อมาเปลี่ยนเป็นมีคะแนน 0 - 5 ในรอบที่ 1 อย่างละ 2 แผ่นป้าย ผู้เข้าแข่งขันเลือก 1 แผ่นป้ายเพื่อสะสมคะแนน โดยคะแนนที่ได้ไปรวมกับคะแนนที่มีอยู่ ผู้ที่มีคะแนนน้อยที่สุดจะต้องตกรอบไป แต่ถ้าหากมีผลรวมคะแนนเท่ากัน พิธีกรจะให้เปิดอีกคนละ 1 แผ่นป้ายเป็นคะแนนวัดดวง หรือจนกว่าจะได้ผู้ที่มีคะแนนสูงสุด ผู้ที่ตกรอบแรกจะได้เงินรางวัล 10,000 บาท ส่วนในรอบที่ 2 ผู้ที่ตกรอบจะได้เงินรางวัล 15,000 บาท

ต่อมาในช่วงวันที่ 2 มกราคม 2546 ยุคที่มี ไดอาน่า จงจินตนาการ เป็นพิธีกร ได้เปลี่ยนรอบเปิดป้ายคะแนนเป็นการตัดสินหาผู้เข้าแข่งขัน 1 คน ที่จะได้รับเงินรางวัลที่สะสมมาจากรอบสะสมเงินรางวัลทั้งหมด โดยมีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการ 12 แผ่นป้าย โดยจะมีแผ่นป้ายเครื่องหมายลบ (-) หมายความว่า คะแนนที่สะสมมาจะถูกติดลบ จนถึง 20 ซึ่งในแต่ละสัปดาห์ในแต่ละแผ่นป้าย คะแนนจะมีไม่เท่ากัน แต่แผ่นป้ายเครื่องหมายลบ (-) จะมีอยู่ 2 แผ่นป้าย โดยผู้สนับสนุนหลักในรอบนี้ คือ เครือข่ายโทรศัพท์ วัน-ทู-คอล โดยผู้ที่มีคะแนนสะสมมากที่สุดจะได้เลือกเปิด 2 แผ่นป้าย ส่วนผู้ที่มีคะแนนรองลงมาจะได้เลือกเปิดคนละ 1 แผ่นป้าย ในรอบนี้ผู้ที่เปิดได้คะแนนมากที่สุดจะได้รับเงินรางวัลที่สะสมมาทั้งหมดทันที ส่วนอีก 2 ท่านจะได้รับเงินรางวัลคนละ 10,000 บาทจากผู้สนับสนุนรายการ

รอบสุดท้าย

รอบสุดท้าย (Jackpot) ของรายการเกมพันหน้า กติกา คือ จะมีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการ 12 แผ่นป้าย ในแต่ละแผ่นป้ายจะมีเลข 1 - 12 อย่างละ 1 แผ่นป้าย ผู้เข้าแข่งขันจะต้องเลือกเปิดแผ่นป้ายเรียงตัวเลขจากน้อยไปมาก โดยจะมีเงินรางวัลเริ่มต้นที่ 40,000 บาท (ต่อมาจะให้เลือกมา 6 แผ่นป้าย ซึ่งจะให้เลือกลักษณะเดียวกันกับรอบสุดท้ายของรายการ แสบคูณสอง แต่การเรียงลำดับจากน้อยไปหามากนั้น จะคล้ายกับเกมชั่งทอง ในรายการเวทีทอง ช่วงปี 2536 - 2545 และเกมบิ๊กเอเลี่ยน ในรายการเกมจารชน ช่วงปี 2542 - 2548) เมื่อผู้เข้าแข่งขันเปิดแผ่นป้ายแรกได้จำนวนตัวเลขเท่าใดจะได้รับเงินรางวัลแผ่นป้ายละ 20,000 บาท ป้ายต่อไปต้องมากกว่าป้ายก่อนหน้านี้เท่านั้น (เช่นหากเปิดได้ป้ายแรกเป็น 7 ป้ายต่อไปต้องเท่ากับ 8 หรือมากกว่า) ถ้าหากมากกว่าแผ่นป้ายก่อนหน้าจะได้รับเงินรางวัลครั้งละ 20,000 บาท แต่ถ้าหากน้อยกว่าก่อนหน้านี้ เกมจะหยุดลงทันทีและได้เงินรางวัลตามที่สะสมไว้ ทั้งนี้บางครั้งพิธีกรก็จะเปิดแผ่นป้ายแถมเพื่อมอบเงินรางวัลเพิ่มให้อีก 20,000 บาทหรือแล้วแต่ความประสงค์ของผู้เข้าแข่งขัน ทั้งนี้หากผู้เข้าแข่งขันสามารถเปิดแผ่นป้ายเรียงตัวเลขจากน้อยไปหามากได้ครบ 6 แผ่นป้าย จะได้รับเงินรางวัล 2,000,000 บาทโดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนละ 1,000,000 บาทกับผู้เข้าแข่งขันและผู้โชคดีจากทางบ้านที่มาจากการจับฉลากราคาของผู้สนับสนุนรายการที่ผู้ชมทางบ้านส่งมาร่วมสนุกนั่นเอง[1] ต่อมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2545 จะมีเงินรางวัลเริ่มต้นที่ 20,000 บาท (ผู้สนับสนุนหลักในการชิงโชค คือ ผลิตภัณฑ์น่ารัก ต่อมาเป็นสบู่นกแก้วและกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้)

นอกจากนี้ผู้โชคดีทางบ้านจะได้รับทองคำหนัก 2 บาท และผลิตภัณฑ์ของผู้สนับสนุนรายการจำนวน 1 เซ็ท และทุก ๆ 3 เดือน จะมีการแจกรางวัลเป็นตู้เย็นจำนวน 10 เครื่อง แต่ถ้าภายใน 6 เดือน JACKPOT ไม่แตก จะมีการจับชิ้นส่วนของผู้ชมทางบ้านที่ส่งมาร่วมสนุก หากจับขึ้นมาเป็นชื่อใคร จะได้รับรางวัลเป็นทองคำหนัก 1 กิโลกรัม และต่อมาเงินรางวัลลดเหลือ 1,000,000 บาท และยุติการจับชิ้นส่วนของผู้ชมทางบ้าน โดยในยุคนี้มีผู้ทำ Jackpot แตกคนเดียว คือ กรรชัย กำเนิดพลอย ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2544 โดยรูปแบบนี้ใช้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2544 - ธันวาคม 2545

Remove ads

การผลิตวีซีดี

ในรายการ เกมพันหน้า ได้มีการผลิตวีซีดี โดยจะใช้ชื่อชุดว่า "ละครตลก.. ฮา สนั่นเมือง" ซึ่งจะรวมละครพันหน้า ตั้งแต่ปี 2544 - 2547 ชุดละ 3 ตอน โดยผู้ผลิตและผู้ถือลิขสิทธิ์คือ บริษัท อีวีเอส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เช่นเดียวกับรายการ ชิงร้อยชิงล้าน ชะชะช่า และ แสบคูณสอง

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads