คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
เครสแจน อีเรกเซิน
นักฟุตบอลทีมชาติเดนมาร์ก จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
เครสแจน แตเนอแมน อีเรกเซิน (เดนมาร์ก: Christian Dannemann Eriksen; เกิด 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992) เป็นนักฟุตบอลชาวเดนมาร์ก ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวกลางให้แก่ทีมชาติเดนมาร์ก เขาลงเล่นให้แก่ทีมชาตินัดแรกในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 และเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้[3][4]
ในปี ค.ศ. 2011 เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลเดนมาร์กแห่งปี, ดัตช์ฟุตบอลทาเลนต์ออฟเดอะเยียร์, อายักซ์ทาเลนต์ออฟเดอะเยียร์ และติดทีมยอดเยี่ยมของฟุตบอลยูโร รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี[5] เขาคว้าแชมป์ลีกของดัตช์กับอายักซ์ ในฤดูกาล 2010–11, 2011–12 และ 2012–13 ก่อนย้ายไปเล่นให้แก่ทอตนัมฮอตสเปอร์ เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 ด้วยค่าตัว 11.5 ล้านยูโร[6] ในฤดูกาล 2013–14 เขาได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของสโมสร และในปี ค.ศ. 2015 เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลเดนมาร์กแห่งปี สมัยที่สามติดต่อกัน
Remove ads
ทีมชาติ
สรุป
มุมมอง
เขาได้รับเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010[7] และลงเล่นนัดแรกในนัดกระชับมิตรพบกับทีมชาติออสเตรียในเดือนถัดมา[8] กลายเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยสุดอันดับที่ 4 ที่ติดทีมชาติปีนั้น และยังเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดตอนติดทีมชาติครั้งแรก[9]
วันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 มอร์เตน ออลเซน หัวหน้าผู้ฝึกสอน ประกาศว่า เครสแจน อีเรกเซิน จะติดทีมชาติในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้[10] และเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดที่ลงแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนั้น[3][4] เขาลงเล่นไปสองนัด พบกับเนเธอร์แลนด์และญี่ปุ่น ก่อนที่ทีมของเขาจะยุติเส้นทางในรอบแบ่งกลุ่ม[11][12]
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 เขาได้รับตำแหน่งผู้เล่นประจำแมตช์ในนัดที่แพ้อังกฤษ 1–2 และได้รับการชื่นชมจากนักฟุตบอลหลายคน รวมไปถึงแฟรงก์ แลมพาร์ด จากสโมสรฟุตบอลเชลซี,[13] ริโอ เฟอร์ดินานด์ จากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (ผ่านทางทวิตเตอร์),[14] และโค้ชของเขา มอร์เตน ออลเซน[15] ต่อมาวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 2011 เขาทำประตูแรกในนามทีมชาติ นัดที่ชนะไอซ์แลนด์ 2–0 ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 รอบคัดเลือก เขาเป็นผู้เล่นชาวเดนมาร์กอายุน้อยสุดที่ทำประตูในรอบคัดเลือก โดยน้อยกว่ามีเคล เลาโตรปท ที่ทำได้ในปี ค.ศ. 1983 อยู่ 9 วัน[16]
ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก
ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป มีการจับสลากให้เดนมาร์กอยู่ในกลุ่ม อี โดยมีทีมแข็งอย่างโปแลนด์และโรมาเนีย อีเรกเซิน เป็นผู้เล่นคนหนึ่งที่สำคัญ เขาทำได้ 8 ประตู ช่วยให้เดนมาร์กผ่านเข้ารอบเพลย์ออฟ พบกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์[17] เขาทำแฮตทริก ในนัดที่สองของเพลย์ออฟ เอาชนะไอร์แลนด์ไปได้ 5–1 ช่วยให้เดนมาร์กได้ไปเล่นฟุตบอลโลกที่ประเทศรัสเซีย[18] สรุปแล้ว เขาทำประตูทั้งสองรอบไปทั้งสิ้น 11 ประตู เป็นรองเพียงรอแบร์ต แลวันดอฟสกี (16) และคริสเตียโน โรนัลโด (15) เขาได้รับการชื่นชมจากผู้จัดการทีม เอจ ฮาเรด ที่จัดให้เขาอยู่ใน 10 ผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลก[19]
ภาวะหัวใจหยุดเต้นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020
อีเรกเซินมีชื่อติดทีมชาติเดนมาร์กในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2021[20] ต่อมาวันที่ 12 มิถุนายน ขณะที่ลงเล่นให้แก่เดนมาร์กในนัดเปิดสนามของรอบแบ่งกลุ่มที่พบกับฟินแลนด์ที่สนามกีฬาพาร์เกินในโคเปนเฮเกน อีเรกเซินล้มลงในนาทีที่ 42 ซึ่งเป็นจังหวะที่เขากำลังจะรับลูกทุ่ม หน่วยแพทย์ฉุกเฉินจึงรีบเข้าสนามทันที โดยมีการนวดหัวใจผายปอดกู้ชีพ (CPR) และกระตุกหัวใจด้วยไฟฟ้าบนสนามก่อนนำตัวอีเรกเซินออกและพักการแข่งขันชั่วคราว[21][22] หลังจากเหตุการณ์นั้นหนึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ยูฟ่าและสมาคมฟุตบอลเดนมาร์ก (DBU) ได้ออกมายืนยันจากโรงพยาบาล Rigshospitalet ว่าอีเรกเซินนั้นรู้สึกตัวแล้ว[23][24][25] เย็นวันนั้น การแข่งขันได้ดำเนินต่อไปและจบลงด้วยชัยชนะ 1–0 ของฟินแลนด์[26] โดยยูฟ่าเลือกให้อีเรกเซินเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด[27] แคสเปอร์ ยูลมัน ผู้จัดการทีมชาติเดนมาร์ก และ Morten Boesen แพทย์ประจำทีม รู้สึกไม่ดีที่การแข่งขันได้ดำเนินต่อ[28] ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมของอีเรกเซินอย่างมาร์ติน เบรทเวต ได้กล่าวว่าการตัดสินใจนี้เป็น "สิ่งที่แย่ที่สุด"[29] พีเตอร์ สไมเกิล บิดาของแคสเปอร์ สไมเกิล ผู้รักษาประตูทีมชาติเดนมาร์ก วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินให้แข่งขันต่อว่า การที่ยูฟ่าขู่จะปรับให้เดนมาร์กแพ้ 3–0 หากทีมจะไม่แข่งขันต่อในวันนั้นหรือเลื่อนไปแข่งในวันถัดมา ทำให้ผู้เล่น "ไม่มีทางเลือก" แต่ต้องแข่งขันต่อไป[30]
วันถัดมา Boesen ยืนยันว่าอีเรกเซินประสบภาวะหัวใจหยุดเต้น[22][21] เหตุการณ์ในครั้งนี้ถูกเปรียบเทียบกับกรณีของฟาบริซ มูอัมบาและ Abdelhak Nouri นักฟุตบอลสองคนที่ล้มลงในสนามคล้ายกับอีเรกเซินและจำเป็นต้องเลิกเล่นฟุตบอล โดยเฉพาะในรายหลังที่สมองได้รับความเสียหายรุนแรง[31][32][33] วันที่ 15 มิถุนายน อีเรกเซินลงรูปของตัวเขาเองในโรงพยาบาล พร้อมกับข้อความสั้น ๆ ว่า "รู้สึกดีขึ้นแล้ว"[34] วันถัดมามีการประกาศว่าเขาได้ติดตั้งอุปกรณ์กระตุ้นหัวใจแบบฝังโดยเป็นการตัดสินใจของ Boesen ที่ว่า "มีความจำเป็นต้องติดตั้งเนื่องจากจังหวะหัวใจถูกรบกวน" อันเนื่องจากหัวใจหยุดเต้น[35] วันที่ 18 มิถุนายน สมาคมฟุตบอลฯ ประกาศว่าอีเรกเซินได้รับการผ่าตัดและออกจากโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อย เขาได้ไปเยี่ยมเพื่อนร่วมทีมที่เฮลซิงเงอร์ก่อนที่จะกลับบ้านไปหาครอบครัว[36]
Remove ads
สถิติอาชีพ
ทีมชาติ
- ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2025[37]
ประตูในนามทีมชาติ
- ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2025[38]
Remove ads
เกียรติประวัติ
สโมสร
อายักซ์
- เอเรอดีวีซี: 2010–11, 2011–12, 2012–13[39]
- KNVB Cup: 2009–10[40]
- Johan Cruyff Shield: 2013[41]
ทอตนัมฮอตสเปอร์
- ฟุตบอลลีกคัพ รองชนะเลิศ: 2014–15[42]
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รองชนะเลิศ: 2018–19[43]
อินเตอร์มิลาน
- เซเรียอา: 2020–21[44]
- ยูฟ่ายูโรปาลีก รองชนะเลิศ: 2019–20
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
- อีเอฟแอลคัพ: 2022–23[45]
- เอฟเอคัพ: 2023–24;[46] รองชนะเลิศ: 2022–23[47]
- ยูฟ่ายูโรปาลีก รองชนะเลิศ: 2024–25[48]
รางวัลส่วนตัว
- Ajax Talent of the Future: 2010[49]
- Ajax Talent of the Year: 2011[50]
- Danish U-17 Talent of the Year: 2008[51]
- Danish Talent of the Year: 2010, 2011[52]
- Dutch Football Talent of the Year: 2011[53]
- Dutch Footballer of the Year Bronze Boot: 2012[49]
- Danish Football Player of the Year: 2013, 2014, 2015, 2017, 2018[54]
- Danish Football Player of the Year by TV2 and DFA: 2011, 2013, 2014, 2017[ต้องการอ้างอิง]
- PFA Team of the Year: พรีเมียร์ลีก 2017–18[55]
- Tottenham Hotspur Player of the Year: 2013–14, 2016–17[56][57]
- Premier League Goal of the Month: เมษายน 2018[58]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads