คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล)
ขุนนางชาวสยาม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
มหาเสวกเอก เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี มีนามเดิมว่า หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล อดีตเสนาบดีกระทรวงวัง (ปัจจุบันคือสำนักพระราชวัง เทียบเท่าตำแหน่งเลขาธิการสำนักพระราชวัง) ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

Remove ads
ประวัติ
สรุป
มุมมอง
หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2420 แรม 2 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู[1] เป็นโอรสในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ กับหม่อมทับ มาลากุล ณ อยุธยา
หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล เริ่มรับราชการในกรมมหาดเล็ก จนวันที่ 27 มีนาคม ร.ศ. 114 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นนายกวด มหาดเล็กหุ้มแพรต้นเชือกเวรฤทธิ์ ศักดินา 500[2] แล้วย้ายมารับราชการกรมวังเป็นจมื่นจงภักดีองค์ขวา ถือศักดินา ๘๐๐ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2439 [3] แล้วได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ถือศักดินา ๑๐๐๐ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2446[4]
ในรัชกาลที่ 6 วันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น สมุหพระราชมณเฑียร[5] และได้รับพระราชทานเครื่องยศเป็น กระบี่ฝักทองสลัก ด้ามเป็นนาคสามเศียร เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2455[6] ต่อมาได้เลื่อนยศเป็น มหาเสวกเอก เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2455[7]
จากนั้นในปี พ.ศ. 2456 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเสนาบดีกระทรวงวังเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2456[8]และเป็นอธิบดีกรมศิลปากรเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2456[9] ต่อมาในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2456 ได้รับสถาปนาเป็นเจ้าพระยา มีสมญาจารึกในสุพรรณบัฏว่า เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี ศรีรัตนมณเฑียรบาล บรมราโชประการกิจจาภิรมย์ สรรโพดมราชธุรานุประดิษฐ ธรรมสุจริตวิบุลย์ มาลากุลวิวัฒน์ บำรุงรัตนราชประเพณี นิตยภักดีนฤปนารถ อันเตบุริกามาตย์มหานายก อรรคเสวกนนทิพาหมุรธาธร กิตติขจรเสนาบดี ศรีรัตนไตรยสรณธาดา อุดมอาชวาธยาไศรย อภัยพิริยบรากรมพาหุ[10]
ท่านมีผลงานสำคัญคือเป็นผู้อำนวยการก่อสร้างวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 5 สืบต่อจากพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ[11]
Remove ads
ครอบครัว
เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี สมรสกับท่านผู้หญิงนงเยาว์ มาลากุล ณ อยุธยา ท.จ.ว. (ธิดาพระยาอภัยรณฤทธิ์ (จอมถวิล อมาตยกุล) กับคุณหญิงทรามสงวน) ในพระบรมราชินูปถัมภ์สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง[1] ทั้งสองท่านมีบุตรธิดา ดังนี้
- หม่อมหลวงหญิงศิริปทุม มาลากุล
- หม่อมหลวงปม มาลากุล
- หม่อมหลวงประทิน มาลากุล
- หม่อมหลวงประสันน์ มาลากุล มีบุตร นายประเสริฐ มาลากุล ณ อยุธยา มี บุตร 1 คน นายมงคล มาลากุล ณ อยุธยา
- หม่อมหลวงหญิงประสาธะนี บุรณศิริ
- หม่อมหลวงปีกทิพย์ มาลากุล
- หม่อมหลวงปืนไทย มาลากุล
- หม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล
นอกจากนี้ เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี ยังมีบุตรธิดากับภรรยาอื่นอีก ดังนี้
กับเจ้าฟองแก้ว ณ เชียงใหม่ ธิดาในเจ้าน้อยบัวละวงษ์ ณ เชียงใหม่[12] มีบุตร คือ หลวงมาลากุลวิวัฒน์ (หม่อมหลวงเทียม มาลากุล)
กับคุณวงศ์ บุญยะรังคะ มีบุตร ได้แก่
- หม่อมหลวงกวิน มาลากุล
- หม่อมหลวงหวิว มาลากุล
- หม่อมหลวงหวีด มาลากุล
Remove ads
อสัญกรรม
เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี ถึงแก่อสัญกรรมในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง[13] เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2485[1] สิริอายุ 64 ปี
ยศ
ยศกระทรวงวัง
- มหาเสวกเอก[7]
ยศกรมพระตำรวจ
- พระตำรวจตรี[14]
ยศกรมมหาดเล็ก
- จางวางเอกพิเศษ[15]
ยศกองเสือป่า
ยศทหาร
ตำแหน่ง
- 4 พฤศจิกายน 2458 – ราชองครักษ์พิเศษ[20]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
สรุป
มุมมอง
เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของประเทศไทยและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของต่างประเทศต่างๆ ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
- พ.ศ. 2454 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ (ร.ว.) (ฝ่ายหน้า)[21]
- พ.ศ. 2456 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[22]
- พ.ศ. 2459 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[23]
- พ.ศ. 2461 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[24]
- พ.ศ. 2461 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ 3 โยธิน (ย.ร.)[25]
- พ.ศ. 2462 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์วัลลภาภรณ์ (ว.ภ.) (ฝ่ายหน้า)[26]
- พ.ศ. 2454 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์วชิรมาลา (ว.ม.ล.)[27]
- พ.ศ. 2462 –
เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน (ร.ด.ม.(ผ))[28]
- พ.ศ. 2464 –
เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[29]
- พ.ศ. 2468 –
เหรียญศารทูลมาลา (ร.ศ.ท.)[30]
- พ.ศ. 2444 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 3 (จ.ป.ร.3)[31]
- พ.ศ. 2458 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1 (ว.ป.ร.1)[32]
- พ.ศ. 2469 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 2 (ป.ป.ร.2)[33]
- พ.ศ. 2481 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 8 ชั้นที่ 1 (อ.ป.ร.1)[34]
- พ.ศ. 2443 –
เหรียญราชรุจิทอง รัชกาลที่ 5 (ร.จ.ท.5)
- พ.ศ. 2454 –
เหรียญราชรุจิทอง รัชกาลที่ 6 (ร.จ.ท.6)[35]
- พ.ศ. 2440 –
เหรียญประพาสมาลา (ร.ป.ม.)
- พ.ศ. 2441 –
เหรียญราชินี (ส.ผ.)[36]
- พ.ศ. 2446 –
เหรียญทวีธาภิเศก (ท.ศ.)
- พ.ศ. 2451 –
เหรียญรัชมงคล (ร.ร.ม.)
- พ.ศ. 2452 –
เหรียญรัชมังคลาภิเศก รัชกาลที่ 5 (ร.ม.ศ.5)
- พ.ศ. 2454 –
เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
- พ.ศ. 2468 –
เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (ร.ร.ศ.7)
- พ.ศ. 2475 –
เหรียญเฉลิมพระนคร 150 ปี (ร.ฉ.พ.)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
เดนมาร์ก:
- พ.ศ. 2445 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แดนเนอโบร ชั้นที่ 3[37]
- พ.ศ. 2445 –
ปรัสเซีย:
- พ.ศ. 2448 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์นกอินทรีแดง ชั้นที่ 1[38]
- พ.ศ. 2448 –
อิตาลี:
- พ.ศ. 2448 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎอิตาลี ชั้นที่ 1[39]
- พ.ศ. 2448 –
บาวาเรีย:
- พ.ศ. 2450 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เซนต์ไมเคิล ชั้นที่ 1[40]
- พ.ศ. 2450 –
เบราน์ชไวค์:
เครื่องยศ
Remove ads
ลำดับสาแหรก
Remove ads
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads