คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
เซซิลี เนวิลล์ ดัชเชสแห่งยอร์ก
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ซิซิลิ เนวิลล์ (Cecily Neville) (ประสูติ 3 พฤษภาคม ค.ศ.1415 – สิ้นพระชนม์ 24 พฤษภาคม ค.ศ.1495) พระนางเป็นหนึ่งในสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ ช่วงศตวรรษที่ 15 และเป็นมาตุภูมิ (matriarch) แห่งราชวงศ์ยอร์ก ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายของสงครามดอกกุหลาบ (Wars of the Roses) พระองค์ทรงเป็นพระมารดาของกษัตริย์ถึงสองพระองค์ ได้แก่ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 (Edward IV) และพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 (Richard III) ซึ่งทั้งสองพระองค์ขึ้นครองราชย์ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและถูกล้อมรอบด้วยความขัดแย้งทางการเมือง
ซิซิลิ เป็นที่รู้จักจากความมุ่งมั่น ความจงรักภักดีต่อตระกูล และความเคร่งศาสนาอย่างแรงกล้า พระองค์ทรงเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต ทั้งพระสวามีและพระโอรสหลายพระองค์ที่สิ้นพระชนม์ในสงคราม แต่ก็ยังคงเป็นกำลังหลักและสัญลักษณ์ของความหวังสำหรับฝ่ายยอร์ก พระองค์ได้รับฉายาว่า "Proud Cis" (ซิสผู้เย่อหยิ่ง) ซึ่งสะท้อนถึงศักดิ์ศรีและความเชื่อมั่นในสิทธิ์ของตระกูลต่อราชบัลลังก์อังกฤษ
Remove ads
ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลังตระกูล
ซิซิลิ เนวิลล์ ประสูติเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ.1415 ณ ปราสาทเรบี (Raby Castle) ในมณฑลดิวแรม (County Durham) ประเทศอังกฤษ พระองค์เป็นบุตรีคนสุดท้องของราล์ฟ เนวิลล์ (Ralph Neville) เอิร์ลแห่งเวสต์มอร์แลนด์ที่ 1 (1st Earl of Westmorland) และโจน โบฟอร์ต (Joan Beaufort) เคานต์เตสแห่งเวสต์มอร์แลนด์ (Countess of Westmorland) ซึ่งเป็นพระธิดานอกสมรสที่ได้รับการรับรองของจอห์นแห่งกอนต์ ดยุกที่ 1 แห่งแลงคาสเตอร์ (John of Gaunt, 1st Duke of Lancaster) และพระนัดดาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ (Edward III of England)
การสืบเชื้อสายอันสูงศักดิ์นี้ทำให้ซิซิลิเป็นสมาชิกของตระกูลเนวิลล์ (House of Neville) ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลขุนนางที่ทรงอำนาจและมีความสัมพันธ์กับราชวงศ์สูงสุดในอังกฤษ ตระกูลเนวิลล์มีความสัมพันธ์อันซับซ้อนทั้งกับราชวงศ์แลงคาสเตอร์ และราชวงศ์ยอร์ก ซึ่งภายหลังจะกลายเป็นคู่ขัดแย้งหลักในสงครามดอกกุหลาบ

Remove ads
การอภิเษกสมรสกับริชาร์ด ดยุกแห่งยอร์ก
สรุป
มุมมอง
เมื่อซิซิลิมีพระชนมายุ 9 พรรษา พระองค์ทรงหมั้นหมายกับริชาร์ด แพลนแทเจเนต (Richard Plantagenet) ดยุกแห่งยอร์กที่ 3 (3rd Duke of York) พิธีอภิเษกสมรส จัดขึ้นในปี ค.ศ.1429 ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปอย่างแน่นแฟ้นและมีบุตรธิดารวมกันถึง 12 คน รวมถึง
- แอนน์ แห่งยอร์ก (Anne of York) (ค.ศ.1439 –1476) อภิเษกสมรสกับ เฮนรี่ ฮอลแลนด์ (Henry Holland) ดยุกแห่งเอ็กซิเตอร์ที่ 3 (3rd Duke of Exeter) ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนฝ่ายแลงคาสเตอร์ที่โดดเด่นในสงครามดอกกุหลาบ
- เฮนรี แห่งยอร์ก (Henry of York) (ค.ศ.1441) สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์
- เอ็ดมันด์ แพลนแทเจเนต (Edmund Plantagenet) เอิร์ลแห่งรัตแลนด์ (Earl of Rutland) (ค.ศ.1443–1460) สิ้นพระชนม์อย่างอนาถพร้อมกับพระบิดา ในยุทธการที่เวคฟิลด์ (Battle of Wakefield) ในปี ค.ศ.1460
- พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 (Edward IV) (ค.ศ.1442–1483) กษัตริย์แห่งอังกฤษ เป็นกษัตริย์องค์แรกจากราชวงศ์ยอร์ก ในปี ค.ศ.1461
- เอลิซาเบธ แห่งยอร์ก (Elizabeth of York) (ค.ศ.1444–1503) อภิเษกสมรสกับ จอห์น เดอ ลา โพล (John de la Pole) ดยุกแห่งซัฟฟอล์กที่ 2 (2nd Duke of Suffolk)
- มาร์กาเร็ต แห่งยอร์ก (Margaret of York) (ค.ศ.1446–1503) ดัชเชสแห่งเบอร์กันดี อภิเษกสมรสกับ ชาร์ลส์ ผู้กล้าหาญ (Charles the Bold) ดยุกแห่งเบอร์กันดี
- จอร์จ แพลนแทเจเนต (George Plantagenet) ดยุกแห่งแคลเรนซ์ (Duke of Clarence) (ค.ศ.1449–1478) สมรสกับ อิซาเบล เนวิลล์ (Isabel Neville) ซึ่งเป็นพี่สาวของแอนน์ เนวิลล์ (พระมเหสีของริชาร์ดที่ 3) ถูกพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 พระเชษฐา ประหารชีวิตด้วยข้อหากบฏ
- พระเจ้าริชาร์ดที่ 3 (Richard III) (ค.ศ.1452–1485) กษัตริย์แห่งอังกฤษ สิ้นพระชนม์ในยุทธการที่บอสเวิร์ธฟีลด์ (Battle of Bosworth Field) ซึ่งเป็นการสิ้นสุดของราชวงศ์ยอร์กและสงครามดอกกุหลาบ
การแต่งงานนี้ทำให้ซิซิลิกลายเป็นดัชเชสแห่งยอร์ก และเป็นหัวใจสำคัญของราชวงศ์ยอร์กที่กำลังเติบโต ดยุกริชาร์ด พระสวามีของพระองค์ มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์อังกฤษ ในฐานะเชื้อสายจากทั้งพระโอรสของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 คือ ไลโอเนลแห่งแอนต์เวิร์ป ดยุกที่ 1 แห่งแคลเรนซ์ (Lionel of Antwerp, Duke of Clarence) และ เอ็ดมันด์แห่งแลงลีย์ ดยุกที่ 1 แห่งยอร์ก (Edmund of Langley, Duke of York) ซึ่งทำให้เขามีสิทธิ์เหนือราชวงศ์แลงคาสเตอร์ที่ครองราชย์ในขณะนั้น

Remove ads
บทบาทในสงครามดอกกุหลาบ
สรุป
มุมมอง
ซิซิลิ เนวิลล์ มีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในสงครามดอกกุหลาบ ไม่ใช่เพียงเพราะการให้กำเนิดพระโอรสที่ได้ขึ้นครองราชย์ แต่ยังรวมถึงบทบาทของพระองค์ ในฐานะผู้สนับสนุนและผู้นำทางจิตวิญญาณของฝ่ายยอร์ก พระองค์ทรงยืนหยัดเคียงข้างพระสวามีและพระโอรสในการช่วงชิงอำนาจกับราชวงศ์แลงคาสเตอร์ ฐานที่มั่นหลักของครอบครัวคือ ปราสาทฟอเธอริงเฮย์ (Fotheringhay Castle) ในนอร์แทมป์ตันเชียร์ (Northamptonshire) และปราสาทลัดโลว์ (Ludlow Castle) ในชร็อปเชียร์ (Shropshire)
ในปี ค.ศ.1460 ริชาร์ด ดยุกแห่งยอร์ก พระสวามี และเอ็ดมันด์ พระโอรส สิ้นพระชนม์ใน ยุทธการที่เวคฟิลด์ (Battle of Wakefield) เหตุการณ์นี้เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับซิซิลิ แต่ก็ยิ่งทำให้พระโอรสที่รอดชีวิตคือเอ็ดเวิร์ด (ซึ่งต่อมาคือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4) และริชาร์ด (ซึ่งต่อมาคือพระเจ้าริชาร์ดที่ 3) มีความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้นและชิงราชบัลลังก์ ซิซิลิได้ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของความชอบธรรมของฝ่ายยอร์ก และใช้สถานะของพระองค์ในการรวบรวมกำลังและรักษาขวัญกำลังใจของผู้สนับสนุน
แม้ว่าบางครั้ง พระองค์จะถูกจับกุมหรือถูกจำกัดบริเวณโดยฝ่ายแลงคาสเตอร์ แต่ซิซิลิก็ทรงแสดงความกล้าหาญและความไม่ย่อท้อ การที่พระองค์เป็นที่รู้จักในฉายา "Proud Cis" (ซิสผู้เย่อหยิ่ง) มาจากเรื่องเล่าที่ว่า พระองค์ทรงวางตราประจำตระกูลยอร์กไว้เหนือตราประจำตระกูลแลงคาสเตอร์ในโบสถ์ ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นอันแรงกล้าในสิทธิ์ของตระกูล

บั้นปลายพระชนม์ชีพและการสิ้นพระชนม์
สรุป
มุมมอง
หลังจากที่พระโอรสของพระองค์คือ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4 (Edward IV) ได้ขึ้นครองราชย์ ในปี ค.ศ.1461 ซิซิลิ เนวิลล์ ทรงใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบเงียบมากขึ้น ทรงประทับอยู่ที่ปราสาทเบิร์คแฮมสเตด (Berkhamsted Castle) และต่อมาที่ปราสาทเบอร์กันดี (Berkhamsted Manor) ซึ่งเป็นบ้านพักส่วนพระองค์ พระองค์ทรงอุทิศให้กับการปฏิบัติธรรมและกิจกรรมทางศาสนา ทรงเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เคร่งศาสนาและทรงมีบทบาทในการอุปถัมภ์โบสถ์และอารามต่างๆ
ซิซิลิยังคงเป็นที่ปรึกษาที่สำคัญสำหรับพระโอรสที่เป็นกษัตริย์ แม้ว่าจะไม่ได้มีบทบาททางการเมืองโดยตรงมากนัก ในช่วงปลายพระชนม์ชีพ พระองค์ทรงเผชิญกับความสูญเสียอีกครั้ง เมื่อพระโอรสอีกพระองค์คือจอร์จ แพลนแทเจเนต (George, Duke of Clarence) ถูกประหารชีวิต และพระโอรสองค์เล็กที่สุดคือพระเจ้าริชาร์ดที่ 3 ก็สิ้นพระชนม์ในยุทธการที่บอสเวิร์ธฟีลด์ (Battle of Bosworth Field) ในปี ค.ศ.1485 ซึ่งเป็นการสิ้นสุดของราชวงศ์ยอร์กบนบัลลังก์อังกฤษ
ซิซิลิ เนวิลล์ สิ้นพระชนม์อย่างสงบ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ.1495 ณ ปราสาทเบอร์กันดี ด้วยพระชนมายุ 80 พรรษา พระบรมศพของพระองค์ถูกฝังอยู่เคียงข้างพระสวามี ริชาร์ด ดยุกแห่งยอร์ก และพระโอรส เอ็ดมันด์ ที่โบสถ์นักบุญแมรีและออลเซนต์ส (Church of St Mary and All Saints) ในฟอเธอริงเฮย์ (Fotheringhay)

Remove ads
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads