คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
เอซ่า
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
เอซ่า (AESA) ย่อมาจาก active electronically scanned array เทคโนโลยีเรดาร์สมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในอากาศยานทางทหาร เรือรบ และระบบป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดิน[1]
AESA เป็นเทคโนโลยีเรดาร์แบบเรียงเฟส (phased array) คอมพิวเตอร์จะควบคุมโมดูลส่ง/รับสัญญาณขนาดเล็กหลายร้อยถึงหลายพันหน่วย (T/R Modules) ติดตั้งอยู่บนแผงเสาอากาศ โดยแต่ละโมดูลสามารถควบคุมการปล่อยคลื่นเรดาร์ด้วยความถี่และเฟสที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถเลี้ยวลำคลื่นได้โดยไม่ต้องหมุนแผงเรดาร์[2] ด้วยการควบคุมลำคลื่นอย่างแม่นยำนี้ เรดาร์ AESA จึงสามารถตรวจจับ ติดตาม และติดตั้งระบบอาวุธตอบโต้เป้าหมายหลายจุดได้พร้อมกันในเวลาอันสั้น[3]

นอกจากนี้ การที่ AESA ประกอบด้วยโมดูลหลายหน่วยยังทำให้ระบบมีความทนทานสูง เพราะหากโมดูลบางส่วนล้มเหลว ระบบยังสามารถทำงานได้ในระดับที่ยอมรับได้ (graceful degradation) ซึ่งต่างจากเรดาร์แบบเก่าที่พึ่งพาตัวส่งกลางเพียงชุดเดียว[1] อีกทั้ง AESA ยังสามารถเปลี่ยนความถี่ของสัญญาณได้อย่างรวดเร็วระหว่างการทำงาน ทำให้ยากต่อการตรวจจับและรบกวนจากฝ่ายตรงข้าม[4]
เมื่อเปรียบเทียบกับ PESA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีก่อนหน้าก็จะเห็นความแตกต่างชัดเจน ทางด้านของ PESA จะใช้ตัวส่งกลางเพียงชุดเดียวปล่อยพลังงานผ่านเครือข่ายของเสาอากาศ ซึ่งแม้ว่าสามารถควบคุมทิศทางลำคลื่นได้เช่นกัน แต่ไม่สามารถควบคุมการทำงานแยกแต่ละเสาได้อย่างอิสระเหมือน AESA[5] อีกทั้ง PESA มักส่งคลื่นด้วยความถี่เดียวในแต่ละครั้ง ทำให้เป้าหมายสามารถตรวจจับหรือตอบโต้สัญญาณได้ง่ายกว่า แม้เรดาร์ AESA จะเหนือกว่า PESA แต่ก็ต้องแลกด้วยราคาที่สูงกว่าและความซับซ้อนในการซ่อมบำรุงที่มากกว่า เพราะต้องดูแลโมดูลแยกเป็นจำนวนมาก[4]
เครื่องบินขับไล่รุ่นแรกของโลกที่ติดตั้งเรดาร์ AESA คือมิตซูบิชิ เอฟ-2 ของญี่ปุ่น ใช้เรดาร์รุ่น AN/APG-1 ภายใต้ความร่วมมือกับล็อกฮีด มาร์ติน และเริ่มใช้งานจริงในปี 2002 ซึ่งหลังจากนั้น กองทัพอากาศสหรัฐเริ่มติดตั้ง AESA ในเครื่องบินขับไล่ของตน
Remove ads
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads