ไอบีเอ็ม

บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน คอร์ปอเรชั่น (อังกฤษ: International Business Machines Corporation) (ใช้เครื่องหมายการค้า ไอบีเอ็ม (IBM)) มีชื่อเล่นว่า บิ๊กบลู (ยักษ์สีฟ้า) เป็นบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติของสหรัฐอเมริกา มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองอาร์มองค์ รัฐนิวยอร์ก และมีสาขาอยู่ในกว่า 175 ประเทศทั่วโลก บริษัทนี้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเป็นหนึ่งใน 30 บริษัทที่อยู่ในดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ไอบีเอ็มถือเป็นองค์กรวิจัยด้านอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีศูนย์วิจัย 19 แห่งกระจายอยู่ในกว่า 10 ประเทศ และตลอดระยะเวลา 29 ปีติดต่อกัน (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 ถึง 2021) ไอบีเอ็มครองสถิติเป็นบริษัทที่ได้รับสิทธิบัตรประจำปีในสหรัฐมากที่สุดในบรรดาธุรกิจทั้งหมด

International Business Machines Corporation

สำนักงานใหญ่ของ ไอบีเอ็ม ที่เมือง อาร์มอนก์ รัฐนิวยอร์ก เมื่อปี 2014
ประเภท	บริษัทมหาชน (NYSE: IBM)
ISIN	US4592001014
อุตสาหกรรม	คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ผู้ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีการสื่อสาร บริการจัดการด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร
ก่อตั้ง	16 มิถุนายน ค.ศ. 1911
ผู้ก่อตั้ง	Charles Ranlett Flint Thomas John Watson, Sr.
สำนักงานใหญ่	อาร์มองค์ รัฐนิวยอร์ก
บุคลากรหลัก	ประธานบริษัท & ประธานกรรมการบริหาร: Arvind Krishna
รายได้	67.73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2024)
รายได้จากการดำเนินงาน	5,797,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (พ.ศ. 2567)
รายได้สุทธิ	6,023,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (พ.ศ. 2567)
สินทรัพย์	155,971,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (พ.ศ. 2563)
พนักงาน	352,600 (พ.ศ. 2562)
เว็บไซต์	ibm.com

ไอบีเอ็มก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1911 ภายใต้ชื่อว่า Computing-Tabulating-Recording Company (CTR) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิง (holding company) ที่รวมผู้ผลิตเครื่องบันทึกข้อมูลและเครื่องวัดต่าง ๆ เอาไว้ด้วยกัน ต่อมาในปี ค.ศ. 1924 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น “International Business Machines” และไม่นานก็กลายเป็นผู้ผลิตระบบบันทึกข้อมูลด้วยบัตรเจาะรู (punch-card tabulating systems) รายใหญ่ที่สุดของโลก ในช่วง ทศวรรษ ค.ศ. 1960 ถึง 1970 ผลิตภัณฑ์เมนเฟรมของไอบีเอ็ม โดยเฉพาะรุ่น System/360 และรุ่นสืบต่อจากมัน กลายเป็นแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ที่ครองตลาดโลก บริษัทผลิตคอมพิวเตอร์ได้ถึง 80% ของทั้งสหรัฐฯ และ 70% ของทั่วโลก ระบบ System/360 ถือเป็นคอมพิวเตอร์ตระกูลแรกที่ถูกออกแบบมาให้รองรับการใช้งานครบทุกขนาด ตั้งแต่ระดับเล็กไปจนถึงระดับใหญ่ และสามารถใช้งานได้ทั้งในด้านธุรกิจและวิทยาศาสตร์ เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้คอมพิวเตอร์กลายเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ได้อย่างแพร่หลายทั่วโลก

ไอบีเอ็มเข้าสู่ตลาดไมโครคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1981 ด้วยการเปิดตัว IBM Personal Computer ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ DOS ที่พัฒนาโดยไมโครซอฟท์ ระบบนี้เองที่กลายเป็นพื้นฐานของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลส่วนใหญ่จนถึงปัจจุบัน ต่อมาไอบีเอ็มประสบความสำเร็จในตลาดคอมพิวเตอร์พกพา (portable computer) ด้วยแบรนด์ ThinkPad ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในโน้ตบุ๊กที่มีชื่อเสียงและได้รับความไว้วางใจสูงสุดในโลก ตั้งแต่ ทศวรรษ ค.ศ. 1990 เป็นต้นมา บริษัทได้หันมามุ่งเน้นด้าน บริการคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ และ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยในปี 2005 ไอบีเอ็มได้ขายแผนกไมโครคอมพิวเตอร์ให้กับเลอโนโวอย่างไรก็ตามไอบีเอ็มยังคงพัฒนา ระบบเมนเฟรม (mainframe) อย่างต่อเนื่อง และ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของบริษัทก็อยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลก มาโดยตลอดในศตวรรษที่ 21

ในฐานะหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลกไอบีเอ็มมีบทบาทสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมหลายอย่าง เช่นเครื่องเอทีเอ็ม หน่วยความจำเข้าถึงโดยสุ่มแบบพลวัต (DRAM) ฟลอปปีดิสก์ ฮาร์ดดิสก์ ภาษา Generalized Markup Language บัตรแถบแม่เหล็ก (magnetic stripe card) ระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (relational database) ภาษาโปรแกรม SQL และรหัสบาร์โค้ด นอกจากนี้ไอบีเอ็มยังมีความก้าวหน้าในด้านชิปคอมพิวเตอร์ขั้นสูง คอมพิวเตอร์ควอนตัม ปัญญาประดิษฐ์ และโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล พนักงานและอดีตพนักงานของไอบีเอ็มได้รับรางวัลยกย่องด้านการวิจัยและสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์มากมาย รวมถึงรางวัลโนเบล 6 รางวัล และรางวัลทัวริง 6 รางวัล^[1][2][3]

บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2506 และได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ตราตั้งครุฑพ่าห์