คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
จังหวัดนครศรีธรรมราช
จังหวัดในภาคใต้ของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดในประเทศไทย มีประชากรมากที่สุดในภาคใต้และมีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ (รองจากสุราษฎร์ธานี) ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีอำเภอมากที่สุดในภาคใต้ ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 780 กิโลเมตร มีจังหวัดที่อยู่ติดกันได้แก่ สงขลา พัทลุง ตรัง กระบี่ และสุราษฎร์ธานี
Remove ads
ประวัติศาสตร์
สรุป
มุมมอง
หลักฐานในยุคก่อนประวัติศาสตร์ของนครศรีธรรมราชพบตั้งแต่ยุคหินกลางและยุคหินใหม่ พบเครื่องมือหินต่าง ๆ พบระนาดหินที่อำเภอท่าศาลา ต่อมาในยุคโลหะได้พบหลักฐานทางโบราณคดี คือ กลองมโหระทึกสำริด 2 ใบ ที่บ้านเกตุกาย ตำบลท่าเรือ อำเภอเมือง และที่คลองคุดด้วน อำเภอฉวาง
สมัยโบราณ
ในสมัยโบราณนครศรีธรรมราชอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรศรีวิชัยซึ่งมีศูนย์กลางแห่งหนึ่งอยู่ที่เมืองนครศรีธรรมราช หรือเมืองไชยา หรือเมืองปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 - 16 ดังปรากฏในจารึกภาษาสันสกฤตวัดเสมาเมือง[4] กล่าวถึงพระเจ้ากรุงศรีวิชัยพระนามว่าศรีมหาราชาทรงสร้างปราสาทอิฐสามองค์เพื่อถวายแด่พระผู้ผจญมาร (พระสมณโคดม) พระปัทมปาณี และพระวัชรปาณี อาณาจักรศรีวิชัยนับถือพระพุทธศาสนานิกายมหายานและนับถือพระโพธิสัตว์ ต่อมาในพ.ศ. 1568 พระเจ้าราเชนทระโจฬะที่ 1 (Rajendra Chola I) แห่งราชวงศ์โจฬะซึ่งมาจากแคว้นทมิฬในอินเดียใต้ ยกทัพเรือเข้ารุกรานแหลมมลายูและภาคใต้ของไทย ทำให้อำนาจของศรีวิชัยเสื่อมลงและบริเวณแหลมมลายูตกอยู่ภายใต้การปกครองของโจฬะอยู่เวลาหนึ่ง การล่าถอยออกไปของโจฬะ นำไปสู่กำเนิด อาณาจักรตามพรลิงค์ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองตามพรลิงก์หรือนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน จารึกเมืองทันโจร์ (Tanjore Inscription) ซึ่งจารึกขึ้นในพ.ศ. 1573 บันทึกเมืองต่าง ๆ ที่พระเจ้าราเชนทระฯทรงพิชิตได้ปรากฏชื่อเมือง "มัทลิงกัม" (Madalingam) และบันทึกของขุนนางชาวจีนสมัยราชวงศ์ซ่งปรากฏชื่อเมือง "ตันหม่าลิ่ง" (單馬令 จีนยุคกลาง: tɑn mˠaX liᴇŋ) หมายถึงตามพรลิงก์ จักรวรรดิขอมแผ่ขยายอำนาจมายังภาคใต้ของไทยในระยะเวลาหนึ่งจากนั้นจึงเสื่อมไป

อาณาจักรตามพรลิงก์
ตามที่ปรากฏในจารึกวัดหัวเวียง[5]ที่อำเภอไชยา ว่าในพ.ศ. 1774 พระเจ้าผู้ปกครองเมืองตามพรลิงก์พระนามว่าศรีธรรมราชแห่งปทุมวงศ์ สันนิษฐานว่าราชวงศ์ปทุมวงศ์หรือราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราชนี้อาจเป็นวงศ์ที่สืบเชื่อสายมาจากพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อความใน ตำนานเมืองนครศรีธรรมราช ว่าพญาศรีธรรมาโศกราชหนีมาจากเมืองอินทปัตถ์ (เมืองพระนคร) ตำแหน่งของผู้ปกครองเมืองตามพรลิงก์ในสมัยนี้เรียกว่า "พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช" อาณาจักรตามพรลิงก์มีอำนาจเหนือเมืองสิบสองนักษัตร[6] ประกอบไปด้วยสิบสองเมืองที่อยู่ภายใต้อำนาจของนครศรีธรรมราช ประกอบไปด้วยเมืองต่าง ๆ ในภาคใต้ของไทยไปจนถึงไทรบุรี กลันตัน และปาหังในประเทศมาเลเซีย ในสมัยของราชวงศ์ปทุมวงศ์อาณาจักรตามพรลิงก์ได้เปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนาเถรวาทลังกาวงศ์ ในสมัยของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชมีการเริ่มสร้างเจดีย์พระธาตุขึ้นซึ่งเป็นเจดีย์ให้เป็นแบบทรงระฆังคว่ำแบบลังกา พระเจ้าจันทรภาณุแห่งตามพรลิงก์ทรงยกทัพเรือข้ามมหาสมุทรอินเดียเข้ารุกรานเกาะลังกาในสมัยของพระเจ้าปรากรมพาหุที่ 2 (Parakramapahu II) แห่งลังกาและสามารถครอบครองดินแดนบางส่วนของเกาะลังกาได้ในช่วงเวลาหนึ่ง
อาณาจักรตามพรลิงก์เสื่อมอำนาจลงในสมัยต่อมาและตกอยู่ภายใต้อำนาจของอาณาจักรสุโขทัย จากตำนานเมืองนครศรีธรรมราชและสิหิงคนิทาน พระพุทธสิหิงค์ลอยมาจากลังกาจากนั้นมาหยุดพักที่หาดทรายแก้วเมืองนครศรีธรรมราชจากนั้นจึงลอยต่อไปยังทิศเหนือไปยังเชียงใหม่ อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในชินกาลมาลีปกรณ์ที่ว่าพระเจ้าโรจนราชหรือพ่อขุนรามคำแหงแห่งสุโขทัยเสด็จมายังนครศรีธรรมราชแล้วอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ซึ่งมาจากลังกาไปประดิษฐานไว้ที่สุโขทัย ในสมัยนี้ปรากฏชื่อเมือง "นครศรีธรรมราช" ขึ้นเป็นครั้งแรกในศิลาจารึกหลักที่ 1 ในความหมายว่าเมืองของพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช นครศรีธรรมราชมีอิทธิพลต่อพุทธศาสนาของสุโขทัยอย่างมาก ดังข้อความในศิลาจารึกฯว่าพระเถระสุโขทัย "ทุกคนลุกแต่เมืองศรีธรรมราชมา"
ในพ.ศ. 1808 ทัพเรือของอาณาจักรมัชปาหิตบนเกาะชวายกทัพเข้าโจมตีเมืองนครศรีธรรมราช ชาวบ้านนำโดยชายชื่อว่า "พังพการ" ได้รวบรวมกำลังพลขับไล่ทัพของชวาออกไปได้สำเร็จ ต่อมาท้าวพิชัยเทพเชียงภวาแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาให้พระโอรสคือท้าวอู่ทองยกทัพเข้ารุกรานนครศรีธรรมราช ทัพของท้าวอู่ทองและพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชสู้รับกันที่บางสะพานจนนำไปสู่การแบ่งเขตแดนระหว่างพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชและท้าวอู่ทอง นับจากนั้นอาณาจักรนครศรีธรรมราชจึงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัฐที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งต่อมากลายเป็นอาณาจักรอยุธยา ต่อมาเกิดโรคระบาดในเมืองนครศรีธรรมราช พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชองค์สุดท้ายพร้อมญาติวงศ์เสด็จหนีลงเรือออกทะเลหายสาบสูญ เมืองนครศรีธรรมราชจึงกลายเป็นเมืองร้างว่างผู้คน เชื้อสายปทุมวงศ์จึงสิ้นสุดลง
สมัยอยุธยา
เมื่อนครศรีธรรมราชกลายเป็นเมืองร้างจากโรคระบาดนั้น พระพนมทะเลศรีมเหสวัสดิทราธิราชผู้ครองเมืองเพชรบุรี ส่งพระโอรสคือพระพนมวังพร้อมทั้งนางสะเดียงทองมาสร้างเมืองใหม่คือเมืองนครดอนพระ[7] เมื่อพระพนมวังสวรรคตพระโอรสของพระพนมวังคือเจ้าศรีราชาครองเมืองนครฯต่อมา ซึ่งเจ้าศรีราชาได้รับการแต่งตั้งจากพระพนมทะเลฯ เมืองเพชรบุรีให้เป็น "พญาศรีธรรมาโศกราช สุรินทรราชาสุรวงศ์ธิบดียุธิษเฐียร อภัยพีรีบรากรมพาหุ เจ้าพระยานครศรีธรรมราชมหานคร" หลังจากที่วงศ์ของพระพนมวังและเจ้าศรีราชาสิ้นสุดลง ขุนอินทาราเจ้าเมืองลานสกาจึงขึ้นมาเป็นผู้ครองนครศรีธรรมราชต่อมาชื่อว่าศรีมหาราชา แต่ศรีมหาราชาขุนอินทาราถูกพระราชอาญาจากทางอยุธยาจึงถูกปลดจากตำแหน่ง บุตรชายของขุนอินทาราขึ้นครองเมืองนครฯเป็นศรีมหาราชาองค์ต่อมา เมื่อวงศ์ศรีมหาราชาสิ้นสุดอาณาจักรอยุธยาจึงส่งขุนรัตนากรมาปกครองเมืองนครฯ จากนั้นมาฝ่ายอยุธยาจึงส่งผู้ปกครองนครศรีธรรมราชโดยตรง
ในพ.ศ. 1998 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงบัญญัติพระไอยการตำแหน่งนาพลเรือน นาทหารหัวเมือง ระบุตำแหน่ง "เจ้าพญาศรีธรรมาโศกราช ชาติเดโชไชยมไหสุริยาธิบดี อภัยพีรีปรากรมพาหุ" ศักดินาหนึ่งหมื่น เป็นผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราช เมืองนครศรีธรรมราชมีฐานะเป็นหัวเมืองชั้นเอกหรือเมืองเจ้าพระยามหานคร มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ระดับเจ้าพระยาเป็นเจ้าเมืองเป็นศูนย์กลางอำนาจการปกครองของอยุธยาในภาคใต้ เมื่อชาวโปรตุเกสเข้ามาจึงมีการปรับปรุงซ่อมแซมกำแพงเมืองนครศรีธรรมราชเป็นกำแพงแบบก่ออิฐ[8] เมื่อชาวโปรตุเกสเข้ามาจึงปรากฏชื่อเมืองนครศรีธรรมราชว่า "ลิกอร์" (Ligor) ซึ่งแผลงมาจากคำว่านครฯ ในรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประมาณพ.ศ. 2144 ทัพเรือจากเมืองอุยงคตนะ (Ujong Tanah) หรือรัฐสุลต่านยะโฮร์ (Johor Sultanate รัฐยะโฮร์ในปัจจุบัน) ยกทัพเรือนำโดยลักษมณา (Laksamana) เข้าโจมตีเมืองนครศรีธรรมราช[9] พระยารามราชท้ายน้ำเจ้าเมืองนครฯป้องกันเมืองจากทัพเรือมลายูไม่สำเร็จ ทัพมลายูเข้าปล้นเมืองนครฯ แล้วกลับไปพระยารามราชท้ายน้ำเสียชีวิตในที่รบ
ในรัชสมัยสมเด็จพระอาทิตยวงศ์ออกญากลาโหมสุริยวงศ์กุมอำนาจและส่งออกญาเสนาภิมุขยามาดะ นางามาซะ (ญี่ปุ่น: 山田長政; โรมาจิ: Yamada Nagamasa) ขุนนางชาวญี่ปุ่นมาเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อออกญากลาโหมสุริยวงศ์ทำการยึดอำนาจและปราบดาภิเษกขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าปราสาททองในพ.ศ. 2172 รายาอูงูแห่งรัฐปัตตานีและสุลต่านสุลัยมานแห่งสงขลาก่อการกบฎแข็งเมืองต่ออยุธยาในพ.ศ. 2173 พระเจ้าปราสาททองมีพระราชโองการให้ยามาดะ นางามาซะ ยกทัพเมืองนครศรีธรรมราชเข้าปราบกบฎของปัตตานีและสงขลาแต่ไม่สำเร็จ[10][11] ยามาดะ นางามาซะถูกวางยาพิษที่เมืองนครฯ โดยพระราชโองการของพระเจ้าปราสาททองจนเสียชีวิต นายโอนินบุตรชายของนางามาซะขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครฯ ต่อมาแต่ชาวเมืองนครฯ ลุกฮือขึ้นขับไล่นายโอนินและกลุ่มทหารญี่ปุ่นออกไปจากเมืองนครฯ ฮอลันดาเข้ามาตั้งสถานีการค้าในเมืองนครฯ[12] ในพ.ศ. 2190 ยอดเจดีย์พระธาตุเมืองนครศรีธรรมราชหักโค่นลงมา พระเจ้าปราสาททองทรงให้มีการบูรณะสร้างยอดเจดีย์พระธาตุขึ้นใหม่

ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีการบูรณะปรับปรุงกำแพงเมืองนครศรีธรรมราชโดยมงซิเออร์เดอลามาร์ (Monsieur de la Mare) วิศวกรชาวฝรั่งเศส[13]จนมีลักษณะอย่างที่เห็นในปัจจุบัน หลังการประหารเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชจากเหตุการณ์ของศรีปราชญ์ นครศรีธรรมราชมีเจ้าเมืองคือพระยารามเดโช (ชู) ซึ่งมีเชื้อสายแขก เมื่อสมเด็จพระเพทราชาปราบดาภิเษกยึดอำนาจจากสมเด็จพระนารายณ์ฯในพ.ศ. 2231 พระยารามเดโช (ชู) เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชไม่เข้าไปถือน้ำพิพัฒนสัตยาที่อยุธยา ในพ.ศ. 2235 สมเด็จพระเพทราชาทรงให้พระยาสุรสงครามเป็นแม่ทัพและพระยาราชบังสัน (หะซัน) เป็นแม่ทัพเรือ ยกทัพมาทั้งทางบกและทะเลเพื่อปราบกบฏเมืองนครฯ ทัพของพระเพทราชาใช้เวลาล้อมเมืองนครศรีธรรมราชอยู่นานถึงสามปี[11]จึงสามารถเข้ายึดเมืองได้ พระเพทราชาทรงลดอำนาจเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชโดยยกหัวเมืองปักษ์ใต้ทั้งหมดขึ้นต่อสมุหกลาโหม ในพ.ศ. 2275 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงยกหัวเมืองภาคใต้ให้ขึ้นต่อเจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ (อู่) ว่าที่พระคลังโกษาธิบดี จนกระทั่งมีโปรดเกล้าแต่งตั้งพระยาไชยาธิเบศร์เป็นเจ้าพระยานครศรีธรรมราชขึ้นอีกครั้งในพ.ศ. 2285[14] ในรัชกาลสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์พระยาราชสุภาวดีเป็นเจ้าเมืองนครฯ หลวงสิทธินายเวร (หนู) เป็นปลัดเมือง ต่อมาพระยาราชสุภาวดีความผิดถูกปลดจากตำแหน่งเจ้าเมือง ปลัดเมืองหรือ "พระปลัดหนู" จึงรักษาการณ์เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชแทน
สมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์
หลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองพระปลัดหนูผู้รักษาเมืองนครศรีธรรมราชจึงตั้งตนขึ้นเป็นเจ้าเมืองและเป็นเจ้าชุมนุมนครศรีธรรมราช ในพ.ศ. 2312 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงให้เจ้าพระยาจักรี (หมุด) ยกทัพธนบุรีเข้ารุกรานชุมนุมนครศรีธรรมราช ทัพของฝ่ายธนบุรีไม่สามารถเข้ายึดเมืองนครฯ ได้ทำให้สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีต้องเสด็จนำทัพด้วยพระองค์เองลงมายึดเมืองนครศรีธรรมราชได้สำเร็จ ทำให้เจ้านครฯ (หนู) ต้องหลบหนีไปยังเมืองปัตตานีและต่อมาเจ้าพระยาจักรีสามารถจับตัวเจ้าหนูกลับมาได้ พระเจ้ากรุงธนบุรีฯ ให้เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (หนู) เข้ามารับราชการในกรุงธนบุรีและทรงแต่งตั้งให้เจ้านราสุริยวงศ์ซึ่งเป็นพระเจ้าหลานเธอในพระเจ้ากรุงธนบุรีมาปกครองเมืองนครศรีธรรมราช ต่อมาเมื่อเจ้านราสุริยวงศ์เจ้าเมืองนครฯ ถึงแก่พิราลัย สมเด็จพระเจ้าธนบุรีจึงมีพระราชโองการแต่งตั้งเจ้าเมืองนครฯ (หนู) ออกไปปกครองเมืองนครศรีธรรมราชอีกครั้ง ได้รับพระราชทานพระสุพรรบัฏเป็น พระเจ้าขัตติยราชนิคม สมมติมไหสวรรค์ พระเจ้านครศรีธรรมราช เจ้าขัณฑสีมา เมื่อวันอาทิตย์ เดือน 11 ขึ้น 3 ค่ำ จุลศักราช 1138 (พ.ศ. 2319) ปีวอกอัฐศก ดำรงฐานะเป็นเจ้าประเทศราช
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีพระราชดำริว่าพระเจ้านครศรีธรรมราชมีความชราไม่สามารถปกครองบ้านเมืองได้จึงโปรดฯให้ออกจากตำแหน่ง และให้เจ้าอุปราช (พัฒน์) บุตรเขยเจ้านครฯ (หนู) ขึ้นเป็นเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราชฯเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช เป็นเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) เมื่อวันอังคาร เดือน 8 แรม 11 ค่ำ จุลศักราช 1146 (พ.ศ. 2327) ปีมะโรงศก โดยมียศเพียงเจ้าพระยาตามประเพณีแต่เดิม เมืองนครศรีธรรมราชซึ่งมีฐานะเป็นประเทศราชมีเจ้ากษัตริย์ปกครองอยู่เป็นเวลาแปดปีจึงเปลี่ยนฐานะเป็นหัวเมืองเอกตามเดิม ในพ.ศ. 2328 สงครามเก้าทัพ แกงหวุ่นแมงยีแม่ทัพพม่ายกทัพจากเมืองไชยาเข้าบุกเมืองนครศรีธรรมราช เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) สละเมืองหลบหนีเข้าป่าทัพพม่าเข้ายึดเมืองนครฯ[15] กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงยกทัพเรือเข้ายึดเมืองนครฯ คืนมาได้ พ.ศ. 2354 เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) ถวายบังคมลาออกจากราชการ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงแต่งตั้งให้เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) เป็นเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์) และทรงแต่งให้เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) ซึ่งเป็นพระโอรสในพระเจ้ากรุงธนบุรีฯ ขึ้นเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชต่อมา เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์) ถึงแก่อสัญกรรมในพ.ศ. 2357 กรมหมื่นศักดิพลเสพผู้ทรงเป็นหลานของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์) เสด็จมายังนครศรีธรรมราชเพื่อปลงศพเจ้าคุณตาและจัดระเบียบการปกครองเมืองนครศรีธรรมราชใหม่โดยอ้างอิงจากพระอัยการตำแหน่งกรมการเมืองนครฯจากสมัยอยุธยา[16]
ในพ.ศ. 2363 ตวนกูปะแงหรัน สุลต่านแห่งไทรบุรี แข็งเมืองเป็นอิสระจากกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมีพระราชโองการให้เจ้าพระยานครฯ (น้อย) ยกทัพไปยึดเมืองไทรบุรี เจ้าพระยานครฯ (น้อย) สามารถยึดเมืองไทรบุรีได้และเมืองนครศรีธรรมราชปกครองไทรบุรีโดยตรงเป็นเวลาสิบเจ็ดปีจนกระทั่งกบฏหวันหมาดหลีในสมัยของเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) เมืองนครศรีธรรมราชมีอำนาจมากในหัวเมืองปักษ์ใต้ เมื่อเจ้าพระยานครฯ (น้อย) ถึงแก่อสัญกรรมในพ.ศ. 2382 บุตรชายของเจ้าพระยานครฯ (น้อย) คือเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อยกลาง ณ นคร) เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชคนต่อมา
ในพ.ศ. 2401 ตำแหน่งเจ้าเมืองสงขลาได้รับการเลื่อนขึ้นมาให้มีศักดินา 10,000 ไร่ ทัดเทียมกับเมืองนครศรีธรรมราช ทำให้นครศรีธรรมราชไม่ใช่หัวเมืองใหญ่แห่งปักษ์ใต้เมืองเดียวอีกต่อไป[17] เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเมืองไทรบุรีซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าพระยานครฯ แต่เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (หนูพร้อม ณ นคร) ไม่ได้ตามลงไปรับเสด็จด้วย เป็นเหตุให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ทรงเรียกตัวเจ้าพระยานครฯ (หนูพร้อม) ไปช่วยราชการที่กรุงเทพฯ[18] นับจากนั้นมาส่วนกลางจึงเข้ามามีอำนาจปกครองนครศรีธรรมราชโดยตรง การจัดตั้งมณฑลเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราชในพ.ศ. 2439 ทำให้ตำแหน่งเจ้าพระยานครศรีธรรมราชสิ้นสุดลง พระยาสุขุมนัยวินิต (ปั้น สุขุม) เป็นข้าหลวงมณฑลนครศรีธรรมราชคนแรก มณฑลนครศรีธรรมราชมีอาณาเขตประกอบด้วยจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสงขลา จากนั้นมีข้าหลวงดำรงตำแหน่งต่อมาได้แก่พระยาชลบุรานุรักษ์ (เจริญ จารุจินดา) พ.ศ. 2449-2452 และเจ้าฟ้ากรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ พ.ศ. 2453-2468 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจัดตั้งมณฑลภาคใน พ.ศ. 2458 นครศรีธรรมราชเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลภาคปักษ์ใต้ ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อมีการตรา"พระราชบัญญัติการบริหารราชการส่วนภูมิภาค พุทธศักราช 2476" ขึ้น มณฑลเทศาภิบาลสิ้นสุดลงนำไปสู่การจัดตั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน
การเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัด
- 16 พฤษภาคม 2440 ได้มีการรวมเกาะสมุย มณฑลนครศรีธรรมราช และเกาะพะงัน มณฑลชุมพร รวมขึ้นกับเมืองกาญจนดิษฐ์ มณฑลชุมพร[19] (ปัจจุบัน คือ อำเภอเกาะสมุย และอำเภอดอนสัก (เฉพาะตำบลดอนสัก (บางส่วน)) จังหวัดสุราษฎร์ธานี)
- 29 กรกฎาคม 2449 ได้มีการโอนอำเภอลำพูน อำเภอพนม และอำเภอพะแสง จากเมืองนครศรีธรรมราช มณฑลนครศรีธรรมราช มาขึ้นกับเมืองไชยา มณฑลชุมพร[20] (ปัจจุบัน คือ อำเภอเคียนซา, อำเภอชัยบุรี, อำเภอบ้านนาเดิม, อำเภอบ้านนาสาร, อำเภอพนม, อำเภอพระแสง, อำเภอเวียงสระ, อำเภอบ้านตาขุน (เฉพาะตำบลเขาวง) และอำเภอพุนพิน (เฉพาะตำบลกรูด และตำบลตะปาน) จังหวัดสุราษฎร์ธานี และอำเภอเขาพนม (เฉพาะตำบลเขาดิน, ตำบลพรุเตียว (บางส่วน) และตำบลหน้าเขา (บางส่วน)) และอำเภอปลายพระยา (เฉพาะตำบลปลายพระยา, ตำบลเขาเขน และตำบลคีรีวง) จังหวัดกระบี่)
- 17 สิงหาคม 2450 ได้มีการโอนตำบลทะเลน้อย ตำบลตะเครียะ ตำบลหัวป่า ตำบลบ้านพร้าว และตำบลสำโรง จากอำเภอพังไกร เมืองนครศรีธรรมราช มาขึ้นกับอำเภอทะเลน้อย เมืองพัทลุง[21] (ปัจจุบัน คือ อำเภอควนขนุน (เฉพาะตำบลทะเลน้อย และตำบลพนางตุง (บางส่วน)) จังหวัดพัทลุง และอำเภอระโนด (เฉพาะตำบลตะเครียะ และตำบลบ้านขาว) จังหวัดสงขลา)
- 27 พฤศจิกายน 2464 ได้มีการโอนตำบลคลองแดน อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปขึ้นกับกิ่งอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา (ปัจจุบัน คือ อำเภอระโนด (เฉพาะตำบลคลองแดน และตำบลแดนสงวน) จังหวัดสงขลา)
- 14 เมษายน 2472 ได้มีการโอนตำบลไชยคราม และตำบลดอนสัก อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปขึ้นกับอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี[22] (ปัจจุบัน คือ อำเภอดอนสัก (เฉพาะตำบลไชยคราม ตำบลปากแพรก และตำบลดอนสัก) จังหวัดสุราษฎร์ธานี)
- 1 เมษายน 2480 ได้มีการโอนตำบลลำทับ กิ่งอำเภอท่ายาง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปขึ้นกับอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่[23] (ปัจจุบัน คือ อำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่)
- 20 พฤศจิกายน 2515 ได้มีการโอนหมู่ที่ 7 (บ้านนางกำ) ตำบลท้องเนียน อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปขึ้นกับตำบลดอนสัก อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี[24] (ปัจจุบัน คือ อำเภอดอนสัก (เฉพาะตำบลดอนสัก (บางส่วน) จังหวัดสุราษฎร์ธานี)
Remove ads
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้งและอาณาเขต
จังหวัดนครศรีธรรมราชตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของภาคใต้ โดยมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ โดยมีจังหวัดที่มีอาณาเขตติดกัน ดังนี้
- ด้านเหนือ ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอ่าวไทย
- ด้านใต้ ติดกับจังหวัดตรัง จังหวัดพัทลุง และจังหวัดสงขลา
- ด้านตะวันออก ติดกับอ่าวไทย
- ด้านตะวันตก ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดกระบี่
พื้นที่ที่ติดกับทะเลฝั่งอ่าวไทยของจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้นมีชายฝั่งยาวประมาณ 225 กิโลเมตร และจังหวัดนครศรีธรรมราชมีเขาสูงที่สุดในภาคใต้ คือ เขาหลวง มีความสูงประมาณ 1,835 เมตร
Remove ads
สัญลักษณ์ประจำจังหวัด
- อักษรย่อประจำจังหวัด : นศ (NRT)
- คำขวัญประจำจังหวัด : เมืองประวัติศาสตร์ พระธาตุทองคำ ชื่นฉ่ำธรรมชาติ แร่ธาตุอุดม เครื่องถมสามกษัตริย์ มากวัดมากศิลป์ ครบสิ้นกุ้งปู
- ตราประจำจังหวัด : รูปพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช มีตราสิบสองนักษัตรล้อมรอบ อันเป็นตัวแทน 12 เมืองซึ่งเคยเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรนครศรีธรรมราช
- ธงประจำจังหวัด : ธงสีม่วง-เหลืองแบ่งครึ่งตามแนวนอน ตรงกลางมีตราประจำจังหวัดเป็นรูปพระบรมธาตุนครศรีธรรมราชล้อมรอบด้วยตราสิบสองนักษัตร
- ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นแซะ (Callerya atropurpurea)
- ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกราชพฤกษ์ (Cassia fistula)
- สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาหมอ (Anabas testudineus)
- ตราประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
- ธงประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
- ต้นแซะ ต้นไม้ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
- ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
- ปลาหมอ สัตว์น้ำประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช
การแบ่งเขตการปกครอง
สรุป
มุมมอง
การปกครองส่วนภูมิภาค
จังหวัดนครศรีธรรมราช มีการแบ่งเขตการปกครองส่วนภูมิภาคออกเป็น 23 อำเภอ 170 ตำบล 1,545 หมู่บ้าน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
การปกครองส่วนท้องถิ่น
องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ในการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง และมีสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 42 คน[41] องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชเกิดขึ้นจากการจัดตั้ง "สภาจังหวัดนครศรีธรรมราช" เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2476 ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบเทศบาล พ.ศ. 2476[42] โดยมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาจังหวัด พ.ศ. 2481[43] ต่อมาได้รับการจัดตั้งเป็น "องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช" เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ. 2498[44] โดยมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540[45]
ภายในพื้นที่ของจังหวัดนครศรีธรรมราชแบ่งออกเป็นเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่างหรือระดับพื้นฐานจำนวนทั้งหมด 184 แห่ง ได้แก่ เทศบาลนคร 1 แห่ง, เทศบาลเมือง 6 แห่ง, เทศบาลตำบล 51 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 126 แห่ง[46] โดยมีรายชื่อเทศบาลทั้งหมดในจังหวัดนครศรีธรรมราช ดังนี้
Remove ads
เจ้าเมืองนครและผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช
สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช
รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
Remove ads
เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจโดยทั่วไปของจังหวัดนครศรีธรรมราชขึ้นอยู่กับภาคเกษตร อาชีพหลัก คือ ทำสวนยางพารา ทำสวนปาล์มน้ำมัน ทำนา ทำไร่ การปลูกผลไม้(สวนสมรม) ทำสวนมะพร้าว การประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง และการเลี้ยงสัตว์
ศาสนา
ชาวนครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่นับถือ ศาสนาพุทธ ประมาณ 92.08% รองลงมา คือ ศาสนาอิสลาม ประมาณ 7.03% ศาสนาคริสต์ ประมาณ 0.89% นอกจากนั้นเป็นศาสนาอื่น ๆ (ข้อมูลประชากร 1,516,499 คน ปี พ.ศ. 2552)
การคมนาคม
สรุป
มุมมอง


ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช มีรถสองแถว วิ่งบริการรอบเมือง และจากนครศรีธรรมราชไปสู่อำเภอใกล้เคียง หรือจังหวัดข้างเคียง สามารถเลือกใช้บริการได้ทั้งมีรถตู้ รถเมล์ รถโดยสาร และรถไฟ
ทางรถไฟ
- รถไฟ จากสถานีรถไฟกรุงเทพ มีขบวนรถเร็วขบวนที่ 173/174 รถด่วนขบวนที่ 85/86 ไปนครศรีธรรมราช รวมระยะทาง 832 กิโลเมตร
และ ยังมีขบวนรถท้องถิ่นที่ 451/452 นครศรีธรรมราช-สุไหงโกลก-นครศรีธรรมราช และ ขบวนรถท้องถิ่นที่ 455/456 นครศรีธรรมราช-ยะลา-นครศรีธรรมราช
ทางรถโดยสารประจำทาง
บริษัท ขนส่ง จำกัด มีบริการรถโดยสารทั้งแบบธรรมดา และปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (ถนนบรมราชชนนี), อำเภอขนอม มีรถ วีไอพี ปรับอากาศ ชั้น 1 ขนอม-กรุงเทพฯ และกรุงเทพฯ-ขนอม
ทางรถยนต์ส่วนบุคคล
การเดินทางจากกรุงเทพมายังนครศรีธรรมราช ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 กรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร แล้วใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ผ่านสุราษฎร์ธานี-ทุ่งสง จนถึงนครศรีธรรมราช หรือ ถึงอำเภอพุนพิน สุราษฎร์ธานี แล้วใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 เลียบชายฝั่งทะเล ไปจนถึงนครศรีธรรมราช รวมระยะทาง 780 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางยังอำเภออื่น ๆ หรือจังหวัดใกล้เคียงได้อีกด้วย
ทางอากาศยาน
ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช มีเที่ยวบินให้บริการ 23 เที่ยวบินต่อวัน โดยมี 5 สายการบินคือ การบินไทยสมายล์ นกแอร์ ไทยเวียดเจ็ทแอร์ ไทยแอร์เอเชีย และไทยไลอ้อนแอร์ รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช
ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ
- อำเภอพระพรหม 19 กิโลเมตร
- อำเภอพรหมคีรี 21 กิโลเมตร
- อำเภอท่าศาลา 25 กิโลเมตร
- อำเภอลานสกา 27 กิโลเมตร
- อำเภอเฉลิมพระเกียรติ 30 กิโลเมตร
- อำเภอร่อนพิบูลย์ 35 กิโลเมตร
- อำเภอปากพนัง 39 กิโลเมตร
- อำเภอเชียรใหญ่ 48 กิโลเมตร
- อำเภอนบพิตำ 52 กิโลเมตร
- อำเภอช้างกลาง 58 กิโลเมตร
- อำเภอทุ่งสง 58 กิโลเมตร
- อำเภอจุฬาภรณ์ 58 กิโลเมตร
- อำเภอนาบอน 58 กิโลเมตร
- อำเภอสิชล 59 กิโลเมตร
- อำเภอฉวาง 63 กิโลเมตร
- อำเภอหัวไทร 65 กิโลเมตร
- อำเภอชะอวด 66 กิโลเมตร
- อำเภอพิปูน 77 กิโลเมตร
- อำเภอถ้ำพรรณรา 78 กิโลเมตร
- อำเภอทุ่งใหญ่ 81 กิโลเมตร
- อำเภอบางขัน 90 กิโลเมตร
- อำเภอขนอม 96 กิโลเมตร
Remove ads
กีฬา
บุคคลที่มีชื่อเสียง
- นักการเมือง
- สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 26
- พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล นักการเมือง
- ชัยชนะ เดชเดโช นักการเมือง
- แทนคุณ จิตต์อิสระ นักการเมือง
- ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นักการเมือง
- ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ นักการเมือง
- วงการบันเทิง
- กันติชา ชุมมะ นักแสดงและนางแบบ
- จักรกฤษณ์ อำมรัตน์ นักแสดง
- เชิด ทรงศรี ผู้กำกับภาพยนตร์
- โชเล่ย์ ดอกกระโดน นักแสดงตลก
- ฐกฤต ตวันพงค์ นักแสดง
- ณรรลฌา ดอกกะฐิน นักร้อง
- ไตรภพ ลิมปพัทธ์ พิธีกร
- ธัญสินี พรมสุทธิ์ นักแสดง
- นนธวรรณทัศ บรามาซ มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2014
- นัท มีเรีย นักร้องและนักแสดง
- นาธาน โอร์มาน นักร้องและนักแสดง
- ปุณยาพร พูลพิพัฒน์ นักแสดง
- พัชชุดาญ์ พันธุ์พิพัฒน์ นักแสดงและนางแบบ
- พิชญา เชาวลิต นักแสดง
- มัณฑนา หิมะทองคำ นักแสดง
- เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ นักร้องและนักแสดง
- วิฑูรย์ กรุณา นักแสดง
- เวอาห์ แสงเงิน นักแสดง
- ศุภชัย ศรีวิจิตร ผู้จัดละคร
- สุรัสวดี เชื้อชาติ นักร้อง ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา
- อรัญญา พงศ์ภัณฑารักษ์ นักแสดง
- อัจฉรา ทองเทพ นักแสดง
- เอกชัย ศรีวิชัย นักร้อง นักแสดง
- กิตติคุณ เชียรสงค์ นักร้อง
- อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์ นักแสดง
- เขมสรณ์ หนูขาว ผู้ประกาศข่าว พิธีกร
- รัชนก สุวรรณเกตุ นักร้อง
- ณฉัตร จันทพันธ์ นักแสดง
- รัชนก ศรีโลพันธุ์ นักร้อง
- อื่นๆ
- สุกรี เจริญสุข อดีตคณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- ปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรสนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 31
Remove ads
เมืองพี่เมืองน้อง
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads

