ชาวโยดะยา
From Wikipedia, the free encyclopedia
ชาวโยดะยา หรือ ชาวอยุธยาในพม่า[4][5] (พม่า: ယိုးဒယားလူမျိုး, เอ็มแอลซีทีเอส: Yodaya lu myui:; โยดะยา หลุ มฺโย) เป็นคำที่เรียกกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีบรรพบุรุษเป็นชาวสยามจากอาณาจักรอยุธยา ซึ่งอพยพเข้ามาประเทศพม่า มีทั้งอพยพไปพึ่งพระบรมโพธิสมภารกษัตริย์พม่าโดยสมัครใจ บ้างก็เป็นเชลยซึ่งถูกกวาดต้อนเมื่อเกิดสงคราม
รูปที่อาจเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร ที่ปรากฏในเอกสารการบันทึกราชสำนักพร้อมด้วยภาพเขียน[ก] | |
ประชากรทั้งหมด | |
---|---|
35 คน (เฉพาะสายเลือดบริสุทธิ์)[1] มากกว่า 200 คน (พ.ศ. 2560)[1][2][3] | |
ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ | |
ประเทศพม่า | |
ภาษา | |
ภาษาพม่า (เดิมใช้ภาษาไทย) | |
ศาสนา | |
ศาสนาพุทธ |
เมื่อเวลาผ่านไปหลายศตวรรษ ชาวอยุธยาในพม่าค่อย ๆ ผสมปนเปไปกับสังคมพม่า บ้างก็โยกย้ายจากถิ่นฐานเดิม[6][7][8] พวกเขาเลิกพูดภาษาไทยและหันไปพูดภาษาพม่า จนกระทั่งทินมองจี นักวิชาการชาวพม่าผู้มีเชื้อสายโยดะยาเขียนบทความสั้นชื่อ "สุสานกษัตริย์ไทย" (A Thai King’s Tomb) ก่อน พ.ศ. 2538[6][7] โดยเชื่อว่าสถูปเก่าองค์หนึ่งในป่าช้าเนินล้านช้างหรือเนินกระแซ[9] (ลินซินกอง) เป็นสุสานของสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร อดีตพระมหากษัตริย์อยุธยาผู้นิราศจากบัลลังก์และตกเป็นเชลยในพม่า[10] และเริ่มมีชื่อเสียงจากการที่มัคคุเทศก์พานักท่องเที่ยวไทยไปยังสถูปแห่งหนึ่งในป่าช้าลินซิน แต่กระแสดังกล่าวทำให้เกิดความตื่นตัวในการศึกษาชาวอยุธยาในพม่า และมีความพยายามในการตามหาชุมชนอยุธยาที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน[11]
จนกระทั่งใน พ.ศ. 2556 จึงได้มีการค้นพบชุมชนเชื้อสายอยุธยาชื่อหมู่บ้านซูกา มีประชากรราว 200 คน (พ.ศ. 2560)[1][2] และยังมีชุมชนของผู้มีเชื้อสายอยุธยา ณ บ้านมินตาซุ (ย่านเจ้าฟ้า)[12] มีประชากรเชื้อสายอยุธยาอยู่ไม่ต่ำกว่า 30 คน (พ.ศ. 2557)[13] ทั้งสองชุมชนนี้ตั้งอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ แม้ไม่สามารถใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวันได้แล้ว แต่วัฒนธรรมหลายอย่างของชาวอยุธยายังคงอยู่และส่งอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมพม่าบางประการมาจนถึงยุคปัจจุบัน[14][15]