ราชวงศ์วรมัน
ราชวงศ์กัมพูชา / From Wikipedia, the free encyclopedia
ราชวงศ์วรมัน หรือ (เขมร: រាជវង្សវរ្ម័ន ; เรียจฺจะวงฺซา วอรามัน อักษรโรมัน: Varman Dynasty ) ราชวงศ์วรมัน เป็นราชวงศ์ในราชอาณาจักรกัมพูชา(ព្រះរាជាណាចក្រកម្ពុជា) สถาปนาโดย พระเจ้าเกาฑิณยะวรมันเทวะ หรือ สวายัมภูวะ (កម្វុស្វយម្ភុវ) [1] พราหมณ์ที่เดินทางมาจากแคว้นกลิงคะในอินเดีย ทรงได้อภิเษกกับ พระนางโสมา (សោមា) ผู้ครองอาณาจักรชนเผ่าพื้นเมืองและสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรพนมหรือฟูนัน ก่อกำเนิดราชวงศ์วรมันโดยปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกภาษาสันสกฤตกล่าวถึง พราหมณ์เกาฑิณยะผู้ได้รับหอกวิเศษจากพราหมณ์ อัศวัตถามา บุตร โทรณาจารย์ ได้เดินทางมาถึงอาณาจักรของชาวเผ่า นาค และได้ทำสงครามกันสุดท้ายได้เจรจาด้วยสันติโดยการอภิเษกสมรส พราหมณ์เกาฑิณยะจึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าเกาฑิณยะวรมันเทวะ (កៅណ្ឌិន្យទី១) ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์วรมัน ในคริสต์ศตวรรษที่ 1[2][3] ยุค ราชอาณาจักรกัมพูชา ราชวงศ์วรมันแบ่งออกเป็นสองสายราชสกุลที่มีสิทธิ์ตามกฏมณเฑียรบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ในการสืบพระราชสันตติวงศ์ขึ้นดำรงพระราชอิสริยยศพระมหากษัตริย์กัมพูชา[4] คือ ราชสกุลนโรดม (រាជត្រកូលនរោត្តម) และราชสกุลสีสุวัตถิ์ (រាជត្រកូលស៊ីសុវត្ថិ) ตามมติ กรมปรึกษาราชบัลลังก์
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
ขอม: រាជវង្សវរ្ម័ន | |
ตราประจำพระราชวงศ์แห่งกัมพูชา เริ่มใช้ปี ค.ศ. 1953 | |
พระราชอิสริยยศ | พระมหากษัตริย์กัมพูชา |
---|---|
ปกครอง | ราชอาณาจักรกัมพูชา |
สาขา |
|
จำนวนพระมหากษัตริย์ | 112 พระองค์ |
ประมุขพระองค์แรก | พระเจ้าเกาฑิณยะวรมันเทวะ |
ผู้นำสกุลองค์ปัจจุบัน | พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี |
ประมุขพระองค์สุดท้าย |
|
ช่วงระยะเวลา |
|
สถาปนา | คริสต์ศตวรรษที่ 1 |
สิ้นสุด |
|
เชื้อชาติ | เขมร,อินเดีย,ไทย,เวียดนาม[ต้องการอ้างอิง] |
พระราชพงศาวดารกรุงกัมพูชาและบันทึกเกี่ยวกับราชวงศ์วรมันมีการรวบรวมจากศิลาจารึกต่างๆและจากบันทึกของราชทูตจีนที่เข้ามายัง อาณาจักรฟูนัน และอาณาจักร พระนครหลวง ได้บันทึกเรื่องราวที่ได้พบเห็นบ้านเมืองในยุคนั้นได้แก่ เอกสารมหาบุรุษขอม และพระราชพงศาวดารกรุงกัมพูชา ฉบับ รบากษัตริย์ โดยพระราชพงศาวดารดังกล่าวแบ่งเป็นสองภาค ภาคแรกเป็นตำนานที่ได้มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเริ่มจากรัชกาลของพระทอง-นางนาค จนถึงรัชกาลของพระบาทนิพพานบท ภาคสองเป็นพระราชพงศาวดารเริ่มตั้งแต่รัชกาลของ พระบรมนิพพานบท ถึง รัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร[5]
• ราชทูตคังไถ่ และ อุปทูตจูยิง ราชทูตจากอาณาจักรอู๋ เดินทางไปเยือนราชสำนักฟูนันในปี พ.ศ. 788 ราชทูตคังไถ่ได้เขียนบันทึกเรื่อง "ประวัติของชาวต่างชาติในรัชสมัยอู๋" ส่วนอุปทูตจูยิง เขียนบันทึกเรื่อง “บันทึกเรื่องทรัพยากรอันมีค่าของฟูนันก๊ก” บันทึกที่ราชทูตจีนจดบันทึกนี้ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของอาณาจักรฟูนันและผู้ปกครองอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นพระนามกษัตริย์ เรื่องราวในราชสำนักและวิถีชีวิตผู้คนถือได้ว่าเป็นบันทึกชาวต่างชาติที่เก่าแก่ที่สุดที่เข้ามาในอาณาจักรฟูนัน จากข้อความที่ “ราชทูตคังไถ่” จดบันทึกเรื่องราวเมื่อครั้งไปเยือนราชสำนักฟูนัน ทำให้ทราบเรื่องราวย้อนหลังขึ้นไปถึงสมัยเริ่มต้นก่อตั้ง “อาณาจักรฟูนัน” ว่าแต่เดิมฟูนันเป็นแต่เพียงหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลตามบันทึกระบุว่า "อาณาจักรมีผู้หญิงเป็นผู้ปกครองมีนามว่า “พระนางหลิวเย่” ต่อมามีพราหมณ์ชาวอินเดียมีนามว่า “หวั่นถิ่น” นอนหลับฝันไปนิมิตฝันว่าเทพเจ้าได้ประทานธนูวิเศษให้และมีบัญชาให้ลงเรือเดินทางไปยังดินแดนฟูนันครั้นตื่นขึ้นจากความฝันได้ไปที่เทวสถานของเทพเจ้าได้พบธนูวิเศษสมจริงจึงลงเรือมายังฟูนัน เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณชายแดนฟูนัน ก็ถูกกองทัพเรือของพระนางหลิวเย่ออกมารบพุ่งขัดขวาง “หวั่นถิ่น” จึงได้ยิงด้วยธนูวิเศษถูกเรือของพระนางทะลุกาบเรือทั้งสองข้างพระนางเกิดความตกใจกลัวขอยอมแพ้ ภายหลังหวั่นถิ่นได้อภิเษกสมรกับพระนางหลิวเย่แล้วสถาปนาราชวงศ์วรมันขึ้นปกครองอาณาจักรฟูนัน[6]
• ราชทูตโจว ต้ากวาน ราชทูตชาวจีนในรัชสมัย จักรพรรดิเหวียนเฉิงจง แห่งราชวงศ์เหวียนได้เดินทางไปเมืองพระนครในปี ค.ศ. 1296 ได้บันทึกขนบประเพณีกับสถานที่ต่างๆ รวมถึงพระราชวงศ์และประเพณีในราชสำนัก ซึ่งตรงกับรัชสมัยของ พระเจ้าอินทรวรมันที่ 3 (ឥន្ទ្រវរ្ម័នទី៣) โจว ต้ากวาน มิใช่ชาวจีนคนแรกที่เข้าไปในอาณาจักรนี้แต่ได้บันทึกชีวิตผู้คนในเมืองพระนครเอาไว้โดยละเอียดที่สุด ซึ่งรู้จักในชื่อเจินล่าเฟิงถูจี้ (บันทึกขนบประเพณีเจนละ) บันทึกนี้ถือเป็นบันทึกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเมืองพระนครและจักรวรรดิขอม นอกเหนือไปจากศิลาจารึกและเอกสารอื่น ๆ ที่พรรณนาชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยในเมืองพระนคร จากบันทึกนี้ทำให้ทราบถึงลำดับกษัตริย์ในราชวงศ์วรมันโดยละเอียด ซึ่งกลายเป็นต้นฉบับของราชพงศาวดารกัมพูชาในเวลาต่อมา[7][8]