เหตุการณ์การสูญพันธุ์ยุคเพอร์เมียน–ไทรแอสซิก
From Wikipedia, the free encyclopedia
เหตุการณ์การสูญพันธุ์ยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสซิก (Permian–Triassic extinction event) หรือในชื่อ การสูญพันธุ์ P–Tr (P–Tr extinction)[2], การสูญพันธุ์ P–T (P–T extinction)[3], การสูญพันธ์ช่วงจบยุคเพอร์เมียน (End-Permian Extinction)[4] หรือที่เรียกทั่วไปว่า การตายครั้งใหญ่ (Great Dying)[5] เป็นจุดแบ่งระหว่างยุคเพอร์เมียนและไทรแอสซิก รวมถึงมหายุคพาลีโอโซอิกและนีโอโพรเทอโรโซอิก เมื่อ 251.9 ล้านปีก่อน เป็นการสูญพันธุ์ครั้งที่ใหญ่ที่สุดที่โลกเคยพบเห็น ด้วยสิ่งมีชีวิตน้ำมากกว่า 81%[6][7][8] และสัตว์มีกระดูกสันหลังบนบกอีกมากกว่า 70%[9] สูญพันธุ์ นอกจากนั้นยังเป็นการสูญพันธุ์ครั้งที่ใหญ่ที่สุดของแมลงอีกด้วย โดยประมาณ 57% ของวงศ์ทางชีววิทยาทั้งหมดและ 83% ของสกุลทั้งหมดสูญพันธุ์
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
มีหลักฐานว่ามีระยะการสูญพันธุ์หนึ่งถึงสามระยะ[10][11][12][13] สาเหตุที่เป็นไปได้ของการแต่ละระยะ ได้แก่ เกิดการชนโดยอุกกาบาตขนาดใหญ่อย่างน้อยหนึ่งครั้ง เกิดการระเบิดของภูเขาไฟขนาดใหญ่ (เช่นไซบีเรียนแทรป[14]) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการปล่อยแก๊สมีเทนใต้น้ำครั้งใหญ่ จุลินทรีย์ที่สร้างแก๊สมีเทน หรือการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล[15][16]
ความเร็วในการฟื้นตัวจากการสูญพันธุ์ยังมีการถกเถียงกันอยู่ นักวิทยาศาสตร์บางคนคาดว่าต้องใช้เวลา 10 ล้านปี (จนถึงไทรแอสซิกกลาง) เนื่องจากความรุนแรงของเหตุการณ์ครั้งนี้และเนื่องจากสภาพที่เลวร้ายกลับมาเป็นระยะ ๆ ไปอีก 5 ล้านปี[17] อย่างไรก็ตามการศึกษาในแบร์เลคเคาน์ตี้ใกล้กับปารีส, ไอดาโฮ แสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศทางทะเลในไทรแอสสิกต้นฟื้นตัวอย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาประมาณ 2 ล้านปีในการฟื้นตัว[18] แสดงให้เห็นว่าผลกระทบของการสูญพันธุ์อาจได้รับความรุนแรงน้อยกว่าในบางพื้นที่