โจ ไบเดิน
ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา / From Wikipedia, the free encyclopedia
โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดิน จูเนียร์ (อังกฤษ: Joseph Robinette Biden, Jr. /ˈbaɪdən/ by-dən; เกิด 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942) เป็นนักการเมืองชาวอเมริกัน ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน สังกัดพรรคเดโมแครต อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และอดีตสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจากรัฐเดลาแวร์
บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ เพราะใช้พุทธศักราชและคริสต์ศักราชสลับกัน คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
โจ ไบเดิน | |
---|---|
ไบเดิน ใน ค.ศ. 2021 | |
ประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 46 | |
เริ่มดำรงตำแหน่ง 20 มกราคม ค.ศ. 2021 (3 ปี 122 วัน) | |
รองประธานาธิบดี | กมลา แฮร์ริส |
ก่อนหน้า | ดอนัลด์ ทรัมป์ |
รองประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 47 | |
ดำรงตำแหน่ง 20 มกราคม ค.ศ. 2009 – 20 มกราคม ค.ศ. 2017 (8 ปี 0 วัน) | |
ประธานาธิบดี | บารัก โอบามา |
ก่อนหน้า | ดิก ชีนีย์ |
ถัดไป | ไมก์ เพนซ์ |
สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ จาก รัฐเดลาแวร์ | |
ดำรงตำแหน่ง 3 มกราคม ค.ศ. 1973 – 15 มกราคม ค.ศ. 2009 (36 ปี 12 วัน) | |
ก่อนหน้า | เจ. คาเร็บ บ็อกส์ |
ถัดไป | เท็ด คอล์ฟแมน |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | โจเซฟ โรบิเนตต์ ไบเดิน จูเนียร์ (1942-11-20) 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1942 (81 ปี) สแกรนตัน รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐ |
พรรคการเมือง | เดโมแครต |
คู่สมรส | เนเลีย ฮันเตอร์ (1966 – 1972) จิล ไบเดิน (1977 – ปัจจุบัน) |
บุตร |
|
การศึกษา | มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ (BA) มหาวิทยาลัยซีราคิวส์ (JD) |
วิชาชีพ | นักกฎหมาย |
ลายมือชื่อ | |
ไบเดินเกิดที่เมืองสแครนตัน ในรัฐเพนซิลเวเนีย และอาศัยอยู่ที่เมืองนี้จนอายุได้ 10 ขวบจึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองเดลาแวร์จวบจนปัจจุบัน เขาได้เริ่มศึกษาที่มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ และได้รับปริญญาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ ในปี พ.ศ. 2511 ไบเดินประกอบอาชีพเป็นทนายความตั้งแต่ปี 2512 และได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะลูกขุนเมื่อปี 2513 ไบเดินเข้ามารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรกในปี 2515 โดยการเลือกตั้ง ทำให้กลายเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่ได้เข้ามารับตำแหน่งในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ โดยมีอายุเพียง 29 ปี ในสมัยแรก จากนั้น เขาก็ชนะการเลือกตั้งอีกครั้งในปี 2521, 2527, 2533, 2539 และ 2545 นับว่าเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่ครองตำแหน่งมานานที่สุดเป็นอันดับ 6 ในประวัติศาสตร์อีกด้วย
ไบเดินเป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ต่างประเทศมายาวนานจนเป็นประธานของคณะกรรมการชุดนี้ ศิลปะการเจรจาของเขาเคยนำมาซึ่งความช่วยเหลือทางการทหารของสหรัฐและการเข้าแทรกแซงในสงครามบอสเนีย เขาออกเสียงสนับสนุนนโยบายการแก้ปัญหาสงครามอิรัก แต่ต่อมาได้ประกาศจุดยืนว่าอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ดังกล่าว นอกจากนั้น ไบเดินยังได้ดำรงตำแหน่งประธานของคณะกรรมาธิการศาลยุติธรรมสำหรับสมาชิกวุฒิสภาอีกด้วย โดยมีส่วนในเรื่องของยาเสพติด อาชญากรรม การป้องกันภัย และสิทธิพลเมือง และยังเป็นแกนนำในการเสนอกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาชญากรรมการใช้ความรุนแรงและการบีบบังคับ และกฎหมายว่าด้วยการคุกคามสตรี
ไบเดินเคยลงสมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2531 และ 2551 แต่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งสองครั้ง แต่ในปี 2551 บารัก โอบามา ผู้สมัครที่ได้ตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตตัดสินใจเลือกไบเดินเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเป็นคู่สมัครในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2551 นี้ และได้รับเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิบดี ในเดือนมกราคม 2560 ไบเดินได้รับรางวัลเกียรติยศเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดีจากประธานาธิบดีโอบามา ในเดือนเมษายน 2562 ไบเดินประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐใน พ.ศ. 2563 ในเดือนมิถุนายน 2563 เขามีคุณสมบัติตามเกณฑ์จากคณะผู้ออกเสียงที่จำเป็นเพื่อให้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรค[1] และเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ไบเดินประกาศให้กมลา แฮร์ริส เป็นคู่สมัครรับเลือกตั้ง จนในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 ไบเดินได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งเหนือดอนัลด์ ทรัมป์ และเข้าพิธีสาบานตนเพื่อเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2564 ทั้งนี้ ไบเดินเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นคนแรกจากรัฐเดลาแวร์ และคนแรกที่มีรองประธานาธิบดีเป็นสุภาพสตรี[2]
นโยบายเร่งด่วนของไบเดินคือการฟื้นฟูประเทศจากการระบาดของโควิด-19[3] เขาลงนามในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนซึ่งเป็นการเน้นมาตรการระยะสั้นในการเยียวยาชาวอเมริกันผู้ได้รับผลกระทบ เขายังลงนามในกฎหมายสำคัญอื่น ๆ อาทิ กฎหมายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาสาธารณูปโภค และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด และยังรับรองกฎหมายการสมรสของคู่รักเพศเดียวกันและสนับสนุนกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ[4][5] ในวาระดำรงตำแหน่งของเขายังมีเหตุการณ์สำคัญในการแต่งตั้ง เคตันจี บราวน์ แจ็กสัน สตรีผิวสีคนแรกผู้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐ[6] ไบเดินยังมีส่วนร่วมในความตกลงปารีสเพื่อมุ่งเน้นการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เขามีคำสั่งให้ถอนกำลังทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานซึ่งเริ่มมีการเจรจามาตั้งแต่สมัยของทรัมป์ ในช่วงเวลาดังกล่าว ได้เกิดเหตุการณ์การรุกของตอลิบาน พ.ศ. 2564 ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดของรัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน[7] ไบเดินยังร่วมลงนามในออคัส กติกาสัญญาไตรภาคีระหว่างออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐ เพื่อช่วยเหลือออสเตรเลียในการพัฒนาเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ เขาตอบโต้การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย พ.ศ. 2565 ด้วยการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย และช่วยเหลือการส่งมอบอาวุธไปยังยูเครน ต่อมา ในวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2566 ไบเดินประกาศลงสมัครเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง[8][9] ไบเดินให้การสนับสนุนอิสราเอลในสงครามอิสราเอล–ฮะมาส พ.ศ. 2566 และประณามการกระทำของฮะมาสและกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ ว่าเป็นการก่อการร้าย