Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สนธิสัญญาผนวกดินแดนญี่ปุ่น–เกาหลี หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่ง สนธิสัญญาญี่ปุ่น–เกาหลี ค.ศ. 1910 เป็นสนธิสัญญาที่กระทำขึ้นระหว่างจักรวรรดิญี่ปุ่นกับจักรวรรดิเกาหลี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1910[1] สนธิสัญญาฉบับนี้ทำให้เกาหลีหมดสิ้นอำนาจการปกครองตนเองโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากที่ก่อนหน้านี้เกาหลีตกเป็นรัฐในอารักขา อันเนื่องมาจากสนธิสัญญาอึลซา เมื่อ ค.ศ. 1905
สนธิสัญญาญี่ปุ่น–เกาหลี ค.ศ. 1910 | |
---|---|
หนังสือมอบอำนาจทั่วไปแก่อี วัน-ยง ลงลายพระอภิไธยและประทับราชลัญจกรโดยจักรพรรดิยุงฮี (อี ช็อก, 이척 李坧) จักรพรรดิองค์สุดท้าย ปรากฏลายพระอภิไธย '坧' | |
ประเภท | สนธิสัญญาผนวกดินแดน |
บริบท | การผนวกดินแดนจักรวรรดิเกาหลีโดยจักรวรรดิญี่ปุ่น |
วันตรา | 22 สิงหาคม ค.ศ. 1910 |
วันมีผล | 29 สิงหาคม ค.ศ. 1910 |
วันหมดอายุ | 15 สิงหาคม ค.ศ. 1945 , 2 กันยายน ค.ศ. 1945 โดยพฤตินัย |
ยืนยันวันหมดอายุ | 22 มิถุนายน ค.ศ. 1965 |
ผู้ลงนาม |
|
ภาคี | |
ผู้ให้สัตยาบัน |
|
ภาษา | จีนวรรณกรรม |
สนธิสัญญาผนวกดินแดนญี่ปุ่น–เกาหลี | |||||
ชื่อภาษาเกาหลี | |||||
---|---|---|---|---|---|
ฮันกึล | 한일병합조약 (한일합방조약, 한일합방늑약) | ||||
ฮันจา | 韓日倂合條約 (韓日合邦條約, 韓日合邦勒約) | ||||
| |||||
ชื่อภาษาญี่ปุ่น | |||||
คันจิ | 韓国併合ニ関スル条約 หรือ 日韓併合条約 | ||||
ฮิรางานะ | かんこくへいごうにかんするじょうやく หรือ にっかんへいごうじょうやく | ||||
|
นักวิเคราะห์ข่าวชาวญี่ปุ่นทำนายว่าชาวเกาหลีจะถูกดูดกลืนเข้ากับจักรวรรดิญี่ปุ่นโดยง่าย[1]
ใน ค.ศ. 1965 สนธิสัญญาว่าด้วยความสัมพันธ์ขั้นพื้นฐานระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นยืนยันว่าสนธิสัญญานี้ "เป็นโมฆะไปแล้ว"[2]
ญี่ปุ่นเมินคำขอของ จักรพรรดิซุนจงแห่งเกาหลี ที่ทรงต้องการให้สนธิสัญญาอยู่ภายใต้กฎหมายของเกาหลี ดังนั้นแล้วพระองค์จึงปฏิเสธการลงพระนาม ทำให้ นายกรัฐมนตรีเกาหลี อี วันยง ต้องลงนามแทน โดยมีผู้แทนจากฝ่ายญี่ปุ่นคือ ไวเคานต์ เทราอูจิ มาซาตาเกะ ผู้แทนพระองค์ประจำเกาหลี
รัฐบาลพระจักรพรรดิญี่ปุ่นได้แต่งตั้งรัฐบาลข้าหลวงแห่งเกาหลีเพื่อบริหารราชการและกิจการของดินแดนเกาหลี โดยให้ เทราอุจิ มาซาตาเกะ ผู้แทนพระองค์ประจำเกาหลี เป็นข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการเกาหลีคนแรก ทั้งนี้รัฐบาลข้าหลวงต่างพระองค์อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลกลางที่กรุงโตเกียว ในขณะที่ฝ่ายขุนนางและชนชั้นปกครองเดิมของเกาหลีก็ไม่อาจยอมรับการปกครองของญี่ปุ่น และไปจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นแห่งประเทศเกาหลีขึ้นที่เซี่ยงไฮ้และฉงชิ่ง
- สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นแลสมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลี มีพระราชดำริตริตรองถึงความสัมพันธ์พิเศษแลใกล้ชิดสนิทเชื้อของสองแผ่นดิน ทรงปรารถนาให้สองแผ่นดินมีความบริบูรณ์ร่วมกันยิ่งขึ้นไปแลมีความสงบราบเรียบถาวรสืบไปในบูรพาทวีป ด้วยทรงเห็นว่าการดังกล่าวจะสำเร็จเสร็จผลที่สุดได้ก็โดยการผนวกกรุงเกาหลีเข้ากับจักรวรรดิกรุงญี่ปุ่นนั้น จึงทรงตัดสินพระทัยให้จัดทำสนธิสัญญาผนวกดินแดนดังกล่าวขึ้น แลเพื่อวัตถุประสงค์นั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้านามผู้มีอำนาจในพระปรมาภิไธยไว้ ดังต่อไปนี้
- สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่น โดยไวเคานต์เทราอุจิ มาซาตาเกะ ผู้แทนพระองค์ แลสมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลี โดยอี วันยง หัวหน้าคณะรัฐมนตรี
- หลังได้ประชุมปรึกษาหารือร่วมกันแล้ว จึงได้ตกลงตามข้อต่อไปนี้
- ข้อ 1 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลีทรงยกให้แก่สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นซึ่งสิทธิเด็ดขาดแลอำนาจอธิปไตยเหนือกรุงเกาหลีทั้งปวงเปนการถาวร
- ข้อ 2 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นทรงยอมรับการยกให้ซึ่งได้กล่าวไว้ในข้อก่อนหน้า แลทรงยินยอมให้การผนวกกรุงเกาหลีเข้ากับญี่ปุ่นเปนการสำเร็จเสร็จสมบูรณ์
- ข้อ 3 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นทรงยินยอมให้สมเด็จพระจักรพรรดิ แลอดีตพระจักรพรรดิ แลมกุฎราชกุมารกรุงเกาหลี ตลอดจนพระภริยาแลทายาททั้งหลาย คงไว้ซึ่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์ แลพระเกียรติยศ ตามฐานะของแต่ละพระองค์เปนลำดับ แลโปรดให้จัดเงินปีถวายตามสมควรเพื่อเปนการธำรงไว้ซึ่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์ แลพระเกียรติยศนั้น
- ข้อ 4 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นจะทรงโปรดให้มีการปฏิบัติแลถวายพระเกียรติยศเปนสมควรแก่สมาชิกพระราชวงศ์เกาหลีตลอดจนบรรดาทายาทนอกเหนือจากองค์ที่กล่าวไว้ในข้อก่อนหน้า
- ข้อ 5 สมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นจะทรงพระราชทานยศขุนนางและเงินตราตกแก่ชาวเกาหลีผู้ซึ่งมีความดีความชอบสมควรแก่การยอมรับนับถือเปนพิเศษ
- ข้อ 6 ด้วยผลแห่งการผนวกดินแดนตามที่กล่าวไว้ รัฐบาลกรุงญี่ปุ่นจะเข้ารับช่วงเหนือบรรดาราชการงานปกครองทั้งปวงของเกาหลี แลรับรองว่าจะให้การปกป้องคุ้มครองอย่างเต็มกำลังแก่บุคคลแลทรัพย์สมบัติของชาวเกาหลีที่ปฏิบัติตามพระราชกำหนดกฎหมายอันบังคับใช้เพื่อส่งเสริมความเปนอยู่สุขของชาวเกาหลีเหล่าที่ว่านี้
- ข้อ 7 รัฐบาลกรุงญี่ปุ่นจะให้การบรรจุเปนข้าราชการญี่ปุ่นประจำเกาหลีแก่ชาวเกาหลีผู้ซึ่งยอมรับ ภักดี แลเลื่อมใสศรัทธาในระบอบการปกครองใหม่ แลผู้ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามหน้าที่ในงานราชการนั้น
- ข้อ 8 สนธิสัญญานี้ ได้รับพระบรมราชานุมัติจากสมเด็จพระจักรพรรดิกรุงญี่ปุ่นแลสมเด็จพระจักรพรรดิกรุงเกาหลีแล้ว ให้มีผลบังคับใช้เมื่อมีการประกาศใช้
ผู้มีอำนาจทั้งสองฝ่ายต่างได้ลงลายมือชื่อในหนังสือสัญญานี้ไว้เปนหลักฐานสำคัญ
- 22 สิงหาคม รัชศกเมจิปีที่ 43
寺內正毅 (เทราอุจิ มาซาตาเกะ) ผู้แทนพระองค์
- 22 สิงหาคม รัชศกยุงฮีปีที่ 4
李 完用 (อี วันยง) หัวหน้าคณะรัฐมนตรี
ในวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 2007 หนังสือพิมพ์ Dong-a Ilbo ของเกาหลีรายงานว่า ตามราชประเพณี พระมหากษัตริย์ไม่เคยลงพระอภิไธยในเอกราชราชการด้วยพระนามจริง แต่พระองค์ถูกทางญี่ปุ่นบังคับให้ลงพระอภิไธยด้วยพระนามจริงตามอย่างมาตรฐานตะวันตก และระบุว่าการลงพระอภิไธยของพระเจ้าซุนจงอาจเป็นข้อบังคับ[3]
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2010 สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ 75 คนเสนอให้ยกเลิกสนธิสัญญาญี่ปุ่น–เกาหลีแก่นายกรัฐมนตรี นาโอโตะ คัง[4]
ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2010 มีกลุ่มปัญญาชนประมาณ 1,000 คนในเกาหลีและญี่ปุ่นออกมาเดินขบวน ถือว่าสนธิสัญญาฉบับนี้ไม่เคยมีผลบังคับใช้[5]
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.