สนธิสัญญาสฟาลบาร์
From Wikipedia, the free encyclopedia
สนธิสัญญาสฟาลบาร์ (เดิมมีชื่อว่า สนธิสัญญาสปิตส์เบอร์เกน) เป็นสนธิสัญญาที่รับรองอธิปไตยของนอร์เวย์เหนือหมู่เกาะสปิตส์เบอร์เกน (ปัจจุบัน คือสฟาลบาร์) โดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติ อธิปไตยนี้ยังมีเงื่อนไขบางประการและไม่ใช่กฎหมายนอร์เวย์ทั้งหมดที่มีผลบังคับใช้เหนือสฟาลบาร์ สนธิสัญญาดังกล่าวเพียงกำหนดให้สฟาลบาร์เป็นเขตปลอดทหารบางส่วน ประเทศผู้ลงนามทั้งหมดได้รับสิทธิเท่าเทียมกันในการดำเนินกิจกรรมเชิงพาณิชย์ (ส่วนใหญ่เป็นการทำเหมืองถ่านหิน) ในหมู่เกาะดังกล่าว ข้อมูลเมื่อ 2012[update] มีเพียงนอร์เวย์และรัสเซียที่ใช้สิทธินี้
สนธิสัญญาว่าด้วยการยอมรับอธิปไตยของนอร์เวย์เหนือหมู่เกาะสปิตส์เบอร์เกน ซึ่งรวมเกาะหมี Treaty recognising the sovereignty of Norway over the Archipelago of Spitsbergen, including Bear Island Traité reconnaissant la souveraineté de la Norvège sur l’archipel du Spitsberg, y compris l’île aux Ours | |
---|---|
ประเทศที่ให้สัตยาบัน | |
วันลงนาม | 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1920 |
ที่ลงนาม | ปารีส ประเทศฝรั่งเศส |
วันมีผล | 14 สิงหคม ค.ศ. 1925 |
เงื่อนไข | การให้สัตยาบันโดยผู้ลงนามทั้งหมด |
ภาคี | 46[1] - ดูรายการ |
ผู้เก็บรักษา | รัฐบาลสาธารณรัฐฝรั่งเศส |
ภาษา | ฝรั่งเศสและอังกฤษ |
Spitsbergen Treaty ที่ วิกิซอร์ซ |
เฉพาะหมู่เกาะนี้เป็นเขตปลอดวีซ่าตามเงื่อนไขในสนธิสัญญาสฟาลบาร์[2]
มีการลงนามเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1920 และได้รับการเสนอให้ได้รับการลงทะเบียนใน ประมวลสนธิสัญญาสันนิบาตชาติ ในวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 1920[3] เดิมมีเพียง 14 ประเทศ: เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, อิตาลี, ญี่ปุ่น, เนเธอร์แลนด์,[4] นอร์เวย์, สวีเดน, สหราชอาณาจักร (รวมประเทศในเครือจักรภพอย่างออสเตรเลีย, แคนาดา, นิวซีแลนด์, แอฟริกาใต้, อินเดีย) และสหรัฐ[5] ในกลุ่มประเทศผู้ลงนามเดิม ญี่ปุ่นเป็นประเทศสุดท้ายที่ให้สัตยาบันสนธิสัญญาดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1925 ต่อมา วันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1925 สนธิสัญญาดังกล่าวได้มีผลบังคับใช้[6]
หลังบังคับใช้แล้ว มีหลายชาติที่เข้าร่วมสนธิสัญญาเพิ่มเติม ข้อมูลเมื่อ 2018[update] มีประเทศที่เข้าร่วมสัญญา 46 ประเทศ[1]