Loading AI tools
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สจวร์ต อเล็กซานเดอร์ เบนเนตต์ (Stuart Alexander Bennett; 10 สิงหาคม ค.ศ. 1980)[2] เป็นนักมวยปล้ำอาชีพ, ผู้บรรยาย, นักแสดงและอดีตนักมวยนิ้วเปล่าชาวอังกฤษที่รู้จักกันดีในWWEภายใต้ชื่อ เวด บาร์เร็ตต์ (Wade Barrett)
Wade Barrett | |
---|---|
ชื่อเกิด | Stuart Alexander Bennett |
เกิด | Penwortham, Lancashire, England, United Kingdom | 10 สิงหาคม ค.ศ. 1980
ประวัติมวยปล้ำอาชีพ | |
ชื่อบนสังเวียน | Bad News Barrett[1] King Barrett Lawrence Knight Stu Bennett Stu Sanders Wade Barrett The Lord |
ส่วนสูง | 6 ฟุต 7 นิ้ว (201 เซนติเมตร)[1] |
น้ำหนัก | 246 ปอนด์ (112 กิโลกรัม)[1] |
มาจาก | Manchester, England Preston, England[1] |
ฝึกหัดโดย | Al Snow[2][3] Jon Richie[2][3] |
เปิดตัว | 2004[2] |
เบนเน็ตต์เกิดใน เพนวอร์แทม, มณฑลแลงคาสเชอร์ เขาอาศัยอยู่ในเพรสตันจนอายุหกเมื่อเขาย้ายไปเวลส์กับครอบครัวของเขา[4][5] เขาได้รับแรงบันดาลใจจากไอดอลของเขาบอยสมิธ ที่จะกลายเป็นนักมวยปล้ำอาชีพและการแข่งขันแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล WWF ในศึก SummerSlam 1992 (ระหว่างเดวี บอย สมิธ และเบรต ฮาร์ตฮีโร่ในวัยเด็ก) เป็นของเขาตลอดเวลาการแข่งขันที่ชื่นชอบ[6][7] เขาได้รับปริญญาในชีววิทยาทางทะเลจากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล[4] การทำงานในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์[5] และเป็นที่ปรึกษาด้านการรับสมัครในขณะที่การฝึกอบรมที่จะกลายเป็นนักมวยปล้ำ[4] เขายังมีต้นกำเนิดในประเทศสเปนโดยคุณยาย
ขณะที่มีชีวิตในลิเวอร์พูลในวัยยี่สิบต้นๆ ของเขาเบนเน็ตต์กลายเป็นแชมป์มวยเปลือยนิ้วจะไปต่อสู้ในสถานที่ต่างๆทั่วยุโรป[7][8][9][10] เขาจะเข้าแข่งขันในการแข่งขันการขนานนามตามข้อนิ้วมือเปล่า นรกเป็น "การรบที่กรุงบูดาเปสต์" ซึ่งเขาพ่ายแพ้ของฝ่ายตรงข้ามที่มีชื่อเสียงสำหรับรางวัลเงินสดขนาดใหญ่[11] หลังจากนั้นขณะที่เขาเดินผ่านตรอกในการค้นหาของรถแท็กซี่ไปสนามบินเบนเน็ตต์ถูกแทงด้วยแปดนิ้ว ใบมีดโดยคนที่พยายามที่จะขโมยเงินสด เขาได้ปฏิเสธที่จะทำอย่างละเอียดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลทางกฎหมาย แต่คนร้ายที่เกิดขึ้นได้รับบาดเจ็บสาหัสและเบนเน็ตต์หนีไปกับเงินสดแม้จะมีการสูญเสียเลือดอย่างมีนัยสำคัญ การโจมตีทิ้งเขามีรอยแผลเป็นขนาด 12 นิ้วที่ทอดยาวจากบนหลังของเขาที่จะลงครึ่งหนึ่งไขว้ขวาของเขา[11] และต่อยที่เขาเอาในอาชีพเปลือยนิ้วของเขาทิ้งเขากับจมูกพิการ,[7] แต่เขาได้แสดงความ เสียใจไม่มีช่วงเวลาของชีวิตของเขา[11] เขาได้ออกจากอาชีพเปลือยนิ้วของเขาเข้า WWE ตามคำขอของ WWE Hall of Fame ดัสตี โรดส์[7] ถูกแนะนำให้รู้จักกับฝูงชน WWE เป็นแชมป์เปลือยนิ้วยุโรปที่ ได้ต่อสู้บนท้องถนนของยุโรป[12] ย้ายสูญเปล่าของเขาเป็นชื่อหลังจากที่เว็บไซต์ของหลายของการต่อสู้ของเขา[9]
เบนเน็ตต์ตัดสินใจที่จะเป็นนักมวยปล้ำอาชีพเมื่ออายุ 21[7] และได้รับการฝึกฝนโดยจอนริตชีและอัล สโนว์[2] เขาเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2004 โดยใช้ชื่อ สตู แซนเดอส์[13] เขาได้ขึ้นปล้ำในแบทเทิลรอยัล 30 คนที่จัดขึ้นโดย NWA UK Hammerlock Wrestling[3] เขายังเคยปล้ำสมาคม Dropkixx Wrestling, Real Quality Wrestling และ All Star Wrestling[3][4] เช่นเดียวกับการต่อสู้ในเวลส์ Welsh Wrestling ในเดือนมิถุนายนปี 2005 เขาชนะDanny Beckwith ในการชิงแชมป์ Dropkixx IWC Heavyweight Championship ในปี 2005 เขาเปิดศึกกับ Nick Aldis และ Danny Dexter ใน Dropkixx Wrestling
เขาได้ร่วมฝึกปล้ำค่ายพัฒนาทักษะของ WWE ฟลอริดาแชมเปียนชิปเรสต์ลิง(FCW) และเป็นแชมป์ฟลอริดาแท็กทีม FCWร่วมกับดรูว์ แม็กอินไทร์ในนามดิ เอ็มไพร์[14] ใน OVW ได้คว้าแชมป์เซาเทิร์นแท็กทีมคู่กับพอล เบอร์ชิลล์ ปี 2010 ได้เป็นผู้ชนะการประกวดแข่งขันNXTซีซั่น1 โดยคริส เจริโคเป็นผู้ฝึกสอน[15][16] ในรอว์ 7 มิถุนายน 2010 เขาได้เปิดตัวเป็นผู้นำกลุ่มเดอะเน็กซัส โดยรุมเล่นงานจอห์น ซีนา, ซีเอ็ม พังก์, โฆษก จัสติน โรเบิตส์ และทำลายโชว์ของรอว์[17] จากนั้นเน็กซัสก็ได้ก่อกวนซีนาในการชิงแชมป์ตลอด ทำให้ซีนาแค้นมากท้าเจอกันในซัมเมอร์สแลม (2010)แบบ 7 ต่อ 7 คัดออก ระหว่างทีมเน็กซัส ปะทะ WWE โดยก่อนหน้านั้นเน็กซัสได้ลอบทำร้ายสมาชิกทีม WWE อย่างเดอะเกรทคาลีจนไม่สามารถปล้ำได้ แต่ซีนาได้นำแดเนียล ไบรอัน อดีตกลุ่มเน็กซัสมาร่วมทีมแทน สุดท้ายบาร์เร็ตต์ถูกซีนาใส่ท่า STF จนตบพื้นยอมแพ้[18] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2010)ได้ชิงแชมป์ WWE เป็นครั้งแรกใน 6 คนคัดออกแต่ก็ไม่ได้แชมป์[19] ในเฮลอินเอเซล (2010)ได้ชนะซีนาจากการช่วยเหลือของไมเคิล แมคกิลลิคัตตีและฮัสกี แฮร์ริสจากNXTซีซั่น2 ทำให้ซีนาต้องเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มเน็กซัส[20]
ในแบรกกิ้ง ไรท์ส (2010)ได้ชิงแชมป์ WWE กับแรนดี ออร์ตัน โดยมีซีนายืนอยู่ข้างเวที สุดท้ายบาร์เร็ตต์ชนะฟาล์วเพราะถูกซีนาใส่ Attitude Adjustment แต่ออร์ตันไม่เสียแชมป์[21] ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2010)ได้รีแมตช์ชิงแชมป์กับออร์ตันและมีซีนาเป็นกรรมการพิเศษ โดยถ้าบาร์เร็ตต์ชนะก็จะได้เป็นแชมป์ และซีนาก็จะได้ออกจากการเป็นสมาชิกเน็กซัสอย่างถาวร แต่ถ้าบาร์เร็ตต์แพ้ ซีนาก็ต้องออกจาก WWE สุดท้ายบาร์เร็ตต์เป็นฝ่ายแพ้ ทำให้ซีนาต้องออกจาก WWE[22] ในรอว์คืนต่อมาได้ขอชิงแชมป์กับออร์ตันอีกครั้ง โดยก่อนปล้ำได้ให้กลุ่มเน็กซัสเล่นงานออร์ตัน ทำให้บาร์เร็ตต์ได้เปรียบมากเพราะออร์ตันเจ็บหัวเข่า แต่ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ เพราะซีนาได้มาก่อกวนการ[23] บาร์เร็ตต์ได้เรียกซีนากลับมาใน WWE และได้ท้าเจอกันในทีแอลซี (2010)ในรูปแบบแมตช์เก้าอี้ สุดท้ายบาร์เร็ตต์เป็นฝ่ายแพ้[24] ต่อมาซีเอ็ม พังก์ได้เป็นหัวหน้ากลุ่มเน็กซัสคนใหม่ ในรอว์ 3 มกราคม 2011 บาร์เร็ตต์ได้ปล้ำ 3 เส้ากับเชมัส และออร์ตัน หาผู้ท้าชิงอันดับ 1 ในการชิงแชมป์ WWE กับเดอะมิซในรอยัลรัมเบิล (2011) ในแมตช์นี้ออร์ตันเป็นผู้ชนะ เพราะพังก์หัวหน้ากลุ่มเน็กซัสคนใหม่ได้มาก่อกวนการปล้ำและดึงปลอกแขนสมาชิกของบาร์เร็ตต์ออก และได้ถูกออกจากการเป็นสมาชิกเน็กซัส[25]
บาร์เร็ตต์ได้ย้ายไปอยู่ในสแมคดาวน์และได้มาก่อกวนการปล้ำของบิ๊กโชว์ ทำให้บิ๊กโชว์แค้นมากจึงไปขอท้าเจอในสแมคดาวน์ถัดไป ผลสรุปคือไม่มีผลการตัดสินเพราะฮีท สเลเตอร์กับจัสติน เกเบรียลออกมาช่วยรุมเล่นงานบิ๊กโชว์ และยังมีอีซีคีล แจ็กสันออกมาช่วยอีกคน ทำให้บิ๊กโชว์ถึงกับหมดสภาพ[26] บาร์เร็ตต์ได้ก่อตั้งกลุ่มชื่อว่าเดอะคอร์ ประกอบด้วย บาร์เร็ตต์, อีซีคีล, สเลเตอร์ และเกเบรียล[27] ในสแมคดาวน์ 25 มีนาคม บาร์เร็ตต์ได้คว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัลสมัยแรกจากโคฟี คิงส์ตัน[28][29][30] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 เดอะคอร์ได้แพ้แท็กทีม 8 คนกับ บิ๊กโชว์, เคน, ซานติโน มาเรลลา และโคฟี คิงส์ตัน[31] อีซีคีลได้ออกจากกลุ่มเดอะคอร์[32] ในโอเวอร์เดอะลิมิต (2011)ต้องป้องกันแชมป์อินเตอร์กับอีซีคีล แต่สเลเตอร์และเกเบรียลออกมาช่วยบาร์เร็ตต์ทำให้แพ้ฟาล์วไม่เสียแชมป์[33] ต่อมากลุ่มเดอะคอร์ได้มีปัญหากันและแตกทีม[34] ในแคปิเทล พูนิชเมนท์ ได้เสียแชมป์ให้อีซีคีล[35] บาร์เร็ตต์ได้ฉายเดี่ยวอย่างเต็มตัว ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2011)บาร์เร็ตต์นำทีมเอาชนะทีมของแรนดี ออร์ตันได้แบบแท็กทีม 5 ต่อ 5 คัดออก ในทีแอลซี (2011)ได้แพ้ให้ออร์ตันแบบจับฟาดใส่โต๊ะ[36] ในสแมคดาวน์ส่งท้ายปี 2011 ได้เอาชนะออร์ตันแบบจับกดที่ไหนก็ได้[37] บาร์เร็ตต์ได้รับบาดเจ็บศอกซ้ายหลุดจากการปล้ำแบทเทิลรอยัลในรอว์ 20 กุมภาพันธ์ 2012 ทำให้ต้องพักการปล้ำ[38][39]
บาร์เร็ตต์ได้กลับมาในเดือนกันยายน[40][41] รอว์ 31 ธันวาคม ได้คว้าแชมป์อินเตอร์สมัยที่2จากโคฟี คิงส์ตัน[42] ก่อนเริ่มรายการเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29ได้เสียแชมป์ให้กับมิซ[43] แต่ในรอว์คืนถัดมาก็ชิงคืนได้เป็นสมัยที่3[44] ในเพย์แบ็ค (2013)เสียแชมป์ให้เคอร์ติส แอ็กเซลในแมตช์ 3เส้า โดยเดอะมิซร่วมปล้ำด้วย[45] ในรอว์ 2 ธันวาคม 2013 บาร์เร็ตต์ได้เปลี่ยนบทบาทใหม่ และใช้ชื่อว่า "แบด นิวส์ บาร์เร็ตต์" โดยออกมาแจ้งข่าวดีและข่าวร้ายให้กับแฟนๆ ข่าวดีคือเรามีรายการรอว์ ส่วนข่าวร้ายคือ คนดูมีแต่พวกบ้านนอก ไม่มีสมอง ต้องตั้งชื่อเมืองเป็นชื่อเดียวกับชื่อรัฐเพื่อที่จะได้จำได้ง่ายๆ[46] ในรอว์ 7 เมษายน 2014 บาร์เร็ตต์ได้ขึ้นปล้ำครั้งแรกภายใต้กิมมิคใหม่ เอาชนะเรย์ มิสเตริโอไปได้[47] รอว์ถัดมาได้ชนะดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ เข้ารอบรองชนะเลิศทัวร์นาเมนต์หาผู้ท้าชิงแชมป์อินเตอร์กับบิ๊กอีในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2014) รอว์ถัดมาชนะเชมัสเข้ารอบชิง รอว์ 28 เมษายน ชนะร็อบ แวน แดมได้เป็นผู้ท้าชิงอันดับ 1 กับบิ๊กอีในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ และสามารถคว้าแชมป์อินเตอร์ได้เป็นสมัยที่4 ในสแมคดาวน์ 27 มิถุนายน บาร์เร็ตต์ได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่จากการถูกแจ็ก สแวกเกอร์เหวี่ยงอัดที่กั้นคนดู ทำให้ต้องสละแชมป์อินเตอร์[48][49]
บาร์เร็ตต์ได้กลับมาในเดือนพฤศจิกายน ช่วงก่อนเริ่มรายการเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2014)[50] รอว์ส่งท้ายปี 2014 บาร์เร็ตต์กลับมาขึ้นปล้ำชนะซีซาโรไปได้[51] รอว์สัปดาห์ต่อมา บาร์เร็ตต์ได้คว้าแชมป์อินเตอร์เป็นสมัยที่5จากซิกก์เลอร์[52] ในฟาสต์เลน (2015)ป้องกันแชมป์จากดีน แอมโบรสเอาไว้ได้โดยชนะฟาล์ว[53] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 31ต้องป้องกันแชมป์แบบไต่บันได 7 คน สุดท้ายแดเนียล ไบรอันคว้าแชมป์ไปได้[54][55] วันที่ 28 เมษายน 2015 บาร์เร็ตต์ได้เป็นผู้ชนะคิงออฟเดอะริงประจำปี 2015 โดยชนะเนวิลล์ในรอบสุดท้าย และได้ฉายาเป็น คิง บาร์เร็ตต์[56][57] ในเดือนกันยายน 2015 บาร์เร็ตต์ได้ไปแสดงภาพยนตร์ของ WWE Studios-Richwater แนวแอ็กชั่น-ระทึกขวัญเรื่อง Eliminators[58] ในช่วงปลายปี 2015 บาร์เร็ตต์ได้เข้าร่วมกลุ่มเดอะลีกออฟเนชันส์ ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 32ลีกออฟเนชันส์ได้เอาชนะเดอะนิวเดย์[59] คืนต่อมาได้ถูกเตะออกจากกลุ่มลีกออฟเนชันส์[60] ก่อนจะหมดสัญญาออกจาก WWE วันที่ 6 พฤษาภาคม 2016[61] ในปี 2020 บาร์เร็ตต์ได้เซ็นสัญญาแบบฟูลไทม์ในการร่วมเป็นผู้บรรยายให้กับ WWE[62][63]
บาร์เร็ตต์มีบทบาทเล็กๆ ในภาพยนตร์เรื่อง 2013 อาชญากรรมระทึกขวัญ Dead Man Down,[64] ซึ่งเขาจำเป็นต้องใช้สำเนียงนิวยอร์ก[65] ในเดือนเมษายนปี 2015 ได้มีการประกาศว่าเขาจะเป็นดารา "ฆาตกรที่อันตรายที่สุดของยุโรป" ใน WWE Studios-Richwater ภาพยนตร์ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญชื่อ Eliminators ร่วมกับสกอตต์ แอดกินส์[66]
เบนเน็ตต์มีสามรอยสัก: ลวดหนามบนต้นแขนซ้ายของเขา[67] ซึ่งภายหลังเขาให้ครอบคลุม deltoid ทั้งหมด[68] การออกแบบเผ่าโดยตรงภายใต้รอยสักแรก[67] และดอกกุหลาบบนต้นแขนข้างขวาของเขาด้วยคำพูด "วัฒนธรรมแปลกแยก, เบื่อและความสิ้นหวัง" (สายจาก Manic Street Preachers เพลง "Little Baby Nothing")[69]
เบนเน็ตต์เป็นผู้สนับสนุนของสโมสรฟุตบอลอังกฤษเพรสตันนอร์ทเอนด์ที่[4] และทีมอเมริกันฟุตบอลชิคาโกหมี[5] เขาเล่นกีต้าร์ในเวลาว่างของเขา[5] และสนุกกับการอ่านผลงานของฮันเตอร์เอส ธ อมป์สัน[5] วงดนตรีที่ชื่นชอบของเขารวมถึง Guns N 'Roses, คลั่งไคล้ถนนเทศน์, The Beatles, แยม, Oasis, สมิธ , Stereophonics และ The Stone Roses[5]
เมื่อวันที่ 15 เดือนมิถุนายน 2008 เบนเน็ตต์ถูกจับในแทมปา, ฟลอริด้าและข้อหาแบตเตอรี่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย (ร้ายกาจ) และขัดขวางเจ้าหน้าที่ (ความผิดทางอาญา)[2][70] การจับกุมที่เกิดขึ้นด้านนอกของร้านอาหาร Champps และ บาร์ที่ 02:00[71] เขาได้รับการปล่อยตัวในวันถัดไป[71] ตามแหล่งที่มา FCW, ค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่ถูกทิ้งภายหลังจากตำรวจ เจ้าหน้าที่ที่เบนเน็ตต์บดบังไม่ได้สวมเครื่องแบบและเบนเน็ตต์ แต่หลังจากนั้นเขาได้รู้จักกันคนที่เป็นส่วนหนึ่งของการบังคับใช้กฎหมายเขาจะไม่ได้ขัดขวางเขา
ในเดือนพฤศจิกายนปี 2014 เบนเน็ตต์ได้รับกรีนการ์ดสหรัฐซึ่งได้รับสิทธิให้เขาอยู่อาศัยถาวรอย่างไม่มีเงื่อนไขในสหรัฐอเมริกาต่อไปอีก 10 ปี[72]
เบนเน็ตต์ได้เดทกับเพื่อนนักมวยปล้ำอลิเซีย ฟอกซ์[73][74] ซึ่งเขายังคงเป็นเพื่อนกับพวกเขาหลังจากที่พวกเขาเลิกกัน[75]
Year | Title | Role |
---|---|---|
2013 | Dead Man Down | Kilroy |
2016 | Eliminators | George "Bishop" Edwards |
2018 | I Am Vengeance | John Gold |
2020 | I Am Vengeance: Retaliation | John Gold |
Year | Title | Role | Notes |
---|---|---|---|
2015 | Total Divas | Himself | Guest star |
Year | Title | Role | Notes |
---|---|---|---|
2013–2015 | The JBL and Cole Show | Himself | |
2015 | Swerved | Himself | 1 episode |
2018 | Ultimate Beastmaster | Himself |
ผู้ชนะ (เดิมพัน) | ผู้แพ้ (เดิมพัน) | เมือง | ศึก | วันที่ | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|---|
Wade Barrett (เน็กซัสแตกกลุ่ม) | John Cena (ร่วมเน็กซัส) | Dallas, Texas | Hell in a Cell | 3 ตุลาคม 2010 |
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Every time you click a link to Wikipedia, Wiktionary or Wikiquote in your browser's search results, it will show the modern Wikiwand interface.
Wikiwand extension is a five stars, simple, with minimum permission required to keep your browsing private, safe and transparent.