คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ชูเอชะ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ชูเอชะ
Remove ads

บริษัทชูเอชะ (ญี่ปุ่น: 株式会社集英社; โรมาจิ: Kabushiki gaisha Shūei-sha) คือบริษัทสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นที่มีสำนักงานใหญ่ในเขตชิโยดะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ชูเอชะเป็นบริษัทสำนักพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น[3] ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1925 ในฐานะฝ่ายสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงของสำนักพิมพ์โชงากูกัง (ญี่ปุ่น: 株式会社小学館) ในปีถัดมาชูเอชะได้แยกออกเป็นบริษัทอิสระ

ข้อมูลเบื้องต้น ชื่อท้องถิ่น, ชื่อโรมัน ...

นิตยสารมังงะที่จัดพิมพ์โดยชูเอชะได้แก่ กลุ่มนิตยสาร Jump ซึ่งรวมถึงนิตยสารแนวโชเน็งเช่น โชเน็งจัมป์รายสัปดาห์, Jump SQ และ V Jump และนิตยสารแนวเซเน็งเช่น Weekly Young Jump, Grand Jump และ Ultra Jump รวมถึงนิตยสารออนไลน์อย่าง Shōnen Jump+ บริษัทยังจัดพิมพ์นิตยสารอื่นๆ ด้วย เช่น Non-no ชูเอชะร่วมกับโชงากูกังเป็นเจ้าของ Viz Media ซึ่งจัดพิมพ์มังงะของทั้งสองบริษัทในอเมริกาเหนือ[4]

Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

ชูเอชะได้รับการก่อตั้งในปี ค.ศ. 1925 โดยบริษัทสำนักพิมพ์รายใหญ่ โชงากูกัง โดย Jinjō Shōgaku Ichinen Josei (尋常小學一年女生) กลายเป็นนวนิยายเรื่องแรกที่จัดพิมพ์โดยชูเอชะ โดยความร่วมมือกับโชงากูกัง ซึ่งเป็นที่ตั้งชั่วคราวของชูเอชะ ในปี ค.ศ. 1927 มีการสร้างนวนิยายสองเรื่องชื่อ Danshi Ehon และ Joshi Ehon ในปี ค.ศ. 1928 ชูเอชะได้รับการว่าจ้างให้แก้ไข Gendai Humor Zenshū (ญี่ปุ่น: 現代ユーモア全集; โรมาจิ: Gendai Yūmoa Zenshū) ซึ่งเป็นงานรวบรวม Gendai Humor Zenshū ทั้งหมด 12 เล่ม โดยบางเล่มได้แก่ Joshi Shinjidai Eishūji-chō และ Shinjidai Eishūji-chō (新時代英習字帳) ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 มีการเปิดตัวนวนิยายอีกเรื่องชื่อ Tantei-ki Dan และ Gendai Humor Zenshū ได้เสร็จสมบูรณ์ 24 เล่ม ในปี ค.ศ. 1931 มีการเปิดตัวนวนิยายเพิ่มอีกสองเรื่องคือ Danshi Yōchien และ Joshi Yōchien

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ชูเอชะเริ่มจัดพิมพ์มังงะในกลุ่ม Omoshiro Book โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ได้จัดพิมพ์หนังสือภาพชื่อ Shōnen Ōja ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เด็กชายและเด็กหญิง Shōnen Ōja ฉบับเต็มเล่มแรกออกวางจำหน่ายในชื่อ Shōnen Ōja Oitachi Hen ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดีในทันที

นิตยสารฉบับแรกที่จัดพิมพ์โดยชูเอชะคือ Akaruku Tanoshii Shōnen-Shōjo Zasshi ต่อมาในเดือนกันยายน ค.ศ. 1949 กลุ่ม Omoshiro Book ได้ถูกเปลี่ยนรูปแบบเป็นนิตยสารที่มีเนื้อหาทั้งหมดจากสายผลิตภัณฑ์เดิม ในปี ค.ศ. 1950 มีการจัดพิมพ์นิตยสารฉบับพิเศษในชื่อ Hinomaru นอกเหนือจาก Omoshiro Book แล้วในปี ค.ศ. 1951 ยังมีการจัดพิมพ์ฉบับสำหรับผู้หญิงคือ Shōjo Book ซึ่งนำเสนอมังงะที่มุ่งเป้าไปที่เด็กสาววัยรุ่น ในปี ค.ศ. 1952 ชูเอชะได้แยกเป็นอิสระโดยสมบูรณ์โดยมีที่ตั้งในอาคารย่านฮิตตสึบาชิ ในปีนั้น Omoshiro Book ได้ยุติการตีพิมพ์ และได้เริ่มตีพิมพ์เป็นนิตยสารรายเดือน Myōjō ผลงานชุดของ Omoshiro Book ได้รับการตีพิมพ์ในรูปแบบบุงโกบง ภายใต้สายผลิตภัณฑ์ Omoshiro Manga Bunko [5] นวนิยายชื่อ Yoiko Yōchien ได้รับการตีพิมพ์และ Omoshiro Book ถูกแทนที่ด้วยนิตยสารมังงะสำหรับเด็กอีกเล่มหนึ่งชื่อ Yōnen Book

ในปี ค.ศ. 1955 ความสำเร็จของ Shōjo Book นำไปสู่การตีพิมพ์ Ribon ซึ่งยังคงตีพิมพ์อยู่ในปัจจุบัน นวนิยายเรื่อง Joshi Yōchien Kobato เริ่มตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1958 และวันที่ 23 พฤศจิกายน ของปีนั้นมีการออกนิตยสารฉบับพิเศษของ Myōjō ในชื่อ Weekly Myōjō ในปี ค.ศ. 1951 มีการออกฉบับสำหรับผู้ชายของ Shōjo Book อีกฉบับคือ Shōnen Book และผลงานชุดของ Shōjo Book ก็ได้รับการตีพิมพ์ในรูปแบบบุงโกบงภายใต้สายผผลิตภัณฑ์ Shōjo Manga Bunko ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 มีการออกนิตยสารภาคแยกของ Myōjō อีกฉบับชื่อ Bessatsu Weekly Myōjō

ชูเอชะยังคงตีพิมพ์นวนิยายมากมาย งานรวบรวมผลงานชุดใน Omoshiro Book จำนวนมากได้ถูกนำออกเผยแพร่ในชื่อ Shōnen-Shōjo Nippon Rekishi Zenshū ซึ่งมีทั้งหมด 12 เล่ม หนังสืออื่นๆ อีกมากที่ได้รับการตีพิมพ์ได้แก่ Hirosuke Yōnen Dōwa Bungaku Zenshū, Hatachi no Sekkei, Dōdō Taru Jinsei, Shinjin Nama Gekijō และ Gaikoku kara Kita Shingo Jiten ในปี ค.ศ. 1962 ชูเอชะได้ตีพิมพ์ Myōjō ฉบับสำหรับผู้หญิงในชื่อ Josei Myōjō และนวนิยายอื่นๆ อีกมากมาย ในปี ค.ศ. 1963 ชูเอชะเริ่มตีพิมพ์ Margaret ที่ประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวาง โดยมีฉบับแยกเพิ่มเติมคือ Bessatsu Margaret นวนิยายเรื่อง Ukiyo-e Hanga ได้รับการตีพิมพ์ครบเจ็ดเล่ม และหนังสือภาพ Sekai 100 Nin no Monogatari Zenshū ได้รับการตีพิมพ์ต่อเนื่อง 12 เล่ม ในปี ค.ศ. 1964 Kanshi Taikei ได้รับการตีพิมพ์ 24 เล่มพร้อมการพิมพ์ซ้ำ ในปีนั้นมีการจัดทำนวนิยายชุดชื่อ Compact Books และมังงะชุดชื่อ Televi-Books ("televi": ย่อมาจาก "television") ในปี ค.ศ. 1965 มีการสร้างนิตยสารเพิ่มอีกสองฉบับได้แก่ Cobalt และ Bessatsu Shōnen Book ซึ่งเป็นฉบับแยกของ Shōnen Book [6]

ในปี ค.ศ. 1966 ชูเอชะเริ่มตีพิมพ์ Weekly Playboy, Seishun to Dokusho และ Shōsetsu Junior นวนิยายชื่อ Nihonbon Gaku Zenshū ซึ่งมีจำนวนถึง 88 เล่ม มีการสร้างนิตยสารมังงะอีกฉบับชื่อ Young Music Deluxe Margaret โดยเริ่มตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1967 และมีสายผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมคือ Margaret Comics และ Ribon Comics ในปี ค.ศ. 1968 นิตยสาร Hoshi Young Sense เริ่มตีพิมพ์ในฐานะภาคแยกของ Young Sense ที่มีอายุสั้น ต่อมาในปีนั้น Margaret ได้เปิดตัวนิตยสาร Seventeen ในฐานะฉบับภาษาญี่ปุ่นของนิตยสารภาษาอังกฤษ

โชเน็งจัมป์ ถูกสร้างขึ้นในปีเดียวกันในฐานะนิตยสารรายกึ่งสัปดาห์ มีการสร้างนิตยสารมังงะสำหรับเด็กอีกฉบับในปีนั้นชื่อ Junior Comic และภาคแยกของ Ribon อีกฉบับชื่อ Ribon Comic ในปี ค.ศ. 1969 นิตยสาร Joker เริ่มตีพิมพ์พร้อมกับ guts มีการตีพิมพ์นวนิยายอื่นๆ อีกหลายเรื่อง นิตยสาร Bessatsu Seventeen ได้เริ่มตีพิมพ์ ในปีนั้น โชเน็งจัมป์ กลายเป็นนิตยสารรายสัปดาห์และเปลี่ยนชื่อเป็น โชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ ตามหลังการสิ้นสุดของ Shōnen Book ภาคแยกของ โชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ เริ่มขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนเป็นรายสัปดาห์ โดยเดิมชื่อ Bessatsu Shōnen Jump และเปลี่ยนชื่อเป็น Monthly Shōnen Jump ในฉบับที่สอง

คริสต์ทศวรรษ 1970 เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวนิตยสารนวนิยาย Subaru และในปี ค.ศ. 1971 นิตยสาร Non-no และ Ocean life ก็เริ่มตีพิมพ์ นวนิยายชุด Gendai Nippon Bijutsu Zenshū ซึ่งมีจำนวน 18 เล่มได้กลายเป็นหนังสือขายดี ในปี ค.ศ. 1972 Roadshow เริ่มตีพิมพ์ และเรื่อง กุหลาบแวร์ซายส์ ก็เริ่มเผยแพร่ในมังงะชุด Margaret Comics โดยได้รับความนิยมอย่างมหาศาล ในปี ค.ศ. 1973 นิตยสาร Playgirl เริ่มตีพิมพ์ และวางจำหน่ายนวนิยายชุด Zenshaku Kanbun Taikei ซึ่งมีจำนวน 33 เล่ม ในปี ค.ศ. 1974 โชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ ได้เปิดตัว Akamaru Jump และมีการเปิดตัว Saison de Non-no [7]

ชูเอชะประกาศว่าในช่วงฤดูร้อนของปี ค.ศ. 2011 บริษัทจะเปิดตัวนิตยสารมังงะฉบับใหม่ชื่อว่า Miracle Jump[8]

ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2016 ชูเอชะประกาศว่าบริษัทได้จัดตั้งแผนกใหม่เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ชื่อว่า Dragon Ball Room (ญี่ปุ่น: ドラゴンボール室; โรมาจิ: Doragon Bōru Shitsu) โดยมีบรรณาธิการบริหารของ V Jump คืออากิโอะ อิโยกุ เป็นหัวหน้า แผนกนี้อุทิศให้กับผลงาน ดราก้อนบอล ของอากิระ โทริยามะโดยเฉพาะ และเพื่อปรับปรุงและขยายภาพลักษณ์ตราสินค้าให้ดียิ่งขึ้น[9]

วันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 2019 ชูเอชะได้เปิดตัวนิตยสารออนไลน์ Shōnen Jump+ ฉบับภาษาอังกฤษทั่วโลกในชื่อ มังงะพลัส ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ฟรีในทุกประเทศ ยกเว้นจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งมีบริการแยกต่างหาก ฉบับภาษาสเปนจะเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์/มีนาคม ค.ศ. 2019 และอาจมีคลังเนื้อหาที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับแอปเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น ฉบับภาษาอังกฤษมีตัวอย่างมังงะจำนวนมากที่สามารถอ่านได้ฟรี รวมถึงเรื่องปัจจุบันทั้งหมดของ โชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ เรื่องจำนวนมากจาก Shōnen Jump+ และบางเรื่องจาก Jump Square อย่างไรก็ตามจะไม่เหมือนกับเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นโดยตอนล่าสุดของมังงะ โชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ ในปัจจุบันจะเปิดให้ใช้งานฟรีในช่วงเวลาจำกัดและไม่ได้มีการขายเนื้อหา

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 2022 ชูเอชะประกาศว่าเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยที่เป็นเจ้าของทั้งหมดแห่งใหม่ชื่อ Shueisha Games โดยบริษัทจะสนับสนุนนักพัฒนาอื่นๆ ในโครงการที่กำลังดำเนินอยู่มากกว่าห้าโครงการ และพัฒนาเกมมือถือโดยมีนักวาดของ โชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ เป็นผู้ออกแบบตัวละคร[10][11][12]

วันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2023 มีการประกาศเปิดตัวบริการมังงะแนวตั้งชื่อ Jump Toon และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปี ค.ศ. 2024[13]

Remove ads

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads