คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ภาพยนตร์ชุดไทยมี 6 ภาค จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ กำกับการแสดงโดยหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล มี 6 ภาค ทุนสร้าง 700 ล้านบาท (ในครั้งแรกกำหนดให้มี 5 ภาค[1][2]) เป็นภาคต่อจากภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท โดยหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ได้วางเป้าหมายเรื่องนี้ไว้ว่าจะต้องทำให้ดีกว่าภาพยนตร์เรื่อง "สุริโยไท" ในทุกด้าน โดยมีขอบเขตการทำงานใหญ่กว่า อลังการกว่า ฉากต่าง ๆ มีความยิ่งใหญ่อลังการกว่า นักแสดงหลัก และนักแสดงประกอบมีจำนวนมากกว่า เครื่องมือ และเทคโนโลยีต่าง ๆ มากกว่า[3] ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา[4]
![]() | ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
![]() | บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
Remove ads
เนื้อเรื่อง
องค์ประกันหงสา
ประกาศอิสรภาพ
ยุทธนาวี
ศึกนันทบุเรง
ยุทธหัตถี
อวสานหงสา
Remove ads
ตัวละครและนักแสดง
Remove ads
การผลิต
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2547 ที่ ค่ายสุรสีห์ กาญจนบุรี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภายในบริเวณกองพลทหารราบที่ 9 (ค่ายสุรสีห์) ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี โดยม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล ผู้กำกับภาพยนตร์ จัดการถ่ายทำถวายให้ทอดพระเนตรโดย เปิดกล้องด้วยฉากขบวนเสด็จของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเฝ้าสมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชบิดา ที่เมืองอโยธยา โดยมีนักแสดงกว่า 1,000 คน ร่วมเข้าฉาก[5]
ท่านมุ้ยกล่าวว่า
เหตุที่เลือกกาญจนบุรีเป็นสถานที่ถ่ายทำ เพราะสอดคล้องกับประวัติศาสตร์ที่เป็นเมือง หน้าด่านที่สำคัญในการสกัดกั้นทัพพม่าก่อนที่จะเข้าถึงอยุธยาได้ เป็นเส้นทางเดินทัพทั้งทางบกและทางน้ำ มีเหตุการณ์สำคัญหลายเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ในยุคสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชประกอบกับทำเลที่ตั้งเหมาะสมมาก และที่สำคัญคือเราได้รับการสนับสนุนจากกองทัพบกเป็นอย่างดี ด้วยความพร้อมและศักยภาพทุกด้าน ทั้งพื้นที่ กำลังพล ตลอดจนอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยให้การก่อสร้างดำเนินไปด้วยดี
งานสร้างภาพยนตร์
สรุป
มุมมอง
![]() | บทความนี้อาจต้องการตรวจสอบต้นฉบับ ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้ |
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความยิ่งใหญ่ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามีการปฏิวัติวงการภาพยนตร์ไทย ได้แก่
- ด้านเทคนิค ทั้งเทคนิคในการถ่ายทำและตัดต่อ การใช้ visual effect, special effect รวมถึงการทำ computer graphic ซึ่งมี supervisor จากต่างประเทศที่มีผลงานจาก ภาพยนตร์ระดับโลกของ Hollywood มาร่วมงาน
- ด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ เช่น Spider Cam ที่ท่านมุ้ยปรับประยุกต์ให้สามารถใช้งานได้ในรูปแบบเดียวกันกับของต่างประเทศ แต่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างกันหลายเท่าตัว
- ด้าน Production มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ ๆ มาใช้ในการสร้างฉากและอุปกรณ์ประกอบฉาก เครื่องประดับตกแต่ง รวมทั้งเครื่องใช้เบ็ดเตล็ดต่าง ๆ โดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีในรูปแบบเดียวกันกับที่ใช้ใน ภาพยนตร์ไตรภาคเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ จาก WETA ประเทศนิวซีแลนด์ (ของ Peter Jackson – ผู้กำกับ) ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เวลา และ แรงงานได้เป็นอย่างมาก ผลงานที่ผลิตออกมามีรายละเอียดที่ประณีต เหมือนจริง และในภาคที่ห้าได้มีการมิกซ์เสียงในรูปแบบ ดอลบี้ แอทมอส (Dolby Atmos) เป็นครั้งแรกของวงการภาพยนตร์ในประเทศไทย ซึ่งลิขสิทธิ์ในการทำภาพยนตร์ระบบเสียงนี้ใช้ทุนในการดำเนินการสูงมาก และมีสตูดิโอที่สามารถมิกซ์เสียงได้เพียงแค่ไม่กี่แห่งในประเทศ ซึ่งถือเป็นผลพลอยได้จากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในปี พ.ศ. 2554 ที่ทำให้ฟิล์มต้นฉบับเสียหายทั้งหมด จนต้องดำเนินการถ่ายทำใหม่ตั้งแต่ต้น
- ม้าศึก ม้าศึกประมาณ 30 ตัวที่ใช้ในเรื่องนี้นำเข้าจากต่างประเทศ (ออสเตรเลีย) โดยเป็นม้าที่ ได้รับการฝึกสำหรับการแสดงโดยเฉพาะ มีความสามารถพิเศษ เช่น เป็นม้าล้มและมีขนาดเหมาะสม โดยบางส่วนเป็นม้าที่แสดงในเรื่อง The Last Samurai
หากเทียบกับภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท ท่านมุ้ยได้วางเป้าหมายเรื่องนี้ไว้ว่าจะต้องทำให้ดีกว่าสุริโยไทใน ทุกด้าน โดยมี scope ของการทำงานใหญ่กว่า ฉากต่าง ๆ มีความยิ่งใหญ่อลังการกว่า นักแสดงหลักและนักแสดงประกอบมีจำนวนมากกว่าและใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีต่าง ๆ มากกว่า
ในครั้งแรก ท่านมุ้ยได้มีความตั้งใจจะสร้างภาพยนตร์ชุดนี้เป็นภาพยนตร์ไตรภาค หรือ 3 ภาคเท่านั้น แต่เมื่อสร้างไปแล้วได้เกิดการขยายขึ้นเป็น 6 ภาค โดยเริ่มงานสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 หลังจากที่สุริโยไทได้เข้าฉายทันที รวมระยะเวลาตั้งแต่เริ่มสร้างจนถึงภาคสุดท้ายออกฉายถึง 13 ปี ด้วยกัน และความตั้งใจแรกท่านมุ้ยต้องการที่จะให้ชื่อในแต่ละภาคว่า ภาคแรก สูญสิ้นอิสรภาพ, ภาคสอง อิสรภาพนั้น ยากยิ่งที่จะได้มา และภาคสาม ยากยิ่งกว่าที่จะรักษาไว้[1]
อีกทั้งภาพยนตร์ชุดนี้ อาจถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่เรื่องสุดท้ายที่มีถ่ายทำด้วยฟิล์ม[6]
ต่อมา หลังการฉายภาค 5 แล้ว ท่านมุ้ยไม่พอใจในฉากจบ จึงมีการสร้างภาคต่อเป็นภาค 6 อันเป็นภาคอวสาน[2]
Remove ads
การตอบรับ
สรุป
มุมมอง
บ็อกซ์ออฟฟิศ
ภาพยนตร์แบ่งเป็นหกภาค ปีที่เข้าฉาย วันที่เข้าฉายและรายได้สูงสุด แสดงในตารางด้านล่าง
รางวัลและเทศกาลภาพยนตร์
Remove ads
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads