คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

การบินไทย

สายการบินแห่งชาติของประเทศไทย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Remove ads

การบินไทย เป็นบริษัทมหาชนสัญชาติไทย ดำเนินธุรกิจการบินพาณิชย์ในฐานะสายการบินประจำชาติไทย โดยมีฐานการบินหลักที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายการบินก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2503[4] แรกเริ่มเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเดินอากาศไทยและสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม ต่อมาในปี พ.ศ. 2520 มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อย่างไรก็ดี ได้หลุดพ้นจากสถานะการเป็นรัฐวิสาหกิจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2563

ข้อมูลเบื้องต้น IATA, ICAO ...
Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

การร่วมทุนระหว่างสแกนดิเนเวีย-ไทย

ในปี 1958 รัฐบาลไทยมีแนวคิดที่จะจัดให้มีเที่ยวบินต่างประเทศระยะไกล เพื่อที่สายการบินของคนไทยจะมีขีดความสามารถทัดเทียบสากล แต่ด้วยไทยยังขาดแคลนองค์ความรู้ในอุตสาหกรรมประเภทนี้ จึงจำเป็นต้องได้รับการฝึกสอนจากต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงมีการทาบทามไปยังสายการบินในอเมริกาแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ท้ายที่สุด ก็ได้รับการตอบรับจากสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม ตกลงกันว่าจะมีการตั้งสายการบินแห่งใหม่เพื่อให้บริการเที่ยวบินต่างประเทศโดยเฉพาะ ในการนี้ เดินอากาศไทยจะถูกวางให้เป็นสายการบินภายในประเทศ

Thumb
ดักลาส ดีซี-9 ที่ท่าอากาศยานออสโตฟอร์เนบู ประเทศนอร์เวย์ เมื่อปี 1968

24 สิงหาคม 1959 รัฐบาลไทยดำเนินการให้ บริษัท เดินอากาศไทย จำกัด (TAC) กับสแกนดิเนเวียนแอร์ไลน์ซิสเต็ม (SAS) ทำสัญญาร่วมทุนระหว่างกัน ต่อมาในวันที่ 29 มีนาคม 1960 บริษัท การบินไทย จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นด้วยทุนประเดิมสองล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศ มีเที่ยวบินปฐมฤกษ์ไปยังฮ่องกงเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ในการนี้มีเดินอากาศไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

กลายเป็นรัฐวิสาหกิจ

30 มีนาคม 1977 หลังจากครบระยะเวลาตามสัญญาร่วมทุน เอสเอเอสคืนหุ้นในการบินไทยให้แก่เดินอากาศไทย จากนั้นคณะรัฐมนตรีมีมติให้โอนหุ้นดังกล่าวให้แก่กระทรวงการคลัง ต่อมาในปี 1988 เดินอากาศไทยซึ่งดำเนินธุรกิจสายการบินภายในประเทศ ถูกควบรวมกิจการเข้ากับการบินไทย เพื่อให้สายการบินแห่งชาติเป็นหนึ่งเดียว จากนั้นในวันที่ 19 กรกฎาคม 1991 การบินไทยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจดทะเบียนแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 1994[5]ทะเบียนเลขที่ บมจ.422

ยุคทองของการบินไทย (1997-2007)

ยุคทองของการบินไทยเป็นช่วงเวลาที่การบินไทยเติบโตสูงสุดในด้านรายได้ ชื่อเสียง และบทบาทในระดับนานาชาติ ในช่วงเวลาดังกล่าว เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว การเดินทางระหว่างประเทศขยายตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเอเชียและยุโรป การบินไทยขยายเส้นทางบินได้อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมห้าทวีป และมีฐานผู้โดยสารจำนวนมากจากกลุ่มนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และข้าราชการ

Thumb
โบอิง 747 ทะเบียน HS-TGO ที่ท่าอากาศยานลอสแอนเจลิส สหรัฐ เมื่อปี 1994

ฝูงบินของการบินไทยในยุคนั้นได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง โดยมีเครื่องบินลำใหม่ เช่น โบอิง 747-400, แอร์บัส A300 และ A330 ที่ทันสมัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม บริการบนเครื่องบินของการบินไทยได้รับคำชื่นชมระดับโลก ทั้งในด้านมาตรฐานการบริการ อาหารไทยบนเที่ยวบิน และความเป็นมิตรของพนักงานต้อนรับ ซึ่งได้รับรางวัลจากสถาบันต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

การบินไทยเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง พันธมิตรสายการบินแห่งแรกของโลกอย่าง "สตาร์อัลไลแอนซ์" ในปี 1997 ส่งผลให้หลังจากนั้น การบินไทยมีรายได้แต่ละปีเกินกว่าหนึ่งแสนล้านบาท และมีกำไรพุ่งเกินหนึ่งหมื่นล้านบาทเป็นครั้งแรกในปี 2002[6] ต่อมา การบินไทยได้รับการจัดอันดับโดย Skytrax ให้เป็นสายการบินที่ดีที่สุดอันดับสองของโลกในปี 2007 รองจากสิงคโปร์แอร์ไลน์

ขาลงของการบินไทย (2013-2021)

ในปี 2008 การบินไทยมีผลประกอบการขาดทุนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ สะท้อนว่าเริ่มมีปัญหาบางอย่าง แต่การเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บริหารของปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ก็แก้สถานการณ์ไว้ได้ แต่หลังจากปิยสวัสดิ์ถูกปลดโดยไม่มีความผิดในปี 2012[7] ผลประกอบการก็ขาดทุนเกือบทุกปี การบริหารงานขาดความต่อเนื่องและถูกแทรกแซงโดยนักการเมือง ผู้บริหารระดับสูงเปลี่ยนบ่อยและมีการทุจริต มีการแต่งตั้งบุคคากรด้วยเส้นสาย ผู้บริหารขาดวิสัยทัศน์ระยะยาว ตัดสินใจลงทุนผิดพลาด เช่น การจัดซื้อเครื่องบินรุ่นใหม่โดยไม่มีแผนการใช้งานชัดเจน การเปิดเส้นทางบินที่ขาดทุน ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงเกินมาตรฐานอุตสาหกรรม การแก้ไขปัญหาต่างๆล่าช้าเนื่องจากต้องทำตามระเบียบราชการ อีกทั้งสหภาพแรงงานก็มีอิทธิพลสูงมาก และใช้องค์กรเป็นเครื่องมือเคลื่อนไหวทางการเมือง ทำให้ภาพลักษณ์องค์กรตกต่ำ[8]

ระหว่างปี 2013–2019 การบินไทยขาดทุนต่อเนื่อง หนี้สะสมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่การแข่งขันจากสายการบินต้นทุนต่ำและสายการบินตะวันออกกลางก็รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของการบินไทยลดลง มิหนำซ้ำ เมื่อโควิด-19 ระบาดทั่วโลกในปี 2020 ทำให้การบินไทยอยู่ในวิกฤตเสี่ยงล้มละลาย ในตอนแรก รัฐบาลคิดจะอุ้มการบินไทยโดยการค้ำประกันเงินกู้เหมือนอย่างที่เคยทำ[9] ท้ายที่สุดก็รัฐบาลตัดสินใจไม่อุ้มการบินไทยและปล่อยให้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการผ่านศาลล้มละลายกลาง เนื่องจากรัฐบาลเองก็ต้องการเงินเพื่อบรรเทาวิกฤตโควิด[9]

การฟื้นฟูกิจการ (2020-2025)

Thumb
การบินไทยยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง

การบินไทยก็ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางในเดือนพฤษภาคม 2020 ซึ่งในขณะนั้นโลกกำลังเผชิญวิกฤตโควิด-19 สภาพคล่องของการบินไทยเหลือเพียงสองเดือน ต่อมา ศาลล้มละลายกลางแต่งตั้งผู้ทำแผนฟื้นฟูประกอบด้วยทีมผู้บริหารภายในและที่ปรึกษาภายนอก[10] ซึ่งในสิ้นปีดังกล่าว การบินไทยขาดทุนเป็นประวัติการณ์ถึง 1.41 แสนล้านบาท หนี้สินมีมากถึง 3.37 แสนล้านบาท ทรัพย์สินมีเพียง 2.03 แสนล้านบาท ในทางกฎหมายถือว่ามีภาวะหนี้สินล้นพ้นตัว

ดังนั้น ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2020 กระทรวงการคลังจึงลดสัดส่วนการถือหุ้นการบินไทยเหลือเพียงร้อยละ 47.86 ทำให้บริษัทพ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ[11] ด้วยเหตุนี้ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยจึงสิ้นสภาพตามไปด้วย[12] ซึ่งที่ผ่านมา สหภาพแรงงานต่อต้านการลดสัดส่วนหุ้นของกระทรวงการคลังมาตลอด เพื่อปกป้องสวัสดิการ ความมั่นคงในอาชีพ และสิทธิพิเศษบางอย่างในฐานะพนักงานรัฐวิสาหกิจ

ในแผนฟื้นฟูกิจการฉบับแรกซึ่งได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ในปี 2021 การบินไทยจะดำเนินมาตรการลดขนาดองค์กร ปลดพนักงานจำนวนมาก ลดขนาดฝูงบิน ขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็น ยกเลิกเส้นทางบินที่ขาดทุน เร่งรัดการทวงหนี้ และต้องการแหล่งเงิน 50,000 ล้านบาท[13] ซึ่งแผนฟื้นฟูกำหนดวงเงินสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชนฝ่ายละ 25,000 ล้านบาท[14] แต่ท้ายที่สุด ภาครัฐก็ไม่ได้จัดหาเงินก้อนดังกล่าวให้ ในปลายปีเดียวกัน การบินไทยจึงยื่นขอแก้ไขแผนฟื้นฟู ลดความต้องการใช้แหล่งเงินเหลือ 25,000 ล้านบาท[15] ในจำนวนนี้ 12,500 ล้านบาทจะกู้จากธนาคาร และ 12,500 ล้านบาทจะมาจากการขายหุ้นเพิ่มทุนใหม่ นอกจากนี้ยังจะบังคับแปลงหนี้เป็นทุนในสัดส่วน 24.5% ของยอดหนี้เงินต้น[15]

การยื่นแก้ไขแผนฟื้นฟูดังกล่าว โดยเฉพาะในส่วนของการแปลงหนี้เป็นทุน สร้างความไม่พอใจต่อผู้บริหารแผนฯฝ่ายธนาคารซึ่งเป็นเสียงข้างน้อย ต่อมาเมื่อศาลให้ความเห็นชอบการแก้ไขแผนฟื้นฟู ผู้บริหารแผนฯฝ่ายธนาคารจึงพากันลาออก[16] คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูจึงเหลือเพียงสามคน

ในสิ้นปี 2022 การบินไทยมีเครื่องบินปฏิบัติงานจริงเพียง 64 ลำ (รวมไทยสมายล์) จากที่เคยมี 88 ลำก่อนการระบาดของโควิด มีการลดอัตราพนักงานจาก 29,500 คนเหลือ 15,200 คน[17] ซึ่งลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรได้ปีละ 23,100 ล้านบาท จากนั้น การบินไทยเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากการเปิดประเทศและความต้องการเดินทางที่กลับมา รายได้จากการโดยสารและขนส่งสินค้าทางอากาศเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ฐานะการเงินกลับมาแข็งแกร่ง จึงไม่ต้องการใช้วงเงินกู้อีกต่อไป[18] เท่ากับว่าการบินไทยฟื้นฟูกิจการโดยไม่กู้เงินเพิ่มแม้แต่บาทเดียว

ในปี 2023 บริษัทมีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเป็นจำนวน 2.8 หมื่นล้านบาท[19] มีเครื่องบินปฏิบัติงานจริงจำนวน 70 ลำ ต่อมาในสิ้นปี 2024 การปรับโครงสร้างหนี้ทำให้ส่วนทุนของบริษัทกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง ในที่สุด การบินไทยก็ออกจากการฟื้นฟูกิจการในวันที่ 16 มิถุนายน 2025[20] และกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม ปีเดียวกัน[21]

Remove ads

กิจการ

สรุป
มุมมอง

ผู้ถือหุ้น

ผู้ถือหุ้นการบินไทยห้าอันดับแรก ก่อนและหลังการฟื้นฟูกิจการ[22]

ข้อมูลเพิ่มเติม อันดับ, ผู้ถือหุ้น (2020) ...

สำนักงาน

Thumb
สำนักงานใหญ่ของการบินไทยที่ถนนวิภาวดีรังสิต
Thumb
การบินไทยเปิดศูนย์ปฏิบัติการ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

สำนักงานการบินไทยในกรุงเทพมหานครแห่งแรก เป็นห้องแถวสามชั้น เลขที่ 1101 ริมถนนเจริญกรุง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามเยื้องกับไปรษณีย์กลางบางรัก [23] อันเป็นศูนย์รวมธุรกิจในยุคนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ซึ่งส่วนมากเป็นนักธุรกิจและชาวต่างชาติ ต่อมาในปี 1970 การบินไทยเช่าอาคารเลขที่ 1043 ถนนพหลโยธิน ติดกับซอยลือชา (ซอยพหลโยธิน 3) บริเวณสนามเป้าเป็นสำนักงาน[24] โดยเมื่อปี พ.ศ. 2522 การบินไทยจัดซื้อที่ดินริมถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ และก่อสร้างอาคารหลังแรกขนาด 5 ชั้น ซึ่งเริ่มใช้ปฏิบัติงานเมื่อปี พ.ศ. 2523[25] หลังจากนั้นจึงมีโครงการสร้างอาคารถาวร จนกระทั่งแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 1989 ก่อนหน้านี้ การบินไทยเคยมีสำนักงานบริเวณถนนหลานหลวง ใกล้กับแยกผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่เดิมของเดินอากาศไทย ก่อนการควบรวมกิจการ ต่อมาในปี 2021 การบินไทยได้ประกาศขายอาคารดังกล่าวพร้อมกับอาคารถนนสีลม อาคารรักคุณเท่าฟ้า ดอนเมือง และอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดอีก 7 แห่ง[26]

เมื่อปี 1963 การบินไทยเปิดสำนักงานสาขาในต่างประเทศที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เป็นแห่งแรก ในปี 2010 สำนักงานสาขาในต่างประเทศของการบินไทย มีทั้งหมด 76 สาขาใน 38 ประเทศ ครอบคลุมทั้ง 5 ทวีป ส่วนศูนย์ซ่อมเครื่องบินของการบินไทย มีอยู่สองแห่งคือ ภายในบริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และภายในบริเวณท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา จังหวัดระยอง

บริษัทร่วมทุน

Thumb
เครื่องบิน แอร์บัส A320-200 ของการบินไทยสมายล์

ปัจจุบัน 2024 บริษัทการบินไทยมีสัดส่วนการร่วมทุนดังนี้[27]

บริษัทย่อย

ข้อมูลเพิ่มเติม ชื่อบริษัท, % อัตราส่วนการถือหุ้น ...

บริษัทในเครือ

ข้อมูลเพิ่มเติม ชื่อบริษัท, % อัตราส่วนการถือหุ้น ...


ในปี พ.ศ. 2564 การบินไทยเคยถือหุ้นอยู่ในสายการบินนกแอร์อยู่ 49% นับเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับหนึ่ง[28] สัดส่วนหุ้นนกแอร์ที่ถือโดยการบินไทยลดลงจากเดิมเหลือ 8.91% [29]

นอกจากนั้นบริษัทการบินไทยยังมีบริษัทย่อยดังต่อไปนี้[27]

  1. บริษัท ไทย-อะมาดิอุส เซาท์อีสต์เอเชีย จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 55
  2. บริษัท วิงสแปน เซอร์วิสเซส จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 49
  3. บริษัท ไทยไฟลท์เทรนนิ่ง จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 49
  4. บริษัท ทัวร์เอื้องหลวง จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 49
  5. บริษัท ดอนเมือง อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์พอร์ต โฮเต็ล จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 40
  6. บริษัท ครัวการบินภูเก็ต จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 30
  7. บริษัท โรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 30
  8. บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นร้อยละ 7.06
  9. บริษัท เทรดสยาม จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 3.5
  10. บริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 1.25
  11. บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 0.90
  12. บริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด ถือหุ้นร้อยละ 0.00026

การบินไทยคาร์โก

Thumb
โบอิง 747-400BCF ของ การบินไทยคาร์โก้ (HS-TGJ)

บริษัทการบินไทยเคยทำกิจการขนส่งเฉพาะสินค้า โดยมีเครื่องบินขนส่งสินค้าเป็นของบริษัทเองในช่วงปี 1979 ถึง 1983 ด้วยเครื่องบิน Douglas DC-8-62F ทะเบียน HS-TGS

และในระหว่างวันที่ 30 มีนาคม 2012 - 27 มีนาคม 2015 ทำการบินโดย B747-400BCF ทะเบียน HS-TGH และ HS-THJ เส้นทางบินได้แก่ทางกรุงเทพแวะเชนไนไปอัมสเตอร์ดัม TG898 กรุงเทพแวะไฮเดอราบัดสิ้นสุดที่แฟรงเฟิร์ต TG890 กรุงเทพแวะไฮเดอราบัดสิ้นสุดที่แฟรงเฟิร์ต TG894 กรุงเทพไปซิดนีย์ TG865 กรุงเทพไปนะริตะ TG862 นะริตะไปเทเปกลับกรุงเทพ TG863 เส้นทางจาก แฟรงเฟิร์ต แวะ เซี่ยเหมิน สิ้นสุดที่ กรุงเทพ TG897[30]

นอกเหนือจากนั้นเป็นเครื่องบินที่บริษัทเช่าทำการบินโดยสายการบินอื่น อีก 3 ลำ ได้แก่เครื่องบินทะเบียน N552MC ใช้บินระหว่างปี 1996 ถึง 1999 เครื่องบินทะเบียน N774SA N775SA ใช้ในปี 2010 ถึง 2011 รวมการบินไทยเคยทำการบินเฉพาะขนส่งสินค้าทั้งหมด 6 ลำ

ครัวการบินไทย

Thumb
ครัวการบินไทย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ครัวการบินไทย (อังกฤษ: THAI Catering Service) เริ่มดำเนินกิจการเมื่อวันที่ 20 เมษายน 1960 โดยเช่าโรงซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบิน และอาคารเล็กอย่างละหนึ่งหลัง ภายในบริเวณท่าอากาศยานกรุงเทพ ที่ดอนเมืองเป็นแห่งแรก เพื่อทำการผลิตและให้บริการอาหารชนิดต่าง ๆ สำหรับสายการบินไทย และสายการบินอื่นอีกมากกว่า 50 สายการบิน[31]

สำนักงานของครัวการบินไทย มีสองแห่งคือ อาคารขนาดใหญ่บนพื้นที่ 90,000 ตารางเมตร ภายในบริเวณท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตอันทันสมัย เพื่อผลิตอาหารสำหรับรองรับในส่วนของสายการบินไทย และคำสั่งจากลูกค้าทุกสายการบิน โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตอาหารจำนวนมากกว่า 87,000 มื้อต่อวัน ส่วนสำนักงานอีกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในบริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อสนับสนุนการกลับมาเปิดดำเนินการบินอีกครั้ง ตลอดจนรองรับความต้องการของเที่ยวบินภายในประเทศ รวมทั้งกิจการภาคพื้นดินอย่างการผลิตขนมอบ (Bakery) และการจัดเลี้ยงต่าง ๆ [31] โดยมีศักยภาพผลิตอาหารได้สูงสุด 49,000 มื้อต่อวัน

ครัวการบินไทยมีผลงานที่สำคัญคือ เป็นผู้ดำเนินการผลิตและให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม แก่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ เอเชียนเกมส์ 1998, เฟสปิกเกมส์ 1999 และกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อน 2007 ที่กรุงเทพมหานคร รวมถึงในงานเอ็กซ์โป 2005 ที่ประเทศญี่ปุ่น[31]

ภัตตาคารเยลโล ออร์คิด

ภัตตาคารเยลโล ออร์คิด (อังกฤษ: Yellow Orchid Restaurant) เปิดให้บริการเป็นแห่งแรก ภายในท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อปี 1972 และเริ่มให้บริการสาขาแรก ภายในท่าอากาศยานเชียงใหม่ เมื่อปี 1986

พัฟแอนด์พาย

ร้านขนมอบพัฟแอนด์พาย (อังกฤษ: Puff & Pie Bakery House) ก่อตั้งขึ้นราวปลายปี 1995 โดยครัวการบินไทย และเริ่มเปิดทำการเป็นแห่งแรก เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 1997 บริเวณหน้าอาคารรักคุณเท่าฟ้า ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม ตลอดจนบริหารบุคลากรและอุปกรณ์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากครัวการบินไทยต้องสูญเสียรายได้ จากการบริการอาหารบนเครื่องบิน (Uplift) เนื่องจาก บมจ.การบินไทย มีนโยบายงดให้บริการอาหารบนเที่ยวบินที่ไม่ตรงเวลาอาหาร ดังนั้นจึงทดลองเปิดขายขนมชนิดต่าง ๆ ปรากฏว่าได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้ครัวการบินไทยมีรายได้เพิ่ม เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนด จึงเพิ่มความสำคัญอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายในการสร้างรายได้จากกิจการพัฟแอนด์พาย ให้เป็นรายได้หลักอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากงานจัดเลี้ยง รวมถึงจากการผลิตและบริการอาหารบนเที่ยวบิน

ครัวการบินไทยจึงดำเนินการขยายสาขาของร้านพัฟแอนด์พาย โดยแผนระยะแรก จะเปิดขายในพื้นที่ของ บมจ.การบินไทยก่อน เพื่อเป็นสวัสดิการของพนักงาน ทว่าต่อมาได้รับการเรียกร้องจากลูกค้าภายนอก ให้ขยายสาขาเพิ่มขึ้นในที่ต่าง ๆ เพื่อความสามารถในการให้บริการอย่างทั่วถึง ครัวการบินไทยจึงพิจารณาขยายสาขา ในสถานที่ราชการและรัฐวิสาหกิจอื่น ตลอดจนร้านพัฟแอนด์พายเฉพาะกิจ ภายในศูนย์การค้าและงานแสดงสินค้าต่าง ๆ ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมากและต่อเนื่อง ครัวการบินไทยจึงพิจารณาขยายตลาด โดยเปิดโครงการ Puff & Pie Whole Sales โดยให้บุคคลภายนอกที่สนใจกิจการ เข้าร่วมประกอบธุรกิจในชื่อ "Puff & Pie Supreme Bakery Delight" ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2007 เป็นต้นมา

สำหรับรูปแบบของร้านพัฟแอนด์พายส่วนมาก จะสร้างเป็นร้านค้าขนาดเล็ก (Kiosk) มีหลังคาผ้าใบสีขาวและเหลืองเป็นสัญลักษณ์ จำหน่ายอาหารไทย อาหารจีน และอาหารฝรั่งชนิดปรุงสำเร็จ ในชื่อผลิตภัณฑ์ซื้อกลับบ้าน (Take Home) รวมทั้งผลิตภัณฑ์เอื้องหลวง ที่ฝ่ายผลิตและบริการภาคพื้นเป็นผู้ผลิต วางจำหน่ายร่วมด้วย[32]

Remove ads

อัตลักษณ์องค์กร

สรุป
มุมมอง

การบินไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่สายการบินที่เคยมีระเบียบการเปลี่ยนเครื่องแบบในตลอดการเดินทาง โดยพนักงานต้อนรับหญิงประจำเที่ยวบินระหว่างประเทศจะต้องเปลี่ยนเครื่องแบบจากชุดสูทสีม่วง (สำหรับแต่งกายนอกห้องโดยสาร) เป็นชุดไทยประเพณี (เห็นได้จากโฆษณาของสายการบิน) ขณะต้อนรับผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องบิน และต้องเปลี่ยนกลับเป็นชุดสูทเมื่อนำผู้โดยสารออกจากเครื่องบิน ซึ่งระเบียบนี้ได้ยกเลิกไปในปี 2024 ทั้งนี้ ทุกเที่ยวบินของการบินไทยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของปีดังกล่าว พนักงานต้อนรับหญิงจะสวมใส่ชุดไทยที่ทอจากผ้าไหมผสมเส้นใยจากขวดพลาสติกตลอดการเดินทาง[33] ส่วนชุดสูทสีม่วงยังคงใช้เป็นเครื่องแบบสำหรับพนักงานภาคพื้นเช่นเดิม

เว็บไซต์อาสค์เมนจัดอันดับ สุดยอดแอร์โฮสเตทสาวที่ฮอทที่สุด 10 สายการบินทั่วโลก โดยการบินไทยได้อันดับที่ 7 เว็บไซต์อาร์คเมนส์ ให้เหตุผลว่า พนักงานต้อนรับหญิงบนเครื่องบินดูดีในชุดเครื่องแบบโทนสีม่วง-ทอง รูปร่างหน้าตาสวยงาม การบริการระหว่างการเดินทางดี นอกจากนี้ยังยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นมิตรและมารยาทงามอีกด้วย[34]

นอกจากนี้ การบินไทยเคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นสายการบินที่ดีที่สุด ลำดับ 5 ของโลก[35] ทั้งนี้ การบินไทยเป็นสายการบินที่คำนึงถึงสุขภาพผู้โดยสารเป็นสำคัญ โดยที่ผ่านมาการบินไทยได้นำเครื่องลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานนาฮะ[36]

อย่างไรก็ตามเป็นที่ยอมรับ[37] ว่าการบินไทยมีการแทรกแซงจากผู้มีอำนาจทางการเมืองโดยข้อเท็จจริงการบินไทยมีกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ 17 คน (นับถึงปี พ.ศ. 2559) [38]

ตราสัญลักษณ์

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 1960 การบินไทยเปิดตัวตราสัญลักษณ์แบบแรก เป็นภาพตุ๊กตารำไทยซึ่งออกแบบโดยหม่อมเจ้าไกรสิงห์ วุฒิไชย นักออกแบบที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ซึ่งเป็นผู้ออกเครื่องแบบพนักงานต้อนรับชุดแรกด้วย ต่อมาในปี 1972 การบินไทยจัดจ้าง Walter Landor & Associates บริษัทโฆษณาระดับโลก ให้ออกแบบตราสัญลักษณ์ใหม่[39]

จากนั้นราวปลายปี 1974 คณะผู้แทนการบินไทยเดินทางไปพิจารณาเลือกแบบ ซึ่งคณะผู้ออกแบบนำเสนอกว่าสิบภาพ โดยภาพดอกบัวโดดเด่นที่สุด เนื่องจากมีสีสันกลมกลืนสดใส แต่มีผู้แทนคนหนึ่งเห็นว่า การบินไทยใช้ชื่อบริการว่าเอื้องหลวง หากใช้สัญลักษณ์ดอกบัวก็เป็นการขัดกัน จึงเสนอแนะแก่คณะผู้ออกแบบไว้[39] ซึ่งต่อมาในวันที่ 8 กันยายน 1977 เดินอากาศไทยนำภาพดอกบัวดังกล่าว มาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ใหม่ แทนภาพช้างเอราวัณสามเศียรอยู่กลางตราอาร์ม สองข้างซ้ายขวาประกอบด้วยภาพปีกนกซ้อนทับบนปีกเครื่องบิน

โดยในปีถัดมา คณะผู้ออกแบบพยายามดัดแปลงแก้ไขจากแบบที่เลือกไว้แล้ว จึงได้แบบที่คณะผู้แทนการบินไทยเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ จึงนำมาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ใหม่ ซึ่งคณะผู้ออกแบบอธิบายว่าเป็นภาพใบเสมา ซึ่งพบเห็นทั่วไปในประเทศไทย โดยจับวางตะแคงข้าง เพื่อต้องการสื่อถึงความเร็ว เนื่องจากนำมาใช้กับสายการบิน สำหรับสีทองมาจากแสงอร่ามของวัดวาอารามไทย สีม่วงสดมาจากกล้วยไม้ ดอกไม้สัญลักษณ์ของการบินไทย ส่วนสีชมพูมาจากดอกบัว[39]

ทั้งนี้ มักใช้ประกอบกับตัวอักษรชื่อ "ไทย" หรือ "Thai" ตามรูปแบบเดียวกับที่ประกอบอยู่ในตราสัญลักษณ์ใหม่ของเดินอากาศไทย สำหรับตราสัญลักษณ์นี้มักมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า มีความคล้ายคลึงกับลักษณะของดอกรักเสียมากกว่า ผิดแต่เพียงสีที่แท้จริงของดอกรักเป็นขาว โดยตราสัญลักษณ์ดังกล่าวใช้มาถึง 30 ปี จนกระทั่ง 2005 การบินไทยจัดจ้าง ห้างหุ้นส่วนอินเตอร์แบรนด์ (อังกฤษ: Interbrand Partnership) เป็นผู้ออกแบบลวดลายภายนอกตัวเครื่องบิน พร้อมทั้งเปลี่ยนแปลงสีสันภายในตราสัญลักษณ์ให้สดใสขึ้นกว่าเดิม และปรับปรุงตัวอักษรชื่อที่ประกอบอยู่กับตราสัญลักษณ์ โดยออกแบบขึ้นใหม่ และใช้อักษรอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด[39]

คำขวัญ

คำขวัญภาษาไทยของการบินไทยคือ รักคุณเท่าฟ้า ปรากฏเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1978 เป็นชื่อใหม่ของวารสารภายใน ซึ่งเปลี่ยนจากเดิมคือ ข่าวการบินไทย (เริ่มเมื่อปี 1976) โดยวลีดังกล่าวมีที่มาจาก วิถีชีวิตของชาวไทย ดังที่พ่อแม่มักตั้งคำถามกับลูกว่า รักพ่อแม่แค่ไหน แล้วลูกก็มักตอบว่า "รักพ่อแม่เท่าฟ้า" ซึ่งสื่อความหมายถึงความรักที่กว้างใหญ่ไพศาลไปสุดขอบฟ้า จึงนำมาใช้เชิงเปรียบเทียบกับบริการของการบินไทย ทั้งนี้ คำขวัญของการบินไทยดังกล่าว เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในประเทศไทย จากผลงานเพลงชื่อเดียวกัน ของวงดนตรีเพื่อชีวิต คาราบาว ซึ่งเผยแพร่เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1985 ส่วนคำขวัญภาษาอังกฤษใช้ว่า Smooth as Silk ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า นุ่มนวลดุจแพรไหม มีชื่อเสียงมาจากเพลงชื่อเดียวกัน ที่กระจายเสียงภายในเครื่องก่อนเริ่มเที่ยวบิน และที่นำมาใช้ประกอบรายการการบินไทยไขจักรวาล ทั้งนี้ การบินไทยเคยใช้คำขวัญ นุ่มนวลดุจแพรไหม ตามสื่อโฆษณาของการบินไทยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะเลิกใช้และกลับมาใช้คำขวัญ รักคุณเท่าฟ้า เพียงคำขวัญเดียว

Remove ads

จุดหมายปลายทาง

ณ เดือนมีนาคม 2024 การบินไทยให้บริการเที่ยวบินสู่จุดหมายปลายทาง 66 แห่งทั่วโลก โดยแบ่งเป็นจุดหมายปลายทางในประเทศ 10 แห่งและระหว่างประเทศ 56 แห่ง[40]

พันธมิตรการบิน

การบินไทยเป็นหนึ่งใน 5 สายการบินที่ร่วมก่อตั้งพันธมิตรทางการบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก สตาร์อัลไลแอนซ์ ในวันที่ 14 พฤษภาคม 1997[41]

ข้อตกลงการบินร่วม

การบินไทยทำข้อตกลงการบินร่วม (Codeshare) กับสายการบินต่าง ๆ ดังต่อไปนี้:[42]

Remove ads

ฝูงบิน

สรุป
มุมมอง

พฤษภาคม 2025 การบินไทยมีเครื่องบินประจำการในฝูงบินดังนี้:[44]

ข้อมูลเพิ่มเติม เครื่องบิน, แบบ ...

การบินไทยมีอายุฝูงบินเฉลี่ย 10.2 ปี

การจัดหา/ปลดระวาง

ในปี 2025 อายุการใช้งานเฉลี่ยของฝูงบินของการบินไทยอยู่ที่ 10.2 ปี[52] และจากแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย นอกจากการประกาศขายเครื่องบินแล้ว ทางบริษัทได้ระบุว่าจะทำการลดรุ่นของฝูงบินเหลือเพียง 6 รุ่น คือ A350XWB, B777-300ER, B787-8, B787-9, A320 ของไทยสไมล์ และนำ A330 จำนวน 3 ลำ กลับมาให้บริการ และลดรุ่นของเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่ใช้เหลือ 5 รุ่นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2024 การบินไทยได้ลงนามในสัญญาจัดหาเครื่องบินพาณิชย์ โบอิง 787 ดรีมไลเนอร์ ร่วมกับโบอิง และจีอี เอโรสเปซ คำสั่งซื้อดังกล่าวมีขึ้นหลังพบคำสั่งซื้อเครื่องบิน B787-9 ปริศนาจากบุคคลไม่เปิดเผยนามปรากฎบนเว็บไซต์ของโบอิงเป็นจำนวนมาก สัญญาดังกล่าวโบอิงจะจัดหาเครื่องบิน B787-9 ให้กับการบินไทยทั้งหมด 45 ลำ โดยมีรายละเอียดเหมือนกับเครื่องบิน B787-9 เดิมที่การบินไทยใช้งานอยู่ แต่เปลี่ยนตัวเลือกเครื่องยนต์จากเดิมที่ใช้โรลส์-รอยซ์ มาเป็นเครื่องยนต์ จีอีเอ็นเอ็กซ์ (GEnx) ของบริษัทจีอี เอโรสเปซแทน พร้อมกันนี้การบินไทยสามารถปรับเปลี่ยนตัวเลือกเครื่องบินบางส่วนจาก B787-9 เป็น B787-10 ได้ตามความต้องการ หรือขยายขนาดคำสั่งซื้อเป็น 80 ลำ และเปลี่ยนเป็น B777X ที่เป็นเครื่องบินลำตัวกว้างพิสัยไกลซึ่งยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาได้ในอนาคต โดยคำสั่งซื้อดังกล่าวเป็นการจัดหาเครื่องบินเพื่อทดแทนเครื่องบินชุดเดิมที่จะทยอยปลดระวางตั้งแต่ 2027 เป็นต้นไป และเครื่องบินลำแรกจากคำสั่งซื้อนี้จะเริ่มจัดส่งถึงประเทศไทยในปี 2027[53]

และอีก 1 วันถัดมา การบินไทยได้ลงนามในสัญญาเช่าเครื่องบินอีก 17 ลำจาก บริษัทจัดหาเครื่องบิน AerCap ประกอบด้วยเครื่องบิน แอร์บัส A350-900 4 ลำ, แอร์บัส A320-NEO 10 ลำ และโบอิง B787-9 3 ลำ เพื่อเป็นการขยายขีดความสามารถในการดำเนินการในระยะสั้น ก่อนที่เครื่องบินชุดใหญ่จากโบอิงจะเริ่มจัดส่ง โดยเครื่องบินลำแรกจากสัญญาเช่านี้จะเริ่มจัดส่งถึงประเทศไทยใน พ.ศ. 2567[54]

ฝูงบินในอดีต

การบินไทยเคยให้บริการเครื่องบินดังต่อไปนี้:

ข้อมูลเพิ่มเติม เครื่องบิน, จำนวน ...
Remove ads

บริการ

สรุป
มุมมอง

ห้องโดยสาร

การบินไทยแบ่งการให้บริการภายในห้องโดยสาร ออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่

รอยัลเฟิร์สคลาส (ชั้นหนึ่ง)

ในเครื่องบินแอร์บัส เอ 380-800 ที่นั่งโดยสารถูกออกแบบให้เป็นห้องพักผ่อนส่วนตัว มีความห่างระหว่างแถว 83 นิ้ว ความกว้างที่นั่ง 26.5 นิ้ว สามารถปรับเอนนอนเป็นแนวราบได้ถึง 180 องศาและติดตั้งอุปกรณ์สาระบันเทิงอย่างครบครันด้วยจอภาพ AVOD ระบบสัมผัสขนาด 23 นิ้ว ติดตั้งระบบ Wi-Fi อินเทอร์เน็ตสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารได้ทุกชนิด พร้อมปลั๊กไฟส่วนตัวสำหรับคอมพิวเตอร์วางตักไว้บริการผู้โดยสาร นอกจากนี้การบินไทยยังติดตั้งห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่เป็น 2 เท่าของห้องน้ำปกติ โดยออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับให้ผู้โดยสารชั้นหนึ่งแต่งตัวได้อย่างสะดวกสบายด้วยเช่นกัน และในชั้นรอยัลเฟิร์สคลาสนี้สามารถเลือกเมนูอาหาร จากเมนูต่าง ๆ ทั้ง 22 รายการก่อนขึ้นเครื่องได้อีกด้วย[62][63]

ปัจจุบันการบินไทยติดตั้งที่นั่งชั้นรอยัลเฟิร์สคลาสในเครื่องบินโบอิง 777-300ER จำนวน 3 ลำ ในเส้นทางลอนดอน โตเกียว และโอซากา

รอยัลซิลค์ (ชั้นธุรกิจ)

เปิดตัวครั้งแรกพร้อมกับแอร์บัส A340-500 มาในลักษณะแบบเปลือกหอย มีการติดตั้งชั้นธุรกิจนี้ในเครื่องบินโบอิง 777-200ER, 777-300ER ความห่างระหว่างที่นั้ง 60-62 นิ้ว และความกว้างของที่นั่ง 20-21.5 นิ้ว สามารถปรับเอนได้สูงสุดถึง 170 องศา ในทุก ๆ ที่นั่งจะมีระบบนวด.โทรทัศน์ส่วนตัวระบบสัมผัส 10.4 และ 15 นิ้ว (ในเก้าอี้แบบใหม่) สามารถปรับเอนนอนเป็นแนวราบได้ถึง 180 องศา และยังมีที่นั่งแบบใหม่ที่ถูกติดตั้งบนแอร์บัส เอ 380 และโบอิง 777-300ER โดยจอ IFE มีขนาดใหญ่ถึง 17 นิ้ว และติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบคาดผ่านเอว นอกจากนี้บนเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ยังมีรอยัลซิลค์ บาร์บริการอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย

อนึ่ง A330-300 รุ่นใหม่จะมีการปรับเปลี่ยนชั้นธุรกิจเป็นแบบใหม่จะมีในรุ่นแบบ A330 และ A33H ในเครื่องบินแบบ A330-343E มีบริการทั้งหมด 15 ลำแบ่งเป็น A330 8 ลำ A33H 7 ลำ ให้บริการในทวีปเอเซีย รวมถึงในประเทศไทย

พรีเมียมอีโคโนมี (ชั้นประหยัดพิเศษ)

เป็นการนำที่นั่งชั้นรอยัลซิลค์ในช่วงแถวหลังจากประตูคู่ที่สองของเครื่องบินลงมา มาขายในราคาที่ถูกลง แต่ในส่วนของการให้บริการอื่นๆ จะเหมือนกับชั้นประหยัดปกติ โดยให้บริการเฉพาะเที่ยวบินในแถบสแกนดิเนเวีย ที่ทำการบินโดยเครื่องบินรุ่น โบอิง B777-300ER

ชั้นประหยัด

ขนาดที่นั่งในชั้นประหยัดของการบินไทย มีขนาดใหญ่ถึง 36 นิ้ว ต่างจากโดยทั่วไปที่มีขนาด 34 นิ้ว โดยแถวที่นั่งจะถูกจัดวางในรูปแบบดังต่อไปนี้

  • แบบ 3-4-3 ในเครื่องบินแอร์บัส เอ 380-841 (ชั้นล่าง)
  • แบบ 3-3-3 ในเครื่องบินโบอิง 787-8 และ 777-300ER
  • แบบ 2-4-2 ในเครื่องบินแอร์บัส เอ 330-343, เอ 380-841 (ชั้นบน)

ทุกที่นั่งในชั้นประหยัดบนเครื่องบิน แอร์บัส A330-300 จะถูกติดตั้งระบบมัลติมีเดีย (AVOD) หน้าจอระบบสัมผัส 9 นิ้ว ในทุกที่นั่ง แอร์บัส A33H 7 ลำ, A380-800 4 ลำ, โบอิง B777-300ER จะถูกติดตั้งระบบมัลติมีเดีย (AVOD) ระบบปฏิบัติการ หน้าจอระบบสัมผัส 10.6 นิ้ว และเครื่องบินแบบ โบอิง B787-8 จะถูกติดตั้งระบบมัลติมีเดีย (AVOD) ระบบปฏิบัติการ หน้าจอระบบสัมผัส 11 นิ้ว

นิตยสารประจำเที่ยวบิน

นิตยสารประจำเที่ยวบิน (Inflight Magazine) ของการบินไทย มีชื่อว่า "สวัสดี " (อังกฤษ: Sawasdee) ออกเป็นฉบับปฐมฤกษ์เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2514 เนื้อหาส่วนมากนำเสนอบทความสารคดี ว่าด้วยความเป็นไทย โดยเฉพาะประเพณีและวัฒนธรรม ที่เขียนขึ้นใหม่โดยเฉพาะเป็นภาษาอังกฤษทั้งฉบับ มิได้นำบทความที่เคยตีพิมพ์ในนิตยสารอื่นมาลงซ้ำ นอกจากนั้น ยังมีภาพประกอบที่สวยงามโดดเด่นอีกด้วย

นิตยสารประจำเที่ยวบินของเดินอากาศไทย มีชื่อว่า "กินรี " (อังกฤษ: Kinnaree) ออกเป็นฉบับปฐมฤกษ์เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2527 เนื้อหาส่วนมากนำเสนอบทความสารคดี ว่าด้วยสารบันเทิงปกิณกะ โดยเฉพาะความเป็นไทย ประเพณีและวัฒนธรรมไทย ซึ่งเขียนขึ้นใหม่โดยเฉพาะเป็นภาษาไทยทั้งฉบับ อนึ่ง ในเดือนมีนาคม 1988 กินรีออกฉบับพิเศษ "41 ปี เดินอากาศไทย" ก่อนที่จะรวมกิจการเข้ากับการบินไทยในวันที่ 1 เมษายน

หลังจากนั้น การบินไทยจึงเป็นเจ้าของนิตยสารทั้งสองฉบับ โดยสวัสดียังคงเป็นนิตยสารประจำเที่ยวบินระหว่างประเทศ และกินรีกลายเป็นนิตยสารประจำเที่ยวบินภายในประเทศ จนกระทั่งในเดือนเมษายน 2009 มีการเปลี่ยนแปลงให้นิตยสารสวัสดี ตีพิมพ์เป็นสองภาษาควบคู่กัน โดยให้บริการทั้งเที่ยวบินระหว่างประเทศและภายในประเทศ ส่วนนิตยสารกินรี การบินไทยขายกิจการไปให้กับธนาคารกรุงเทพ เพื่อใช้เป็นชื่อนิตยสารสำหรับลูกค้าธนาคารที่เป็นสมาชิก

Remove ads

อุบัติเหตุและอุบัติการณ์สำคัญ

สรุป
มุมมอง
Thumb
ซากเครื่องบิน เที่ยวบินที่ 114 หลังเหตุการณ์สงบลง

การบินไทยมีอุบัติการณ์มากกว่าอุบัติเหตุ ซึ่งหมายถึงการทำการบินที่ผู้โดยสารบาดเจ็บเล็กน้อยหรือไม่บาดเจ็บเลย รวมถึงการขู่ว่ามีการวางระเบิด และจี้เครื่องบิน อย่างไรก็ตาม อุบัติการณ์และอุบัติเหตุของการบินไทยน้อยมาก เมื่อเทียบกับสายการบินอื่น ๆ ทั่วโลก

จนถึงปี 2024 การบินไทยมียอดสูญเสียเครื่องบินรวมแล้ว 8 ลำโดยมีลำหนึ่งสามารถซ่อมแซมได้แต่ไม่ได้ทำการซ่อมเนื่องจากเครื่องบินเก่าแล้วไม่คุ้มค่าซ่อมแซม ในขณะที่ โคเรียนแอร์ สูญเสียเครื่องบินไป 17 ลำ และ เจแปนแอร์ไลน์ 11 ลำ

  • 30 มิถุนายน 1967 - การบินไทย เที่ยวบินที่ 601 เครื่องบินซูว์ดาวียาซียง แอ็สเออ-210 การาแวล 3 ทะเบียน HS-TGI ของการบินไทย บินจากซงชาน กรุงไทเป ไปยังท่าอากาศยานไขตั๊ก เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่อ่าวเกาลูนขณะทำการลงจอดในขณะที่มีพายุไต้ฝุ่น เสียชีวิต 24 คน บาดเจ็บหนัก 56 คน โดยมีผู้โดยสารทั้งหมด 73 คน ลูกเรือ 7 คน[64]เที่ยวบินนี้กัปตันเป็นชาวเดนมาร์ก
  • 31 กรกฎาคม 1992 - การบินไทย เที่ยวบินที่ 311 เครื่องบินแอร์บัส เอ 310-304 ทะเบียน HS-TID ของการบินไทย ชนเทือกเขา 35 กม. ทางเหนือของกาฐมาณฑุ ผู้โดยสาร 113 คนเสียชีวิต (ผู้โดยสาร 99 คน และ พนักงาน 14 คน) สาเหตุเกิดจากปัญหาทางเทคนิคและอาการหลงทิศของนักบินเนื่องจากสภาพอากาศปิด[66]
  • 3 มีนาคม 2001 – การบินไทย เที่ยวบินที่ 114 เครื่องบินโบอิง 737-4D7 ทะเบียน HS-TDC ของการบินไทย จากกรุงเทพไปเชียงใหม่ เกิดระเบิดขึ้นในขณะที่จอดที่สนามบิน เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บ 8คน สาเหตุเกิดจากน้ำมันกับอากาศเข้าผสมกัน และเกิดการสันดาปขึ้นในส่วนของถังน้ำมันเนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด[68]
  • 30 สิงหาคม 2013 - การบินไทยเที่ยวบินที่ 600 เครื่องบินแอร์บัส 380-841ทะเบียน HS-TUA ของการบินไทยจากกรุงเทพไปฮ่องกงเกิดตกหลุมอากาศผู้โดยสารบาดเจ็บ 38 ราย ลูกเรือบาดเจ็บ 9 รายลูกเรือบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ภายในเครื่องบินได้รับความเสียหาย[69]
  • 8 กันยายน 2013 - การบินไทยเที่ยวบินที่ 679 เครื่องบิน แอร์บัส 330-300 ทะเบียน HS-TEF ของการบินไทย จากกวางโจวไปกรุงเทพ เกิดอุบัติเหตุล้อหลังด้านขวาของเครื่องบินขัดข้อง ขณะร่อนลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลให้เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 12 ราย[70]
  • 12 เมษายน 2015 - การบินไทยเที่ยวบินที่ 641 เครื่องบิน แอร์บัส 340-600 ทะเบียน HS-TNF ของการบินไทย จากนะริตะไปกรุงเทพ เกิดอุบัติเหตุตกหลุมอากาศผู้โดยสารบาดเจ็บเล็กน้อย 12 ราย[71]
  • 12 เมษายน 2016 - การบินไทยเที่ยวบินที่ 434 เครื่องบิน โบอิง 777-200 ทะเบียน HS-TJH ของการบินไทย จากจาร์กาตาไปกรุงเทพ เกิดอุบัติเหตุตกหลุมอากาศผู้โดยสารบาดเจ็บเล็กน้อย 6 ราย[72]
  • 21 กันยายน 2016 - การบินไทยเที่ยวบินที่ 221 เครื่องบิน แอร์บัส 350-900 ทะเบียน HS-THB ของการบินไทย จากกรุงเทพไปภูเก็ต เกิดอุบัติการณ์ยางล้อแตกขณะลงจอด[73]
  • 4 ธันวาคม 2017 - การบินไทยเที่ยวบินที่ 349 เครื่องบินแอร์บัส 330-300 ทะเบียน HS-TES ของการบินไทย เกิดอุบัติการณ์ไถลอกนอกรันเวย์ที่สนามบินอิสลามาบาด[74]
  • 11 เมษายน 2018 - การบินไทยเที่ยวบินที่ 660 เครื่องบิน โบอิง 747-400 ทะเบียน HS-TGX ของการบินไทย เกิดอุบัติการณ์สัญญาณเตือนของระบบเตือนเครื่องบินใกล้พื้นดิน[75]
  • 24 กรกฎาคม 2018 - การบินไทยเที่ยวบินที่ 321 เครื่องบิน โบอิง 777-200 ทะเบียน HS-TJD ของการบินไทย เกิดอุบัติการณ์ยางล้อระเบิดที่ท่าอากาศยานธากา
  • 3 ตุลาคม 2018 - การบินไทยเที่ยวบินที่ 349 เครื่องบินแอร์บัส 330-300 ทะเบียน HS-TEQ ของการบินไทย เกิดอุบัติการณ์เครื่องบินชนนกขณะลงจอดที่สนามบินอิสลามาบาด[76]
  • 8 ตุลาคม 2018 - การบินไทยเที่ยวบินที่ 679 เครื่องบิน โบอิง 747-400 ทะเบียน HS-TGF ของการบินไทย จากกวางโจวไปกรุงเทพ เกิดอุบัติการณ์เครื่องลื่นไถลออกนอกรันเวย์
  • 10 มิถุนายน 2023 - การบินไทยเที่ยวบินที่ 683 เครื่องบิน แอร์บัส เอ330-300 ทะเบียน HS-TEO จากโตเกียวฮาเนดะไปกรุงเทพ เกิดอุบัติการณ์ปลายปีกเฉี่ยวชนกับหางเครื่องบินของอีวีเอแอร์บนทางขับใกล้ทางวิ่ง 16R ที่ท่าอากาศยานฮาเนดะ
Remove ads

การบินไทยไขจักรวาล

การบินไทยเป็นผู้สนับสนุนให้มีรายการโทรทัศน์ ประเภทตอบปัญหาชิงรางวัลและทุนการศึกษาแก่เยาวชน ซึ่งมีชื่อว่า "การบินไทยไขจักรวาล" ที่จัดแข่งขันระหว่างนักเรียนระดับชั้นมัธยมผู้แทนโรงเรียนต่าง ๆ กลุ่มละสามคน โดยแต่ละครั้งจะแข่งขันกันระหว่างสองโรงเรียน ดำเนินรายการโดย พลตรีถาวร ช่วยประสิทธิ์ (1975-1978) และหม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ (1975-1978) (เวลาต่อมาจึงได้เพิ่ม รัตน์มณี มณีรัตน์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการร่วมไปด้วย ซึ่งบางครั้งทำหน้าที่ดำเนินรายการแทนเพียงคนเดียว) ออกอากาศทุกวันอังคาร สัปดาห์ที่ 1 และ 3 ของเดือน เวลา 17:00-17:30 น. (ต่อมาย้ายไปออกอากาศทุกวันศุกร์ สัปดาห์และเวลาออกอากาศเดียวกัน) ถ่ายทอดสดจากห้องส่งสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เป็นระยะเวลาถึง 28 ปี ระหว่าง พ.ศ. 1975-2003 ทั้งนี้ นักเรียนที่ชนะการตอบปัญหาประจำสัปดาห์ จะได้รับทุนการศึกษา ส่วนนักเรียนที่ชนะเลิศการตอบปัญหาประจำปี จะได้รับรางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับต่างประเทศ พร้อมกิจกรรมทัศนศึกษา ซึ่งการบินไทยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด

Remove ads

คดีความ

สรุป
มุมมอง

การบินไทยได้ฟ้องร้องโคอิโตะ ในกรณีที่มิสามารถติดตั้งเก้าอี้โดยสารภายในเครื่องบินแอร์บัส เอ 330 ในชั้นประหยัดทั้ง 5 ลำได้ส่งผลให้การบินไทยไม่มีโอกาสในการนำเครื่องบินบริการแก่ผู้โดยสาร ค่าเสียโอกาสในการบำรุงเครื่องบินและยังต้องหาบริการอื่นๆเพื่อดำเนินการในการติดตั้งเก้าอี้โดยสารใหม่ กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อการบินไทยว่าจ้างโคอิโตะติดตั้งเก้าอี้ในชั้นประหยัดโดยในระยะแรกเป็นไปด้วยดีแต่เมื่อถึงต้นปี 2010 บริษัทดังกล่าวไม่ได้การรับรองจากกรมการบินประเทศญี่ปุ่นเนื่องจากการที่ดังกล่าวบริษัทเปลี่ยนมาตรฐาน ส่งผลให้ 2 รายการ จาก 18 รายการ ไม่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากประเทศญี่ปุ่น[77] เรื่องดังกล่าวนอกจากกระทบต้องเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ 330 ยังกระทบต่อเครื่องบินแบบโบอิง 777-300 HS-TKE[78] โดยเครื่องบินลำดังกล่าวขายที่นั่งได้น้อยลงเพราะต้องขายเฉพาะที่นั่งที่ติดตั้งจากบริษัทโคอิโตะเพียงส่วนหนึ่งก่อนที่บริษัทดังกล่าวจะถูกถอนใบอนุญาต[79]

กรณีดังกล่าวยังได้ส่งผลกระทบต่อความยากลำบากในการให้บริการบนเครื่องบินแบบแอร์บัส เอ 330 เนื่องจากเครื่องบินมีการจ้างบริษัทที่ติดตั้งเก้าอี้แตกต่างกัน โดย 12 ลำแรก HS-TEA ถึง HS-TEM รหัส เอ333 เป็นการออกแบบที่นั่งแบบหนึ่ง ซึ่งไม่มีจอส่วนตัวให้ผู้โดยสารและจะใช้เครื่องยนต์ พีดับเบิลยู4000 อีกแปดลำต่อมาตั้งแต่ HS-TEN ถึง HS-TEU ก็ใช้การจัดเรียงที่นั่งอีกแบบหนึ่งซึ่งมีจอส่วนตัวให้ผู้โดยสารและใช้เครื่องยนต์โรลส์ รอยซ์ เทรนต์ 700 ส่วนในชุดสุดท้ายเป็นการออกแบบที่นั่งอีกแบบหนึ่งซึ่งทันสมัยมากที่สุดรหัส เอ33H ใช้เครื่องยนต์โรลส์ รอยซ์ เทรนต์ 700 นอกจากนั้นแล้วใน 4 ลำดังกล่าวการบินไทยได้เริ่มใช้รหัสใหม่เป็น HS-TBA ซึ่งโดยปกติแล้วแอร์บัส เอ 330 จะใช้รหัสเป็น HS-TE_ ทั้งนี้เพื่อกันความสับสนของนักบินและลูกเรือซึ่งใน 7 ลำดังกล่าวได้เลิกใช้การติดตั้งเก้าอี้ของบริษัทโคอิโตะในชั้นประหยัด

ดูเพิ่ม

เชิงอรรถ

  1. จัดเรียงแบบ 1-2-1 : staggered
  2. จัดเรียงแบบ 1-2-1 : reversed herringbone
  3. จัดเรียงแบบ 2-2-2

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads