คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

ปืน ร.ศ. 121

รุ่นของปืนเล็กยาวระบบลูกเลื่อน จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ปืน ร.ศ. 121
Remove ads

ปืนเล็กยาว ร.ศ. 121 หรือ ปืนเล็กยาว แบบ 45 (ปลย. 45) เป็นปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนบริหารกลไกด้วยมือ ใช้กระสุนขนาด 8x50 มม. แบบหัวป้าน (8x50 mm. R Siamese Mauser Type 45) เข้าประจำการเมื่อปี พ.ศ. 2445-2446 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เนื่องจากเดิมกองทัพสยามเคยสั่งซื้อปืนเล็กยาว Steyr-Mannlicher M1888 หรือ ปืนเล็กยาว แบบ 33 (ปลย. 33) จากประเทศออสเตรียมาใช้งานเมื่อปี พ.ศ. 2433 ซึ่งปืนรุ่นดังกล่าวใช้ระบบลูกเลื่อนดึงตรงแบบสองจังหวะและใช้กระสุนขนาด 8x50 mm. R Mannlicher ซึ่งปืนดังกล่าวไม่เป็นที่พึงพอใจในประสิทธิภาพมากนัก จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการออกแบบโดยยึดรูปแบบปืนเล็กยาว Swedish Mauser M1894 ขนาด 6.5×55 มม. ของประเทศสวีเดนเป็นหลัก และด้วยการที่ปืนเล็กยาวรุ่นนี้ใช้ระบบลูกเลื่อนแบบเมาเซอร์ (Mauser) จึงมีชื่อเรียกภาษาอังกฤษด้วยว่า "Siamese Mauser M1902/M1903"

ข้อมูลเบื้องต้น
Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

"บ้านเมืองเราทุกวันนี้เหมือนตั้งอยู่ในหมู่หัวไม้ ถ้าเราไม่เตรียมพลองไว้สู้กับพวกหัวไม้บ้าง พวกหัวไม้ก็ย่อมจะมีใจกำเริบมารังแกอยู่ร่ำไป ถึงโดยจะสู้ให้ชนะจริงไม่ได้ ก็ให้เป็นแต่พอให้พวกหัวไม้รู้ว่าพลองของเรามีอยู่ ถ้าจะเข้ามารังแกก็คงจะเจ็บบ้าง" พระราชดำรัส รัชกาลที่ 5 เมื่อ ร.ศ.121 จากการจัดหาอาวุธปืนที่ทันสมัยให้เหมาะสมกับการพัฒนาการทหารของสยามในขณะนั้น โดยทรงมีพระราชประสงค์ไว้ คือ มิได้เอาอาวุธไปรุกรานใคร แต่เอาไว้ใช้ป้องกันชาติ[1]

การแต่งตั้งคณะกรรมการออกแบบอาวุธปืนรุ่นใหม่ที่จะสั่งซื้อ ประกอบด้วย พันเอก พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าจิรประวัติวรเดช,พลเรือโท พระยาชลยุทธโยธินทร์ (อังเดร ดู เปลซีส เดอ ริชลิว), พลเอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) และพันตรี พระยาสีหราชเดโชชัย (หม่อมราชวงศ์อรุณ ฉัตรกุล) สมุหราชองครักษ์ในรัชกาลที่ 5 ต่อมาในปี พ.ศ. 2466 สมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการสั่งซื้อปืนเล็กยาวแบบ 66 หรือปืนอาริซากะ (Arisaka) ซึ่งเป็นปืน Mauser M1923 แต่ผลิตโดยญี่ปุ่นเข้ามาใหม่ และได้มีการปรับเปลี่ยนกระสุนจากขนาด 8x50 มม.เป็นขนาด 8x52 มม.หรือ 8x52 mm.R Siamese Mauser Type 66 ซึ่งเป็นกระสุนแบบหัวแหลม เพื่อไม่ให้ปืนติดขัดเวลาป้อนกระสุนเข้ารังเพลิง ปืนเล็กยาวที่ซื้อมาก่อนหน้านี้อย่าง ปลย.45 และ ปลส.47 จึงได้นำมาคว้านรังเพลิงเพื่อใช้กับกระสุนใหม่นี้ด้วย และเรียกชื่อใหม่ว่า ปลย.45/66 กับ ปลส.47/66 ซึ่งไทย (ขณะนั้นเรียกสยาม) ซื้อพิมพ์เขียวจากเยอรมัน มาจ้างผลิตที่โรงงานสรรพาวุธกองทัพญี่ปุ่น โดยปกปิดการดำเนินการด้วยเหตุผลทางการมืองขณะนั้น ที่ฝรั่งเศส-อังกฤษ เข้ามาเป็นเป็นเจ้าอาณานิคมดินแดนเพื่อนบ้าน (ฝรั่งเศส ลาว เขมร: อังกฤษ พม่า มลายู) มีความหวาดระแวงสยามและญี่ปุ่นที่เป็นมหาอำนาจใหม่ในทวีปเอเชีย ต่อมาปรับปรุงเป็นปืนเล็กยาวแบบ 66 (ปลย 66: type 66) โดยเปลี่ยนแบบกระสุนเป็น 8x52 มม.(8x52 mm.R Siamese mauser type 66 ) ชนิดหัวแหลม

นอกจากนี้ยังมีรุ่นปืนเล็กสั้นที่เรียกว่า ปลส 47. (ปืนเล็กสั้น 47 : type 47) คุณลักษณะเหมือน ปืนเล็กยาวแบบ 45 แต่สั้นกว่า ซึ่งต่อมาได้รับการพัฒนาพร้อมปืนเล็กยาวแบบ 66 เป็น ปืนเล็กสั้น 45/66 (ปลส.45/66 : type 45/66) และ ปืนเล็กสั้น 47/66 (ปลส.47/66 : type 47/66)

อีกนามหนึ่งของ ปลย.45 และ ปลส.47 คือ ปืน ร.ศ 121 และ ปืน ร.ศ 123 ตามลำดับ ซึ่งใช้ในยุครัชกาลที่ 5 และเปลี่ยนชื่อเป็น ปลย.45 และ ปลส.47 ในยุครัชกาลที่ 6 แต่บุคคลทั่วไปนิยมเรียก "ปืน ร.ศ." (รัตนโกสินทรศก)”[2][3][4][5]

Remove ads

ลักษณะจำเพาะ

ปืนเล็กยาว 45/ปืนเล็กยาว 66

ลักษณะทั่วไปปืนเล็กยาว:ปลย 45-ปลย 66

ปืนเล็กสั้น:ปลส 47-ปลส 45/66-ปลส 47/66

ระบบการทำงานลูกเลื่อน แบบเมาเซอร์ 3 ปีกขัดกลอน
ศูนย์หน้าทรงใบมีด
ความจุ5+1 นัด
ขนาดกระสุนปลย 45-ปลส 47

8x50 มม. (8x50 mm.R Siamese mauser type 45) ชนิดหัวป้าน ปลย 66-ปลส 45/66-47/66 8x52 มม. (8x52 mm.R Siamese mauser type 66) ชนิดหัวแหลม

โรงงานผลิตโรงงานสรรพาวุธ กองทัพญี่ปุ่น ที่ โคชิกาวา
Remove ads

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads