คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง

พรรคริพับลิกัน (สหรัฐ)

พรรคการเมืองอเมริกัน จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พรรคริพับลิกัน (สหรัฐ)
Remove ads

พรรคริพับลิกัน (อังกฤษ: Republican Party) หรือ มีชื่อเล่นว่า แกรนด์โอลด์ปาร์ตี (Grand Old Party, อักษรย่อ: GOP) เป็นพรรคการเมืองอนุรักษนิยม ซึ่งเป็นหนึ่งในสองพรรคของสหรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุด (อีกพรรคหนึ่งคือ พรรคเดโมแครต) พรรคริพับลิกันถูกตั้งชื่อเพื่อสะท้อนคตินิยมทางการเมืองแบบสาธารณรัฐนิยม (republicanism) ซึ่งเป็นคตินิยมที่สำคัญในสมัยสงครามปฏิวัติอเมริกา พรรคนี้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1854 โดยแนวร่วมผสมระหว่าง นักเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านสถาบันทาส, นักปฏิรูปเศรษฐกิจ, สมาชิกเก่าของพรรคเนชันแนลริพับลิกัน, สมาชิกเก่าของพรรคแผ่นดินเสรี, และพรรควิก

ข้อมูลเบื้องต้น พรรคริพับลิกัน Republican Party, หัวหน้า ...

พรรคริพับลิกันในยุคเริ่มแรก ยึดถือคตินิยมทางการเมืองแบบเสรีนิยมคลาสสิค โดยมีจุดยืนที่ปฏิเสธสถาบันทาส และสนับสนุนการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ ภายใต้การนำของอับราฮัม ลินคอล์นและรัฐสภาพรรครีพับลิกัน พรรคสามารถนำประเทศทำลายสมาพันธรัฐอเมริการะหว่างสงครามกลางเมือง รักษาสหภาพและเลิกทาสได้สำเร็จ หลังจากนั้นพรรครีพับลิกันเป็นพรรคใหญ่สุดในการเมืองระดับชาติจนกระทั่ง ค.ศ. 1932 โดยหลังจาก ค.ศ. 1912 อดีตประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูสเวลต์และผู้สนับสนุนแยกตัวออกไปตั้งพรรคก้าวหน้า ทำให้อุดมการณ์พรรครีพับลิกันเปลี่ยนเป็นฝ่ายขวา พรรครีพับลิกันเสียเสียงข้างมากในรัฐสภาในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (ค.ศ. 1929–1940) ซึ่งโครงการสัญญาใหม่ที่ได้รับความนิยมสูงทำให้พรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่ในช่วงสามทศวรรษถัดมา หลังรัฐบัญญัติสิทธิพลเมือง ค.ศ. 1964 และรัฐบัญญัติสิทธิออกเสียง ค.ศ. 1965 ฐานเสียงหลักของพรรคก็เปลี่ยนไป โดยรัฐภาคใต้มักออกเสียงเลือกประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน[9] และหลังคำวินิจฉัยของศาลสูงสุดในคดีระหว่างโรกับเวด ค.ศ. 1973 พรรครีพับลิกันเพิ่มการคัดค้านการทำแท้งในแนวนโยบายของพรรคและทำให้ได้เสียงสนับสนุนจากพวกอีแวนเจลิคัล[10] พรรคยังสนับสนุนรัฐบาลขนาดเล็ก การผ่อนปรนระเบียบควบคุม ลดภาษี สิทธิปืน การจำกัดคนเข้าเมืองและคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย การจำกัดการทำแท้ง การจำกัดสหภาพแรงงาน และการเพิ่มงบรายจ่ายทางทหาร รวมทั้งยังสนับสนุนการค้าเสรีเพิ่มขึ้นนับแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20[11][12][13][14][15]

ในสมัยใหม่ ฐานประชากรศาสตร์ของพรรคเปลี่ยนไปยังชนชั้นแรงงาน ผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบท เพศชาย ชาวภาคใต้และอเมริกันผิวขาวมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคริสเตียนอีแวนเจลิคัลผิวขาว[16][17] ในปีหลัง ๆ พรรครีพับลิกันมีสมาชิกเป็นชนชั้นแรงงานผิวขาว ฺฮิสแปนิกและยิวออร์โธด็อกซ์มากขึ้น ขณะที่เสียการสนับสนุนจากผิวขาวชนชั้นสูงและจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย[18][19][20][21] ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนล่าสุด คือ ดอนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ระหว่างปี 2017 ถึง 2021 จนถึงปัจจุบันมีประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันแล้ว 19 คนซึ่งมากกว่าพรรคการเมืองพรรคใดในสหรัฐ ในปี 2022 พรรครีพับลิกันมีผู้ว่าการรัฐ 28 คน ครองสภานิติบัญญัติระดับรัฐ 30 แห่ง และครองทั้งสภาสูง สภาล่างและผู้ว่าการรัฐ (trifecta) ใน 23 รัฐ ผู้พิพากษาศาลสูงสุด 6 คนจาก 9 คนมาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดีพรรครีพับลิกัน

Remove ads

ประวัติ

สรุป
มุมมอง

พรรครีพับบลีกันตั้งขึ้นภายใต้การนำของประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น เมื่อค.ศ. 1854 เป็นแยกตัวของนักการเมืองผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับระบอบทาส ออกมาจากพรรควิก (Whig Party) ชื่อพรรครีพับบลีกันเป็นการตั้งชื่อเลียนแบบพรรครีพับบลีกันเก่าดั้งเดิมของสหรัฐซึ่งก่อตั้งโดยประธานาธิบดีโธมัส เจฟเฟอร์สัน การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีค.ศ. 1860 พรรครีพับบลีกันภายใต้การนำของอับราฮัม ลินคอล์น ได้รับชัยชนะท่วมท้นในมลรัฐทางภาคเหนือและได้เป็นประธานาธิบดี เป็นเหตุให้รัฐทางใต้ซึ่งไม่พอใจนโยบายเลิกทาสของลินคอล์นจึงแยกตัวออกไป นำไปสู่สงครามกลางเมืองอเมริกา (American Civil War) สงครามสิ้นสุดลงฝ่ายเหนือได้รับชัยชนะ ทำให้พรรครีพับบลิกันซึ่งชูนโยบายเลิกทาสประสบความสำเร็จและมีชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณเจ็ดสิบปี ตั้งแต่ค.ศ. 1860 ถึง ค.ศ. 1933 (ยกเว้นในสมัยของประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน) ครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามาเกือบจะโดยตลอด เป็นแหล่งที่มาของประธานาธิบดีสหรัฐในสมัยแห่งการฟื้นฟู (Reconstruction) และสมัยแห่งความก้าวหน้า (Progressive Era) ที่สำคัญได้แก่ ยูลิสซิส เอส. แกรนต์ และธีโอดอร์ โรสเวลต์

ในช่วงแรกนั้นนโยบายของพรรครีพับบลีกันมีความเป็นเสรีนิยม ส่งเสริมความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี การขยายอาณานิคม และการส่งเสริมสิทธิของชาวแอฟริกันอเมริกัน จนกระทั่งค.ศ. 1933 นายแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ แห่งพรรคเดโมแครต ชูนโยบายสังคมเสรีนิยมทำให้พรรครีพับลีกันมีความนิยมที่เสื่อมลงและต้องสูญเสียอำนาจในการบริหารประเทศ รวมทั้งสูญเสียเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาให้แก่พรรคเดโมแครต ทำให้พรรครีพับบลีกันเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านเสียส่วนใหญ่ในช่วงเวลาประมาณเจ็ดสิบปี ตั้งแต่ค.ศ. 1933 ถึง ค.ศ. 1994

ในช่วงสงครามเย็น แม้ว่าในรัฐสภาจะมีพรรคเดโมแครตกุมเสียงข้างมากอยู่ แต่ก็มีประธานาธิบดีจากพรรครีพับบลีกันได้รับเลือกตั้งถึงสามคน ได้แก่ ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ผู้นำสหรัฐเข้าสู่สงครามเกาหลี ริชาร์ด นิกสัน ผู้มีนโยบายผ่อนปรนกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและถอนสหรัฐออกจากสงครามเวียดนาม และโรนัลด์ เรแกน ผู้นำสหรัฐในการยุติสงครามเย็น

ในค.ศ. 1994 ในสมัยของประธานาธิบดีบิล คลินตัน พรรครีพับบลีกันได้เสียงข้างมากกลับคืนมาทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดสิบปี ค.ศ. 2000 ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุชจากพรรครีพับบลีกันชนะการเลือกตั้ง

Remove ads

จุดยืนทางการเมือง

สวัสดิการ

พรรคริพับลิเชื่อว่าบุคคลควรรับผิดชอบต่อสถานการณ์ของตนเอง พวกเขายังเชื่อว่าภาคเอกชนมีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือคนยากจนด้วยการกุศลมากกว่าที่รัฐบาลทำผ่านโครงการสวัสดิการ และโครงการช่วยเหลือทางสังคมมักทำให้รัฐบาลต้องพึ่งพาอาศัยกัน[22]

ค่าจ้างขั้นต่ำ

พรรคริพับลิกันส่วนใหญ่คัดค้านการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำโดยเชื่อว่าการเพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยบังคับให้พวกเขาเลิกจ้างและจ้างงานจากภายนอกในขณะที่ส่งต่อต้นทุนให้กับผู้บริโภค[23]

Remove ads

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

Loading related searches...

Wikiwand - on

Seamless Wikipedia browsing. On steroids.

Remove ads