คำถามยอดนิยม
ไทมไลน์
แชท
มุมมอง
พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร
อดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Remove ads
มหาอำมาตย์เอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าธานีนิวัต (7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428 – 8 กันยายน พ.ศ. 2517) เป็นอดีตเสนาบดีกระทรวงธรรมการ อดีตประธานองคมนตรี และอดีตผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |

Remove ads
พระประวัติ
สรุป
มุมมอง
พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าธานีนิวัต เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา ประสูติแต่หม่อมเอม โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม กุณฑลจินดา; ธิดาของหลวงวรศักดาพิศาล (กาจ กุณฑลจินดา) เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428 ทรงศึกษาที่โรงเรียนราชกุมารในพระบรมมหาราชวัง
หม่อมเจ้าธานีนิวัติผนวชเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2441 ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสุคุณคณาภรณ์ (ม.ร.ว.ชื่น สุจิตฺโต) เป็นพระศีลาจารย์[1] วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2452 ได้ผนวชเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสาสนโสภณ (อ่อน อหึสโก) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ผนวชแล้วไปเสด็จไปประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร[2]
หลังจากลาผนวช ได้เสด็จไปทรงศึกษาที่ประเทศอังกฤษ ที่โรงเรียนรอตติงดีน และโรงเรียนรักบี้ ทรงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (B.A.) สาขาบูรพคดีศึกษา (Oriental Studies) จากวิทยาลัยเมอร์ตันคอลเลจ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เมื่อปี พ.ศ. 2451 แล้วเสด็จกลับมาทรงรับราชการในปีถัดมา ทรงดำรงตำแหน่งปลัดกรมพลำภัง (กรมการปกครอง สังกัดกระทรวงมหาดไทยในปัจจุบัน), ข้าหลวงมหาดไทย มณฑลกรุงเก่า, [3]ราชเลขานุการในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ช่วยราชเลขานุการ[4] และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต ทรงศักดินา 3000 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2465[5]
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัตเป็นผู้รั้งตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงธรรมการ ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2469 แทนเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ที่กราบถวายบังคมทูลลาออกจากตำแหน่ง[6] แล้วจึงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการ เต็มตามตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2470[7] ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงธรรมการจนถึงปี พ.ศ. 2475 จึงทรงออกจากตำแหน่งภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้แต่งตั้งพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต เป็นประธานองคมนตรี เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2492 [8] หลังจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2493 จึงทรงแต่งตั้งเป็นองคมนตรี[9] และวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2493 ทรงตั้งเป็นประธานองคมนตรี แทนพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร ที่ทรงย้ายไปเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์[10] ต่อมาวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 สถาปนาเป็น พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ทรงศักดินา 11,000[11] เมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร สิ้นพระชนม์ รัฐสภาจึงแต่งตั้งให้พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากรเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แทนตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2494[12] สุดท้ายทรงตั้งเป็นประธานองคมนตรีอีกครั้งในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2495[13]
พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีก 2 ครั้ง คือตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม ถึงวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2506 ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศญี่ปุ่นและประเทศไต้หวัน[14] และตั้งแต่วันที่ 9 ถึงวันที่ 14 กรกฎาคม ปีเดียวกัน ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศฟิลิปปินส์[15]
พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร เสกสมรสกับหม่อมประยูร โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม สุขุม) ธิดาของเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) กับหม่อมโต โสณกุล ณ อยุธยา (สกุลเดิม ณ ป้อมเพชร์) มีพระโอรสธิดา 4 คน ดังนี้[16]
- หม่อมราชวงศ์ไม่มีชื่อ (เพศชาย)
- หม่อมราชวงศ์นิวัตวาร ณ ป้อมเพชร์
- หม่อมราชวงศ์ปาณฑิตย์ โสณกุล
- หม่อมราชวงศ์สุพิชชา โสณกุล
พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ประธานองคมนตรี สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2517 สิริพระชันษา 88 ปี ในการนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงสรงพระศพ กับทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระโกศทองน้อยทรงพระศพ และประดิษฐานพระโกศพระศพไว้ ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร มีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานเพลิงพระศพ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2517 ณ พระเมรุหลวง วัดเทพศิรินทราวาส และในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2517 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เสด็จไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ในการเก็บพระอัฐิ เลี้ยงเพลสามหาบ และทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์อีก 10 รูป สดับปกรณ์
Remove ads
การดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี
![]() | ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
พระเกียรติยศ
พระอิสริยยศ
- หม่อมเจ้าธานีนิวัต โสณกุล
(7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428 - 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2465)
- พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต
(11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2465 - 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2493)
- พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร
(8 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 - 8 กันยายน พ.ศ. 2517)
พระยศ
พระยศพลเรือน
พระยศกระทรวงวัง
พระยศกองเสือป่า
ประธานองคมนตรี
- ครั้งที่ 1 (18 มิถุนยาน 2492 - 25 มีนาคม 2493) ทรงดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 จนถึงวันที่กราบบังคมทูลลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี เมื่อพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวร
- ครั้งที่ 2 (4 มิถุนายน 2493 - 22 มีนาคม 2494) ทรงดำรงตำแหน่งแทน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร ที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในช่วงเวลาที่พระองค์เสด็จฯ ไปรับการถวายการตรวจรักษาพระวรกายที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเมื่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร สิ้นพระชนม์ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
- ครั้งที่ 3 (8 เมษายน 2495 - 20 ตุลาคม 2501) ทรงดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 ซึ่งประกาศใช้แทนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 และทรงดำรงตำแหน่งจนถึงวันที่คณะรัฐประหาร (จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์) ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว
- ครั้งที่ 4 (24 กุมภาพันธ์ 2502 - 27 พฤษภาคม 2506) ทรงดำรงตำแหน่งตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 ซึ่งคณะรัฐประหารประกาศใช้เป็นการชั่วคราว จนถึงวันที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในช่วงเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศญี่ปุ่นและสาธารณรัฐจีน อย่างเป็นทางการ
- ครั้งที่ 5 (8 มิถุนายน - 9 กรกฎาคม 2506) ทรงกลับมาดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี เมื่อพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเยือนประเทศญี่ปุ่น และสาธารณรัฐจีน จนถึงวันที่พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีกครั้ง ในช่วงเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ
- ครั้งที่ 6 (14 กรกฎาคม 2506 - 20 มิถุนายน 2511) ทรงกลับมาดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี เมื่อพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ กลับ จากการเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ จนถึงวันที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 แทนธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502
- ครั้งที่ 7 (30 กรกฎาคม 2511- 17 พฤศจิกายน 2514) ทรงดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 จนถึงวันที่รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวถูกยกเลิกโดยคณะปฏิวัติ (จอมพล ถนอม กิตติขจร)
- ครั้งที่ 8 (15 ธันวาคม 2515 - 8 กันยายน 2517) ทรงดำรงตำแหน่งตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 ซึ่งคณะปฏิวัติ ประกาศใช้ชั่วคราว และทรงดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรีจนถึงวันที่สิ้นพระชนม์
Remove ads
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
สรุป
มุมมอง
พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
- พ.ศ. 2493 –
เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.) (ฝ่ายหน้า)[27]
- พ.ศ. 2464 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ (ร.ว.) (ฝ่ายหน้า)[28]
- พ.ศ. 2465 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 1 ปฐมจุลจอมเกล้า (ป.จ.) (ฝ่ายหน้า)[29]
- พ.ศ. 2493 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)[30]
- พ.ศ. 2495 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)[31]
- พ.ศ. 2463 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์วัลลภาภรณ์ (ว.ภ.) (ฝ่ายหน้า)[32]
- พ.ศ. 2459 –
เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ศ))[33]
- พ.ศ. 2496 –
เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1[34]
- พ.ศ. 2468 –
เหรียญศารทูลมาลา (ร.ศ.ท.)[35]
- พ.ศ. 2464 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 2 (ว.ป.ร.2)[36]
- พ.ศ. 2471 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 2 (ป.ป.ร.2)[37]
- พ.ศ. 2496 –
เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 (ภ.ป.ร.1)[38]
- พ.ศ. 2454 –
เหรียญราชรุจิทอง รัชกาลที่ 6 (ร.จ.ท.6)[39]
- พ.ศ. 2454 –
เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
- พ.ศ. 2468 –
เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 7 (ร.ร.ศ.7)
- พ.ศ. 2493 –
เหรียญพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 9 (ร.ร.ศ.9)
- พ.ศ. 2475 –
เหรียญเฉลิมพระนคร 150 ปี (ร.ฉ.พ.)
- พ.ศ. 2500 –
เหรียญงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
ฟิลิปปินส์ :
- พ.ศ. 2496 –
เครื่องอิสริยาภรณ์ซิกาตูนา ชั้นที่ 2[40]
- พ.ศ. 2496 –
กัมพูชา :
- พ.ศ. 2497 –
เครื่องอิสริยยศพระราชาณาจักรกัมพูชา ชั้นที่ 1[41]
- พ.ศ. 2497 –
ลาว :
- พ.ศ. 2498 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ล้านช้างร่มขาว ชั้นที่ 1[42]
- พ.ศ. 2498 –
ไต้หวัน :
- พ.ศ. 2501 –
เครื่องอิสริยาภรณ์ดาราอันสุกสกาว ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2501 –
เดนมาร์ก :
- พ.ศ. 2505 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์แดนเนอโบร ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2505 –
เยอรมนี :
- พ.ศ. 2505 –
เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ชั้นที่ 1 (พิเศษ)[43]
- พ.ศ. 2505 –
กรีซ :
- พ.ศ. 2506 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จอร์จที่ 1 ชั้นที่ 1[44]
- พ.ศ. 2506 –
เบลเยียม :
- พ.ศ. 2507 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เลออปอล ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2507 –
เนเธอร์แลนด์ :
- พ.ศ. 2507 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์สิงโตเนเธอร์แลนด์ ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2507 –
ญี่ปุ่น :
- พ.ศ. 2507 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์อาทิตย์อุทัย ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2507 –
นอร์เวย์ :
- พ.ศ. 2508 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์นักบุญโอลาฟ ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2508 –
สวีเดน :
- พ.ศ. 2508 –
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาวขั้วโลก ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2508 –
เกาหลีใต้ :
- พ.ศ. 2509 –
เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณสำหรับการสร้างชาติ ชั้นที่ 1
- พ.ศ. 2509 –
อาร์เจนตินา :
- พ.ศ. 2509 –
เครื่องอิสริยาภรณ์นายพลซาน มาร์ติน ผู้ปลดปล่อย ชั้นที่ 1[45]
- พ.ศ. 2509 –
ออสเตรีย :
- พ.ศ. 2510 –
เครื่องอิสริยาภรณ์กิตติคุณแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ชั้นที่ 1 (มหาดารา)
- พ.ศ. 2510 –
อิหร่าน :
เอธิโอเปีย :
มาเลเซีย :
Remove ads
แหล่งค้นคว้าเพิ่มเติม
พงศาวลี
Remove ads
อ้างอิง
Wikiwand - on
Seamless Wikipedia browsing. On steroids.
Remove ads